ภาวะเศรษฐกิจและการเงินประจำสัปดาห์

ภาวะเศรษฐกิจและการเงินประจำสัปดาห์

28 ตุลาคม 2568

Weekly Economic Review

ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีโอกาสผ่อนคลายลงหลังการเจรจาสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยภายในและภายนอกกดดันเศรษฐกิจจีนมากขึ้น

 

สหรัฐฯ

 

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะ Shutdown และความตึงเครียดทางการค้ากับจีน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2567 ที่ 3% YoY ในเดือนกันยายน แต่เป็นอัตราที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ 3.1% สู่ระดับ 3% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 53.6 ในเดือนตุลาคม

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถูกปกคลุมจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานราชการ (government shutdown) ที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงความขัดแย้งทางการค้ากับจีนที่เพิ่มขึ้นหลังทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมและควบคุมการส่งออกซอฟแวร์เพื่อตอบโต้จีนที่ขยายมาตรการส่งออกแร่หายาก อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาผลการประชุมนอกรอบระหว่างผู้นำของสหรัฐฯ และจีนที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม ว่าจะช่วยคลายความขัดแย้งทางการค้าได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงและเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ วิจัยกรุงศรีคาดว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในการประชุมช่วงที่เหลือของปีนี้สู่ระดับ 3.50-3.75%

 

Weekly Economic Review
 

ญี่ปุ่น

 

นโยบายการคลังเชิงรุกของรัฐบาลทาคาอิจิคาดช่วยหนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นช่วงปลายปี  การส่งออกของญี่ปุ่นพลิกฟื้นจากหดตัวในเดือนก่อนที่ -0.1% กลับมาขยายตัว 4.2% YoY ในเดือนกันยายน ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (National CPI) เดือนกันยายนปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน อยู่ที่ 2.9% YoY แต่สอดคล้องกับตลาดคาดการณ์ ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตหดตัวมากขึ้นจากเดือนก่อนที่ 48.5 สู่ระดับ 48.3 ในเดือนตุลาคม

แม้ว่าการบริโภคยังคงอ่อนแอจากแรงกดดันเงินเฟ้อสะท้อนจากยอดค้าปลีกที่หดตัวมากสุดในรอบ 4 ปี แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากความเชื่อมั่นของผู้ผลิตรายใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้น ภาคธุรกิจยังคงขยายแผนการลงทุน รวมถึงการส่งออกที่กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน จากแรงหนุนของการอ่อนค่าของเงินเยนและการส่งออกไปเอเชียที่ดีขึ้นนอกจากนี้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่าจะดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ปัญหาค่าครองชีพ และเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ที่เข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงปลายปีนี้ จากความคาดหวังดังกล่าวอาจเพิ่มโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOJ ในช่วงปลายปีนี้

 

Weekly Economic Review
 

จีน
 

แรงส่งการเติบโตของจีนแผ่วลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจสำคัญส่งสัญญาณชะลอตัว ทั้ง GDP ในไตรมาสที่ 3 (+4.8% YoY จาก 5.2% ในไตรมาสที่ 2) ยอดค้าปลีกสินค้าในเดือนกันยายน (+3% จาก +3.4% YoY ในเดือนสิงหาคม) และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วง 9 เดือนแรก (หดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โควิดที่ -0.5%) สำหรับผลการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่า จะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ การกระจายรายได้ การพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว และ AI รวมถึงการพัฒนาตลาดแห่งชาติ (Unified National Market) ตลอดจนการแก้ไขปัญหาการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง (Price involution) และปัญหาอุปทานส่วนเกิน

เครื่องชี้ด้านการบริโภคและการลงทุนชะลอตัวต่อเนื่อง ภาคอสังหาฯ ยังคงอ่อนแอ อีกทั้งการส่งออกมีบทบาทน้อยลงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดย contribution to GDP growth ของการส่งออกสุทธิลดลงจาก 46% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 เหลือ 25% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 นอกจากนี้ จีนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากภาษีสวมสิทธิ์ของสหรัฐฯ การควบคุมการส่งออกสินค้าสำคัญ และการขึ้นค่าธรรมเนียมท่าเรือ ดังนั้น ความหวังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนจึงขึ้นอยู่กับประสิทธิผลในการฟื้นการบริโภคภายในประเทศทั้งจากมาตรการอุดหนุนการแลกซื้อสินค้าใหม่ประกอบกับมาตรการหนุนการบริโภคในภาคบริการ

 

Weekly Economic Review

 

Weekly Economic Review

ทางการเตรียมผลักดันการลงทุนภาคเอกชนให้เกิดเร็วขึ้น ขณะที่หลายปัจจัยสะท้อนโอกาสการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในปีนี้

 

BOI มีแผนเร่งรัดการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะข้างหน้า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีมติเห็นชอบแนวทางเร่งรัดการดำเนินงานของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี พ.ศ. 2566–2567 แต่ยังประสบอุปสรรคในการเริ่มดำเนินการ รวมจำนวนกว่า 70 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท นอกจากนี้  เห็นชอบให้จัดตั้งระบบ “Thailand Fast Pass” เป็นกลไกเชิงรุกในการเร่งรัดและอำนวยความสะดวกต่อโครงการลงทุนสำคัญโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

การเร่งรัดการลงทุนของ BOI ผ่านกลไกดังกล่าว คาดว่าจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในกระบวนการอนุมัติและขออนุญาตต่างๆ เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน ตลอดจนแก้ไขอุปสรรคทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติ จุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้การลงทุนภาคเอกชนเติบโตและมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้มากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดพบว่ามูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 139% YoY นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์สมัยใหม่ ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ  (FDI) ที่ขอรับส่งเสริมลงทุนฯ มีมูลค่า 7.38 แสนล้านบาท ขยายตัว 132% นำโดยสิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน 
 

Weekly Economic Review
 

วิจัยกรุงศรีคาดดอกเบี้ยนโยบายยังมีโอกาสปรับลดลงสู่ระดับ 1.25% ภายในปลายปีนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ของปีนี้อาจหดตัว -0.5% QoQ หรือ +1.5% YoY ก่อนจะกลับมาขยายตัว 0.5% QoQ หรือ +1.3% YoY ในไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้ GDP ทั้งปี 2568 เติบโต 2.2% และคาดว่าจะชะลอลงเหลือ 1.6% ในปี 2569 จากผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กดดันภาคการส่งออกมากขึ้น

หลายปัจจัยสะท้อนถึงโอกาสการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม อาทิ (i) แนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางและเติบโตต่ำกว่าระดับศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและการค้าโลกอาจชะลอตัวในระยะต่อไป (ii) อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ล่าสุดอยู่ที่ -0.72% เดือนกันยายน ด้านธปท.คาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2569 และ (iii) ภาวะการเงินที่ตึงตัวซึ่งเห็นได้จากการหดตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องและต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริง (รวมผลของเงินเฟ้อ) อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริงโดยเฉพาะภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังคงเผชิญภาระหนี้สูงและข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน วิจัยกรุงศรีประเมินว่ามีโอกาสที่ธปท.อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 1.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวาคมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและบรรเทาภาระทางการเงินของภาคเอกชน

 

Weekly Economic Review  

 

ย้อนกลับ
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา