บทวิเคราะห์เศรษฐกิจประจำสัปดาห์

เศรษฐกิจมหภาค

ภาวะเศรษฐกิจและการเงินประจำสัปดาห์

02 กันยายน 2568

Weekly Economic Review

ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศแกนหลักยังสะท้อนภาพที่อ่อนแอ หนุนธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายต่อเนื่อง ด้านจีนต้องรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น

 

สหรัฐฯ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอต่อเนื่อง หนุนโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 97.4 ในเดือนสิงหาคม ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2566-67 ที่ 105 ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ที่ 1.95 ล้านราย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากต้นปี 2568 ที่ 1.87 ล้านราย ด้านราคาบ้านในเดือนมิถุนายนชะลอตัวมากสุดในรอบเกือบ 13 ปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ PCE ทรงตัวที่ 2.6% YoY ในเดือนกรกฎาคม

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนภาพการชะลอตัวที่ต่อเนื่อง อาทิ ตลาดแรงงาน ตลาดที่อยู่อาศัย และความเชื่อมั่น ขณะที่ความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ในการปลดลิซ่า คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเฟดที่มีสิทธิ์โหวตทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย สร้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางและความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของประเทศสหรัฐฯ ขณะเดียวกันการขึ้นภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของทรัมป์ผิดกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ได้ระงับผลของคำตัดสินไว้จนถึงวันที่ 14 ตุลาคม เพื่อให้ทรัมป์มีเวลายื่นต่อศาลฎีกาต่อไป ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนต่อนโยบายดังกล่าวในระยะข้างหน้า จากความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นในหลายแง่มุม วิจัยกรุงศรีคาดว่าเฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้งในการประชุมช่วงที่เหลือของปีนี้


Weekly Economic
 

ญี่ปุ่น

 

ภาคส่งออกและการผลิตมีแนวโน้มหดตัวแรงขึ้น ขณะที่การบริโภคยังไม่ฟื้น คาดหนุน BOJ คงดอกเบี้ยที่ 0.5% จนถึงสิ้นปี  ยอดค้าปลีกในเดือนกรกฎาคมโตต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ 0.3% YoY ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของกรุงโตเกียว (Tokyo CPI) ชะลอลงเหลือ 2.6% ในเดือนสิงหาคม จากเดือนก่อนที่ 2.9% เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของกรุงโตเกียว (Tokyo core CPI) ชะลอลงสู่ระดับ 2.5% จากเดือนก่อนที่ 2.9%

ภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเติบโตต่ำเนื่องจากภาคการส่งออกและการผลิตมีแนวโน้มหดตัวแรงขึ้นภายใต้แรงกดดันจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ขณะที่การบริโภคภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้าและระบายสต๊อกข้าว จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะช่วยหนุนให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปแม้เงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% โดยวิจัยกรุงศรีประเมินว่ายังมีความเป็นไปได้ที่ BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% จนถึงสิ้นปีนี้


Weekly Economic
 

จีน
 

เศรษฐกิจจีนเผชิญความเปราะบางภายในประเทศ ขณะที่ความเสี่ยงจากภายนอกเพิ่มสูงขึ้น กำไรภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องที่ -1.5% YoY ในเดือนกรกฎาคม จาก -4.3%  ในเดือนมิถุนายน ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตลดลงต่อเนื่องนาน 34 เดือน สำหรับปัจจัยภายนอก เม็กซิโกประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลังเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะครอบคลุมยานยนต์ สิ่งทอ และพลาสติก

ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่เริ่มอ่อนแอลง อาจจำกัดประสิทธิผลของมาตรการแก้ไขปัญหาอุปทานส่วนเกินและการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรง ซึ่งกดดันกำไรภาคธุรกิจในระยะที่ผ่านมา ล่าสุดรัฐบาลเตรียมยกเครื่องกำลังการผลิตในกลุ่มปิโตรเคมีภัณฑ์ โดยจะทยอยปิดโรงงานขนาดเล็ก สนับสนุนการปรับปรุงโรงงานที่มีอายุเกิน 20 ปี และเน้นการผลิตเคมีภัณฑ์เฉพาะทางมากขึ้น อีกด้านหนึ่งการเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าของเม็กซิโกตามแรงกดดันจากสหรัฐฯ สะท้อนความเสี่ยงที่ขยายวงกว้างขึ้น โดยสหรัฐฯ อาจกดดันชาติพันธมิตรอื่นเพิ่มเติมเพื่อจำกัดอิทธิพลของจีนในตลาดโลก ภายใต้ความเสี่ยงรอบด้านนี้ การเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของภาคประชาชนและธุรกิจเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศจึงมีความจำเป็น และนับเป็นความท้าทายด้วยเช่นกัน

 


Weekly Economic
 

Weekly Economic Review

แรงส่งเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังแผ่วลงท่ามกลางแรงกดดันทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ

 

เศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคมชะลอลงจากเดือนก่อนตามภาคท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังต้องติดตามพัฒนาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกรกฏาคม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแม้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (+2.0% MoM sa) แต่รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัว (-5.6%) ขณะเดียวกันการบริโภคภาคเอกชนแผ่วลงต่อเนื่อง (-0.2%) จากการหดตัวของการใช้จ่ายในหมวดบริการและหมวดสินค้าไม่คงทน ส่วนการลงทุนภาคเอกชนกลับมาหดตัว (-0.4%) จากการลดลงในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย (+0.3%)

เศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2568 เผชิญแรงกดดันและมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน ภายใต้สมมติฐานสถานการณ์การเมืองมีผลกระทบจำกัดต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ โดยคาดว่าอัตราการเติบโตอาจเหลือเพียง 1.3% จาก 3.0% ในครึ่งปีแรก สาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่ชะลอลง หลังผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เริ่มปรากฏชัด ประกอบกับแรงส่งจากคำสั่งซื้อที่เร่งส่งออกในช่วงก่อนหน้าได้สิ้นสุดลง ขณะเดียวกันภาคท่องเที่ยวยังมีทิศทางฟื้นตัวช้าตามการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้นางสาวแพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญ อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน กดดันการใช้จ่ายในประเทศ และทำให้ความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจสำคัญสะดุดลง


Weekly Economic
 

มูลค่าส่งออกเดือนกรกฏาคมในรูปดอลลาร์ยังเติบโตสูงต่อเนื่อง แต่ในรูปเงินบาทกลับหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน สะท้อนแรงส่งทางเศรษฐกิจอ่อนแอลง กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 28.6 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.0% YoY หากหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และทองคำ การส่งออกเติบโต 16.6% โดยการส่งออกสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ แผงวงจรไฟฟ้า รวมถึงสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งที่กลับขยายตัวได้ดี ด้านตลาดส่งออกพบว่าตลาดสำคัญส่วนใหญ่เติบโตดี โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และอาเซียน สำหรับในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 195.4 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14.4%

แนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 มีความเสี่ยงชะลอตัวลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ แม้ในช่วง 7 เดือนแรกจะขยายตัวสูงถึง 30.1% แต่การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทยจาก 10% เป็น 19% ตั้งแต่ 7 สิงหาคม ย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ แนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องยังซ้ำเติมภาคการส่งออก ทั้งในแง่รายได้เมื่อแปลงเป็นเงินบาทและการแข่งขันด้านราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค โดยล่าสุดมูลค่าส่งออกในรูปเงินบาทเดือนกรกฎาคมหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนที่ -1.1% YoY สะท้อนว่าบทบาทของภาคการส่งออกในฐานะเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มอ่อนแรงลงในระยะข้างหน้า


Weekly Economic  

 

Tag:
ย้อนกลับ
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา