บทวิเคราะห์เศรษฐกิจประจำสัปดาห์

เศรษฐกิจมหภาค

ภาวะเศรษฐกิจและการเงินประจำสัปดาห์

26 สิงหาคม 2568

เศรษฐกิจโลกและไทย

 

ภาคการผลิตและส่งออกของกลุ่มประเทศแกนหลัก คาดเผชิญแรงกดดันสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากผลกระทบของกำแพงภาษีการค้า ด้านภาคท่องเที่ยวของไทยยังมีสัญญาณอ่อนแรง

 

สหรัฐฯ

 

ธนาคารกลางสหรัฐฯส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจและตลาดแรงงานเสี่ยงชะลอตัวมากขึ้น ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ประธานเฟดส่งสัญญาณถึงโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะอันใกล้นี้จากความเสี่ยงต่อการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่นโยบายการค้าคาดว่าจะกระทบต่อเงินเฟ้อเพียงชั่วคราว ดังนั้น ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจและดุลความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป เฟดจึงอาจต้องปรับเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประธานเฟดจะมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น (Dovish) แต่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนต่อการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยได้ในระยะถัดไป

ทั้งนี้ ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายตัว เช่น ตัวเลขการจ้างงาน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล ยังคงบ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อการชะลอตัวที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกัน แม้ว่าเงินเฟ้อฝั่งอุปทานอาจขยับสูงขึ้นจากผลของนโยบายปรับขึ้นภาษีทางการค้า แต่อัตราเงินเฟ้อฝั่งอุปสงค์มีแนวโน้มชะลอตัวตามภาพเศรษฐกิจโดยรวม จากประเด็นดังกล่าว วิจัยกรุงศรีคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 2-3 ครั้งในปีนี้


Weekly Economic Review
 

ญี่ปุ่น

 

ภาคบริการช่วยประคับประคองเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ภาคการผลิตและส่งออกยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งการเติบโต ในเดือนกรกฎาคม ยอดส่งออกหดตัวมากสุดในรอบ 4 ปีที่ -2.6% YoY ขณะเดียวกันจำนวนผู้ที่เดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 4.4% YoY สู่ระดับ 3.4 ล้านคน ด้านกระทรวงการคลังเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในคำของบปี 2569-2570 ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณสำหรับพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวสู่ระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี ที่2.6% ซึ่งส่งผลให้การตั้งงบชำระหนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราว 30 ล้านล้านเยน

ภาคบริการยังคงขยายตัวอย่างเข้มแข็งในไตรมาสสอง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังโตต่อเนื่อง รวมถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะหนุนให้ค่าจ้างปรับขึ้นได้ต่อ และช่วยประคับประคองการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตและส่งออกมีโอกาสหดตัวต่อเนื่องท่ามกลางอุปสรรคจากกำแพงภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น สะท้อนจากยอดส่งออกของญี่ปุ่นที่หดตัวมากขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจมากขึ้นในระยะถัดไป จากปัจจัยดังกล่าว วิจัยกรุงศรีคาดว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจ


Weekly Economic Review
 

ไทย
 

ภาคท่องเที่ยวไทยยังมีสัญญาณอ่อนแรง วิจัยกรุงศรีคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้มีแนวโน้มลดลงเป็นปีแรกหลังฟื้นตัวจากโควิด ในเดือนกรกฎาคมมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 2.61 ล้านคน หดตัว -15.9% YoY สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.24 แสนล้านบาท ลดลง -14.7% สำหรับในช่วง 7 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 19.3 ล้านคน ลดลง -6.4% YoY สร้างรายได้ 8.95 แสนล้านบาท ลดลง -4.2%     

ภาคท่องเที่ยวของไทยยังเผชิญปัจจัยลบสำคัญจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ต่ำกว่าปีที่แล้วท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัย ในช่วง 7 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวจีนลดลง -34.9% YoY เหลือเพียง 2.62 ล้านคน หรือประมาณ 40% ของระดับก่อนโควิด-19 ในปี 2562 ขณะเดียวกันไทยยังเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่งในเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเวียดนามที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนปัจจัยดังกล่าวทำให้ภาคท่องเที่ยวไทยในปีนี้ยังไม่สดใส ล่าสุดวิจัยกรุงศรีคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 จะลดลงเหลือ 34 ล้านคน จาก 35.5 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งถือเป็นการลดลงรายปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 หลังการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563

 

Weekly Economic Review
 

 

Tag:
ย้อนกลับ
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา