สินเชื่อหมุนเวียน กู้ระยะสั้น แก้วิกฤตการเงินเร่งด่วน

 

วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนคืออะไร ?

วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (Revolving Loan) จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นบริการสินเชื่อเงินกู้ระยะสั้น อนุมัติวงเงินสำรองพร้อมใช้ ช่วยให้คุณเสริมสภาพคล่องทางการเงินยามภาวะฉุกเฉินที่ต้องการเงินแบบเร่งด่วน โดยสามารถเบิกถอนเงินสดได้ง่าย ๆ สะดวก สบาย ผ่าน krungsri app ตลอด 24 ชั่วโมง ให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ลดต้นลดดอก ไม่ใช้ ไม่เสียดอกเบี้ย ให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล

*อัตราดอกเบี้ยแบบมีกำหนดชำระคืนขั้นต่ำ 23% - 25% ต่อปี

จุดเด่นของสินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคลจากกรุงศรี

  • วงเงินอนุมัติสูงสุด 3 เท่าของรายได้ หรือสูงสุด 1 ล้านบาท ตอบโจทย์ความต้องการกู้เงินด่วน
  • อัตราดอกเบี้ยต่ำ แบบลดต้นลดดอก คุ้มค่าสำหรับความต้องการเงินกู้ระยะสั้น
  • จ่ายชำระคืนสบาย ๆ ขั้นต่ำเพียง 3% ของยอดเงินต้นคงค้างรวมดอกเบี้ย
  • เบิกถอนเงิน/โอนเงิน, ชำระสินเชื่อ, ตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวในบัญชีผ่าน krungsri app ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ สะดวก รวดเร็ว เป็นสินเชื่อเงินด่วน ผ่านแอปฯ ที่ใช้งานง่าย ใช้เป็นเงินหมุนเวียนฉุกเฉินได้
  • ชำระเงินผ่านตัวแทน ให้บริการรับชำระเงิน ใกล้ ๆ คุณ
 

เงินสดหมุนเวียนพร้อมเบิกผ่าน krungsri app ทำรายการด้วยตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อมองหาแอปฯ กู้เงินฉุกเฉินจากธนาคาร เชื่อถือได้ มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง บนแอปพลิเคชัน krungsri app จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา คุณสามารถทำรายการเกี่ยวกับวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคลด้วยตนเองได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเบิกถอนเงิน/โอนเงิน ภายในวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ, ชำระสินเชื่อ, ดูรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี และเช็กยอดเงิน ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
 

ประโยชน์ของการมีเงินสดหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน

  • มีวงเงินสำรองพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
  • เบิกถอนวงเงินฉุกเฉินนำไปใช้จ่ายยามจำเป็นได้ทันที
  • เป็นเงินกู้ระยะสั้นช่วยให้วางแผนการเงินได้ยืดหยุ่น ชำระคืนได้ตามความสามารถ
  • วงเงินหมุนเวียนไม่ต้องขอวงเงินใหม่ เมื่อชำระคืนแล้ว วงเงินกลับคืนให้เบิกถอนใช้อีกครั้ง
 

วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกรุงศรี : พร้อมให้คุณเข้าถึงเงินด่วนได้ทันที

หากต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาคือทางออก ให้คุณทำรายการเบิกถอนสินเชื่อเงินด่วนผ่าน krungsri app วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สมัครได้เลย
ขั้นตอนที่ 1
เปิด krungsri app เลือกเมนู "อื่นๆ" และเลือกเมนู "การตั้งค่า"
ขั้นตอนที่ 2
เลือก "จัดการบัญชี/บัตร"
ขั้นตอนที่ 3
เลือก “เลือกเครื่องหมาย +” เพื่อเพิ่มบัญชี
ขั้นตอนที่ 4
เลือก “ประเภทบัญชี”
ขั้นตอนที่ 5
เลือก “บัญชีสินเชื่อ”
ขั้นตอนที่ 6
กรอกเลขที่บัญชีสินเชื่อและกดถัดไป
ขั้นตอนที่ 7
กด "ยืนยัน"
ขั้นตอนที่ 8
จากนั้นระบบจะส่งรหัส “OTP” ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ได้ทำการลงทะเบียนไว้ และให้นำรหัส “OTP” ที่ได้มากรอกให้ถูกต้อง
ขั้นตอนที่ 9
ดำเนินการเพิ่มบัญชีเรียบร้อย กด "เสร็จสิ้น"


ขั้นตอนที่ 1
เปิด krungsri app และเลือกเมนู "บัญชี"
ขั้นตอนที่ 2
เลือกบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคล/Krungsri iFIN
ขั้นตอนที่ 3
กดปุ่ม ถอนเงินสินเชื่อ/Loans Transfer
ขั้นตอนที่ 4
กรอกจำนวนเงินที่ต้องการ
เลือกวิธีการชำระเงิน
"ชำระขั้นต่ำ/เต็มจำนวน"
ขั้นตอนที่ 5
กดปุ่ม "ยืนยันรับวงเงินสินเชื่อ"
ขั้นตอนที่ 6
เสร็จสิ้นขั้นตอนการกดใช้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน


ขั้นตอนที่ 1
เปิด krungsri app และเลือกเมนู "บัญชี"
ขั้นตอนที่ 2
เลือกบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคล/Krungsri iFIN
ขั้นตอนที่ 3
กดปุ่ม ถอนเงินสินเชื่อ/Loans Transfer
ขั้นตอนที่ 4
กรอกจำนวนเงินที่ต้องการ
เลือกวิธีการชำระเงิน
"แบ่งชำระรายเดือน (Click for Cash)"
และเลือกจำนวนเดือนที่จะชำระเงินคืน
ขั้นตอนที่ 5
ตรวจสอบรายละเอียด
และรับทราบข้อกำหนดและเงื่อนไข
จากนั้นกดปุ่ม "ยืนยันรับวงเงินสินเชื่อ"
ขั้นตอนที่ 6
เสร็จสิ้นขั้นตอนการกดใช้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน


รายละเอียด

อัตราดอกเบี้ยต่ำ แบบลดต้นลดดอก
ทำธุรกรรมง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง ผ่าน krungsri app ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงใช้งานง่าย และมีบริการที่ครอบคลุมทุกเรื่องการเงิน เช่น การเบิกถอนเงิน/โอนเงิน, การชำระสินเชื่อ, ตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวในบัญชี เป็นต้น

หมายเหตุ
*การคำนวณรายได้, ภาระหนี้, การอนุมัติวงเงินสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร ต้องศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการสมัครใช้บริการ
**ธนาคารไม่มีนโยบายเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับการอนุมัติสินเชื่อบุคคลจากลูกค้าแต่อย่างใด กรุณาอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างเรียกเก็บค่าดำเนินการดังกล่าว
คุณสมบัติของผู้สมัคร
  • อายุ 20 - 59 ปี
  • รายได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
    • พนักงานที่มีรายได้ประจำรวมต่อเดือน ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป
    • เจ้าของกิจการมีรายได้รับหรือยอดขายต่อเดือนเฉลี่ยขั้นต่ำ 200,000 บาทขึ้นไป
  • อายุการทำงาน/อายุกิจการ
    • พนักงานที่มีรายได้ประจำผ่านการทดลองงาน และมีอายุงานรวม 1 ปีขึ้นไป
    • เจ้าของกิจการอายุกิจการนับตั้งแต่วันจดทะเบียน ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
  • มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ทั้งที่บ้าน และ/หรือที่ทำงาน
 
เอกสารประกอบการสมัคร
กรณีพนักงานที่มีรายได้ประจำ
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สลิปเงินเดือนฉบับล่าสุด หรือหนังสือรับรองการทำงานที่ระบุเงินเดือน ตำแหน่ง และอายุงาน (เอกสารฉบับจริง)
  • สำเนาบัญชีเงินฝากที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 6 เดือน (สำหรับกรณีที่มีรายได้อื่น ขอสำเนาบัญชีเงินฝากที่มีรายได้เข้าย้อนหลัง 6-12 เดือน)
  • มี krungsri app และ บัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

กรณีเจ้าของกิจการ
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • หนังสือรับรองบริษัท และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นจากกระทรวงพาณิชย์ (คัดรับรองไม่เกิน 3 เดือน)
  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีส่วนตัวและบัญชีเจ้าของกิจการ)
  • ใบทะเบียนการค้า (กรณีไม่ใช่นิติบุคคลตามกฏหมาย)
  • มี krungsri app และ บัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

อัตราดอกเบี้ยแบบมีกำหนดชำระคืนขั้นต่ำ วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน – Revolving Loan
ยอดเงินต้นที่เบิกถอน (บาท) อัตราดอกเบี้ย (ต่อปี) แบบลดต้นลดดอก
ส่วนที่น้อยกว่า 300,000 บาท 25%
300,000 – 999,999 บาท 24%
ตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป 23%
 
ดอกเบี้ย/ค่าบริการ/ค่าปรับ/ค่าใช้จ่าย หรือค่าธรรมเนียมใดๆ อัตราค่าบริการ/ค่าปรับ
1. ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ
        1.1 ดอกเบี้ย
- เงินต้นส่วนที่น้อยกว่า 300,000 บาท
25% ต่อปี
- เงินต้นส่วนตั้งแต่ 300,000 – 999,999 บาท
24% ต่อปี
- เงินต้นส่วนตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป
23% ต่อปี
           1.1.1 กรณีผิดนัด
ดอกเบี้ยกรณีผิดนัด ธนาคารจะบวกดอกเบี้ยส่วนเพิ่ม 3% ต่อปีจากอัตราดอกเบี้ยกรณีปกติ
และไม่เกินเพดานอัตราดอกเบี้ยของผลิตภัณฑ์ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
        1.2 ค่าธรรมเนียมกรณีชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด
ไม่มี
ค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายจริง และพอสมควรแก่เหตุ อัตราค่าบริการ/ค่าปรับ
2. ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานภายนอก หรือบุคคลอื่น
        2.1 ค่าใช้จ่ายในการชำระเงิน
  • ชำระโดยหักบัญชีอัตโนมัติผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ไม่มี
  • ชำระที่เคาน์เตอร์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ไม่มี
  • ชำระผ่าน krungsri app
ไม่มี
  • ชำระผ่านเครื่อง ATM ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ไม่มี
  • ชำระผ่านเครื่อง ADM (เครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ไม่มี
  • ชำระที่จุดบริการรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 (เฉพาะเงินสด)
    - ไม่เกิน 49,000 บาท ต่อรายการ
15 บาท ต่อรายการ
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • ชำระที่ที่ทำการไปรษณีย์ (เฉพาะเงินสด)
    - ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อรายการ
10 บาท ต่อรายการ
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • ชำระที่จุดบริการรับชำระของโลตัส (เฉพาะเงินสด)
    - ไม่เกิน 49,000 บาท ต่อรายการ (ชำระสูงสุด 2 รายการต่อวัน ต่อเลขที่บัญชีเงินกู้)
10 บาทต่อรายการ
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
        2.2 ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต ไม่มี
        2.3 ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ กรณีค้างชำระ หรือค้างชำระสะสมตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป
  • งวดที่ 1
50 บาท/งวด
  • งวดที่ 2 เป็นต้นไป
100 บาท/งวด
        2.4 ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์ตัวตนหรือยืนยันตัวตนของลูกค้าทางดิจิทัล ไม่มี
3. ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนในการดำเนินงาน
        3.1 ค่าใช้จ่ายกรณีหักบัญชีไม่ผ่าน ไม่มี
        3.2 ค่าใช้จ่ายกรณีเช็คคืน ไม่มี
        3.3 ค่าขอใบแจ้งยอดบัญชีของแต่ละงวด (ชุดที่ 2 เป็นต้นไป) ไม่มี
        3.4 ค่าขอตรวจสอบรายการ ไม่มี

ข้อควรระวัง
  • ดอกเบี้ยคิดตั้งแต่วันที่ได้รับเงินกู้ โดยหากผิดนัดชำระอาจมีดอกเบี้ยและค่าติดตามหนี้เพิ่ม
  • ลูกค้าควรเข้าใจผลิตภัณฑ์และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงชื่อ หากสงสัยให้ติดต่อเจ้าหน้าที่หรือ Call Center 1572
  • ค่างวดที่เรียกเก็บขั้นต่ำ 3% ของเงินต้นคงค้างรวมดอกเบี้ย
  • ดอกเบี้ยกรณีผิดนัด ธนาคารจะบวกดอกเบี้ยส่วนเพิ่ม 3% ต่อปีจากอัตราดอกเบี้ยกรณีปกติ และไม่เกินเพดานอัตราดอกเบี้ยของผลิตภัณฑ์ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
  • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย
ดาวน์โหลดเอกสาร
 
คู่มือการใช้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน
PDF
ดาวน์โหลด และ ลงทะเบียน krungsri app
ด้วยระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
App store
Google play
Huawei

คำถามที่พบบ่อย

วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน คือ วงเงินสินเชื่อที่สามารถเบิกถอนใช้ได้ตามต้องการภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ เมื่อชำระคืนแล้วก็สามารถเบิกใช้ได้อีก โดยไม่ต้องทำเรื่องขออนุมัติใหม่
สินเชื่อหมุนเวียนให้วงเงินที่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชัน ต่างจากบัตรเครดิตที่มุ่งเน้นการใช้จ่ายผ่านร้านค้า การกดเงินสดหมุนเวียนจากสินเชื่อหมุนเวียนจะไม่มีค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าเหมือนบัตรเครดิต ซึ่งดอกเบี้ยจะเริ่มคิดตั้งแต่วันที่ถอนเงินสดออกมา ส่วนบัตรเครดิตหากใช้จ่ายผ่านร้านค้าจะมีระยะเวลาปลอดหนี้
ข้อดีของการยืมเงินด่วนผ่านแอปฯ krungsri app คือความสะดวกในการจัดการด้วยตนเอง การเข้าถึงเงินด่วนพร้อมเบิกได้ตลอดเวลา ความยืดหยุ่นในการชำระคืน และความปลอดภัยสูงผ่านระบบแอปฯ กู้เงินฉุกเฉินของธนาคารที่มีมาตรฐาน
การใช้สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคลควรใช้เป็นเงินกู้ระยะสั้นเฉพาะยามจำเป็นเท่านั้น โดยควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว มีแผนการชำระคืนที่ชัดเจน และชำระให้มากกว่ายอดขั้นต่ำเพื่อลดภาระดอกเบี้ย ไม่ควรใช้เพื่อการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อชีวิตสบาย

ติดเครดิตบูโร เครดิตเสีย จะแก้ยังไงให้ดูดีเหมือนใหม่

หลาย ๆ คนคงเป็นกังวลกับการติด &ldquo;เครดิตบูโร&rdquo; หรือ &ldquo;ถูกแบล็กลิสต์&rdquo; กันไม่น้อยเลย และแน่นอนว่าจังหวะชีวิตคนเรามันมีขึ้นมีลงบ้าง บางทีก็หมุนเงินไม่ทันเอาไปปิดยอดหนี้บัตรเครดิต หรือเงินอาจจะเข้าช้าไปบ้าง จึงทำให้เป็นสาเหตุทำให้หลาย ๆ คนอาจจะติดเครดิตบูโรได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การติดเครดิตบูโรกับถูกแบล็กลิสต์นั้นต่างกัน วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจว่า เครดิตบูโรคืออะไร ติดเครดิตบูโร ติดกี่ปีถึงจะหลุด เครดิตบูโรเช็กอะไรบ้าง? และต่างกันอย่างไรกับถูกแบล็กลิสต์ รวมถึงบอก<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/cards/4-tips-clear-credit-card-debt" target="_blank">วิธีแก้เครดิตเสีย</a>ให้กลับมาดีอีกครั้ง <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow active collapsed" data-bs-target="#collapse-26012" data-bs-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-bs-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">เครดิตบูโร คืออะไร?</a></li> <li><a href="#title-2">แบล็กลิสต์ คืออะไร?</a></li> <li><a href="#title-3">ตัวอย่างค่าใช้จ่าย การผิดนัดชำระหนี้หรือชำระหนี้ล่าช้า</a></li> <li><a href="#title-4">ติดแบล็กลิสต์กับติดเครดิตบูโรต่างกันอย่างไร</a></li> <li><a href="#title-5">ติดเครดิตบูโร มีวิธีแก้ไขอย่างไร</a></li> <li><a href="#title-6">Krungsri The COACH แนะนำ : ไม่อยากเสียเครดิต ติดบูโร ทำอย่างไรได้บ้าง</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <center><img alt="เครดิตบูโร คืออะไร" class="img-fluid" height="433" loading="lazy" src="/getmedia/604c6eab-d0f4-416a-a896-dd7c200bbe85/fix-bad-credit-detail-01.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" width="650" /></center> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>เครดิตบูโร คืออะไร?</h2> </div> เครดิตบูโร (Credit Bureau) หรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งส่งมาจากสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโรที่เราเรียกกันว่า &ldquo;<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/borrowing/why-must-have-financial-credit" target="_blank">ข้อมูลเครดิต</a>&rdquo; บุคคลทั่วไปสามารถเช็กสุขภาพทางการเงินของตนเองได้โดยยื่นคำขอตรวจเครดิตบูโรผ่าน โมบายแอปพลิเคชัน หรือช่องทางการให้บริการต่าง ๆ เช่น ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร เคาเตอร์ธนาคาร ธนาคารออนไลน์ ตู้ ATM หรือที่ทำการเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ที่ให้บริการ เป็นต้น โดยสามารถตรวจสอบได้ทุกปี เหมือนเช็กสุขภาพประจำปีได้เลย เผื่อพบอะไรผิดปกติจะได้แก้ไขทัน<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>ตัวอย่างรหัสสถานะเครดิตบูโร พร้อมความหมาย</strong></span></h3> <ul> <li>01 หรือ 010 : ปกติ ไม่มีหนี้ชำระเกินกว่า 90 วัน (ดีที่สุด)</li> <li>11 หรือ 011 : ปิดบัญชี ลูกหนี้ชำระหนี้หมด หรือชำระครบตามยอดในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้</li> <li>12 หรือ 012 : พักชำระหนี้ตามนโยบายของสมาชิก</li> <li>13 หรือ 013 : พักชำระหนี้ตามนโยบายรัฐ</li> <li>14 หรือ 014 : พักชำระหนี้เกษตรตามนโยบายรัฐ</li> <li>20 หรือ 020 : มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน</li> <li>21 หรือ 021 : มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน โดยมีสาเหตุจากการได้รับผลกระทบในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ</li> <li>30 หรือ 030 : อยู่ในระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย</li> <li>31 หรือ 031 : อยู่ระหว่างชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม</li> <li>32 หรือ 032 : ศาลยกฟ้องเนื่องจากคดีขาดอายุความ</li> <li>33 หรือ 033 : ปิดบัญชีเนื่องจากตัดหนี้สูญ ทั้งจากการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ และเจ้าหนี้ไม่ติดใจทวงถาม</li> <li>40 หรือ 040 : อยู่ระหว่างสินเชื่อเพื่อปิดบัญชี ลูกหนี้จะไม่สามารถใช้บัญชีได้จนกว่าจะชำระหนี้ให้เรียบร้อยตามข้อตกลง</li> <li>42 หรือ 042 : มีการโอนขายหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน</li> <li>43 หรือ 043 : ลูกหนี้ชำระหนี้ที่ถูกโอน หรือขายหนี้ไปยังนิติบุคคลอื่นเรียบร้อยแล้ว</li> <li>44 หรือ 044 : มีการโอน หรือขายหนี้ที่สถานะบัญชีปกติ</li> </ul> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>ติดเครดิตบูโร ใช้เวลากี่ปีถึงจะหลุด</strong></span></h3> โดยทั่ว ๆ ไป เครดิตบูโรจะแสดงประวัติสินเชื่อย้อนหลัง 3 ปี กรณีถ้าเราปิดหนี้หมดเลย ไม่ได้ใช้เครดิตแล้ว รายงานประวัติสินเชื่อในเครติดบูโรก็จะค่อย ๆ ถอยไป ๆ ทีละเดือนจนครบ 36 เดือน หรือ 3 ปี ก็จะไม่เห็นรายงานแล้ว หรือกรณีที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้และค้างชำระเกิน 90 วัน ปัจจุบันกำหนดให้สถาบันการเงินจะส่งข้อมูลสินเชื่อคงค้างให้บริษัทข้อมูลเครดิตต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ค้างชำระเกิน 90 วัน พอครบ 5 ปี ก็ไม่ใช่รายงานจะหายไปทันที จะกลับไปเหมือนกรณีที่เราปิดหนี้หมดแล้วคือ ประวัติจะค่อย ๆ ขยับถอยออกไป กว่าจะถอยออกจากรายงานหมดก็อีก 3 ปี บางคนบางหนี้เสียพ้น 3 ปีก็กู้ใหม่ได้แล้ว อันนี้อย่าลืมว่าประวัติการใช้สินเชื่อของเราไม่ได้มีอยู่ที่เครดิตบูโรอย่างเดียวนะ แต่สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการการเงินก็ยังเก็บข้อมูลไว้อยู่ จะนานมากน้อยแค่ไหน 10 ปี 20 ปี หรือนานกว่านั้นก็แล้วแต่เกณฑ์ของแต่ละสถาบัน ซึ่งก็กระทบต่อการขอใช้เครดิตในอนาคตได้ทั้งนั้น<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>เมื่อติดเครดิตบูโรอยู่สามารถขอสินเชื่อได้ไหม</strong></span></h3> ยังสามารถขอ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/borrowing/in-debt-how-to-get-loan" target="_blank">สินเชื่อเพื่อคนติดเครดิตบูโร</a>ได้อยู่ โดยจะมีข้อดีตรงที่เป็น<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/personal-loans" target="_blank">สินเชื่อส่วนบุคคล</a>ที่ไม่เช็กเครดิตบูโร แต่จะต้องใช้หลักทรัพย์เป็นประกันสำหรับการยื่นขอสินเชื่อแทน เช่น บ้าน รถยนต์ หรือที่ดิน ซึ่งคุณสามารถขอสินเชื่อนี้ไปเคลียร์หนี้ให้เรียบร้อย เพื่อสร้างเครดิตทางการเงินใหม่ที่ดีได้ นับเป็นหนึ่งใน<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/borrowing/pay-off-debt-boost-credit-status" target="_blank">เทคนิคปลดหนี้ไว</a>ที่หลายคนนิยมทำกัน และมีประสิทธิภาพมาก<br /> <br /> อย่างไรก็ตาม ก่อนจะขอสินเชื่อใหม่ แนะนำให้วางแผนให้ดี อย่าขอสินเชื่อบ่อยจนเกินไป และต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/borrowing/how-to-make-good-credit-score" target="_blank">คะแนนเครดิต (Credit Score)</a> ของคุณ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อใหม่ ๆ ในอนาคตได้<br /> <br /> อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว น่าจะเห็นภาพตรงกันว่าเครดิตนั้นสำคัญแค่ไหน หลายคนคงพอจะมีไอเดียในการจัดการ หรือแก้ไขเครดิตบูโร ให้กลับมาดีได้อีกครั้งแล้ว แต่ถ้าใครอยากฟังรวดเดียวยาว ๆ ขอแนะนำ &ldquo;Krungsri The COACH Ep.46 จ่ายหนี้ช้า เครดิตเสีย ต้องทำยังไง?&rdquo; เข้าไปฟังกันต่อได้เลย<br /> <br /> <style type="text/css">.video-container { position: relative; padding-bottom: 56.25%; padding-top: 30px; height: 0; overflow: hidden; } .video-container iframe, .video-container object, .video-container embed { position: absolute; top: 0; left: 0; width: 100%; height: 100%; } </style> <div class="Tmgten video-container"><iframe data-gtm-yt-inspected-11="true" data-gtm-yt-inspected-116169107_81="true" data-gtm-yt-inspected-13="true" data-gtm-yt-inspected-14="true" data-gtm-yt-inspected-18="true" data-gtm-yt-inspected-677699_404="true" data-gtm-yt-inspected-677699_86="true" data-gtm-yt-inspected-8="true" data-gtm-yt-inspected-9="true" frameborder="0" height="422" id="668822690" src="https://www.youtube.com/embed/IEpht1he7tc" width="750"></iframe></div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>แบล็กลิสต์ คืออะไร?</h2> </div> แบล็กลิสต์ (Blacklist) มักจะเป็นคำพูดติดปากที่คนทั่วไปมักจะใช้เรียกแทนพฤติกรรมการชำระเงินที่ไม่มีวินัย จนเป็นหนี้เสีย ซึ่งหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าคำนี้มาจากเครดิตบูโร ขอย้ำชัด ๆ กันตรงนี้อีกทีว่า ติดเครดิตบูโร มีหน้าที่จัดเก็บรักษารวบรวมและประมวลผลข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าสถาบันการเงินตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกจัดทำให้เท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ &quot;ขึ้นบัญชีดำ&quot; หรือ Blacklist อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจกัน<br /> <br /> เราบริหารเครดิตไม่ดี ชำระไม่ตรง สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการทางการเงินก็แค่ส่งรายการไปที่เครดิตบูโร ตามความเป็นจริงตามช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น ผลแห่งการกระทำก็จะสะท้อนผลให้เห็นเมื่อเราไปสมัครสินเชื่อ หรือบัตรเครดิต แล้วไม่ได้รับอนุมัติ ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาตรงนี้จะเข้มข้นแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบันจะกำหนด<br /> <br /> การขอสินเชื่อและได้รับการอนุมัติ โดยปกติแล้วก็จะมีวันที่ครบกำหนดชำระ ซึ่งหากกรณีเรามีการชำระค่างวดล่าช้า ก็จะมีการติดตามทวงถามหนี้ซึ่งส่วนนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยเราจะมายกตัวอย่างของสินเชื่อส่วนบุคคลกันให้ดูกันว่า ถ้าเราชำระหนี้ล่าช้า จะเกิดอะไรขึ้น จะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2>ตัวอย่างค่าใช้จ่าย การผิดนัดชำระหนี้หรือชำระหนี้ล่าช้า</h2> </div> <center><img alt="ตัวอย่างการผิดนักชำระสินเชื่อส่วนบุคคล" class="img-fluid" height="340" loading="lazy" src="/getmedia/13e0c59d-dac8-4886-9f12-b7a87bbe3f9d/fix-bad-credit-detail-02.jpeg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" width="650" /></center> <br /> <strong>ค่าทวงถามหนี้</strong> สำหรับสินเชื่อบุคคลที่มียอดค้างชำระ หรือค้างชำระสะสมตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ธนาคารเรียกเก็บครั้งแรก 50 บาท และครั้งต่อไปครั้งละ 100 บาท<br /> <br /> ดอกเบี้ยปรับ กรณีชำระล่าช้า จะคำนวณเรียกเก็บตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระ โดยคิดบวกเพิ่ม 1% - 3% ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ค้างชำระ<br /> <br /> พอจะเข้าใจความหมายของเครดิตบูโร และการติดแบล็กลิสต์กันมาพอสังเขปแล้ว และถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่กำลังประสบปัญหาอยู่ก็อย่าเป็นกังวลไปเลย เพราะเรามีทางแก้ไข และสร้างประวัติทางการเงินที่ไม่ดีให้กลับมาดีใหม่ได้อีกครั้ง อีกทั้งยังสามารถขอสินเชื่อใหม่ได้อีกด้วย <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-4"> <h2>ติดแบล็กลิสต์กับติดเครดิตบูโรต่างกันอย่างไร</h2> </div> มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยการติดแบล็กลิสต์ในสถาบันทางการเงิน &ldquo;ไม่มีอยู่จริง&rdquo; หากคุณผิดนัดชำระหนี้ หรือค้างชำระหนี้เกินระยะเวลาที่กำหนด ทางสถาบันการเงินจะส่งข้อมูลไปที่เครดิตบูโร เพื่อบันทึกสถานะเครดิตบูโรของคุณใหม่ ซึ่งสถานะเครดิตบูโรเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการอนุมัติสินเชื่อในครั้งถัดไป โดยอาจทำให้อนุมัติได้ยากขึ้น หรือได้วงเงินน้อยลงกว่าเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นการขึ้นบัญชีดำจนคุณไม่สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกัน <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-5"> <h2>ติดเครดิตบูโร มีวิธีแก้ไขอย่างไร</h2> </div> การติดเครดิตบูโร ทั้งสถานะค้างชำระ หรือสถานะทางกฎหมาย สามารถแก้ไขได้ด้วยการชำระหนี้ที่มีอยู่ให้หมด หลังจากนั้นรหัสสถานะเครดิตบูโรของคุณจะกลับมาเป็น &ldquo;11&rdquo; ซึ่งหมายถึงการปิดบัญชี โดยที่ลูกหนี้ชำระหนี้หมด หรือชำระครบตามยอดในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว<br /> <br /> สำหรับใครที่วางแผนจะขอสินเชื่อก้อนใหญ่ เช่น <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/auto-loan" target="_blank">สินเชื่อรถยนต์</a> หรือ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans" target="_blank">สินเชื่อบ้าน</a> ในระหว่างที่รอให้ประวัติการค้างชำระหายไป แนะนำให้ขอสินเชื่อบัตรเครดิตมาใช้งาน และชำระหนี้ให้เต็มจำนวน หรือชำระตามข้อตกลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างเครดิตทางการเงินใหม่ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาแล้ว ประวัติเครดิตที่เสียหายไป และถูกแทนที่ด้วยประวัติเครดิตใหม่ที่ดี คุณก็สามารถขอสินเชื่อก้อนใหญ่ตามแผนที่วางไว้ได้เลย <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-6"> <h2>Krungsri The COACH แนะนำ : ไม่อยากเสียเครดิต ติดบูโร ทำอย่างไรได้บ้าง</h2> </div> <center><img alt="ตัวอย่างการผิดนักชำระสินเชื่อส่วนบุคคล" class="img-fluid" height="433" loading="lazy" src="/getmedia/8d0c20f4-0071-4f1a-9a2b-7aedb2ccd9e6/fix-bad-credit-detail-03.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" width="650" /></center> <br /> หากเรายังสามารถที่จะใช้หนี้โดยที่ยังมีเงินเหลือใช้อยู่ สิ่งที่ทำได้จะเป็น ดังต่อไปนี้ <ol> <li>สรุปหนี้ที่ยังมีรายการค้างชำระอยู่ ตัวอย่างเช่น เป็นหนี้กับสถาบันการเงินไหนไว้ และเป็นในจำนวนเท่าไหร่ มีรายละเอียดดอกเบี้ยและต้องชำระต่องวดเท่าไหร่</li> <li>วางแผนการชำระเงิน ลองคำนวณดูว่าหนี้ก้อนไหนที่คิดว่าสามารถจัดการให้หมดได้ไวที่สุด จะได้เพิ่มยอดชำระแต่ละงวดเพื่อที่หนี้ก้อนนั้นจะหมดลงไวที่สุด และยิ่งถ้าหากหนี้ก้อนไหนมีการคิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอกยิ่งควรรีบทำการปิดหนี้ให้โดยเร็วที่สุดเลย</li> <li>พยายามใช้หนี้ให้ตรงต่อเวลาทุกงวด เพราะจะมีผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อใหม่ในอนาคต</li> <li>นำเงินก้อนมาปิดชำระหนี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อได้เงินโบนัส หรือเงินค่าคอมมิชชั่น หรือเงินพิเศษอื่น ๆ มา หลังจากแบ่งส่วนเก็บออมแล้ว ก็อย่าลืมที่จัดสรรบางส่วนมาโปะหนี้ที่มีอยู่ หนี้ลดก็ปลดหนี้ไว</li> <li>รีไฟแนนซ์ หรือใช้บริการโอนยอดหนี้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ประหยัดดอกเบี้ย และเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้เรามากขึ้น</li> <li>อย่าก่อหนี้เพิ่ม พยายามอย่าสร้างภาระหนี้สินให้กับตัวเองเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากตอนนี้จำเป็นมากที่จะต้องโฟกัสที่การชำระหนี้ที่มีให้หมดก่อน</li> </ol> <br /> จะเห็นได้ว่าสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อแก้ไขเครดิตเสีย คือการปิดหนี้ให้ครบถ้วน และรอเวลาให้เครดิตบูโรถอยจนไม่เห็นรายงานข้อมูลเครดิตของเราเพียงเท่านี้ก็จะไม่ถือว่าติดเครดิตบูโรแล้ว อย่างไรก็ตามการรักษาเครดิตให้ดี ชำระหนี้ให้ตรงเวลา ยังคงเป็นทางที่จะส่งผลดีต่อสภาพคล่องและการขอสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคต <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style> <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style>
ks-coach
6 Min Read
share
รอบรู้เรื่องยืมเงิน

5 วิธีเตรียมตัวขอสินเชื่อธนาคารให้ผ่านฉลุย

<div class="ar-text-content">ขายของไม่ได้ อยากขยายธุรกิจที่ทำแต่ไม่มีเงินทุนมากพอจะขยายเพิ่ม อยากมีเงินเยอะ ๆ ทางเดียวที่เราจะหาเงินทุนได้อย่างปลอดภัยนั่นคือการไปขอ &lsquo;สินเชื่อ&rsquo; กับทางธนาคาร แต่เราไม่ได้ทำงานประจำ มีสลิปเงินเดือนจะขอได้หรือเปล่า เงินที่ขอไปไม่ใช่น้อย ๆ หลายคนเคยไปขอสินเชื่อไม่ผ่านทำไงดี เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งกังวลกันไปต่าง ๆ นานา เพราะเราจะมาเผยเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้การขอสินเชื่อในครั้งนี้มีโอกาสผ่านสูงขึ้น แบบที่ว่าเราจะไม่ต้องกลับมาเตรียมเอกสารใหม่ให้ยุ่งยาก ก่อนจะเตรียมตัวไปยื่นเอกสารและเรียนรู้วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน เราต้องมีอะไรกันบ้างมาเริ่มต้นที่จุดสตาร์ทให้ชัวร์กันก่อนดีกว่า</div> <!--end text content --> <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow active collapsed" data-target="#collapse-26012" data-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">1. &ldquo;เตรียมเอกสารพร้อม มีชัยไปกว่าครึ่ง&rdquo;</a></li> <li><a href="#title-2">2. &ldquo;สำรวจหนี้ของเราไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน&rdquo;</a></li> <li><a href="#title-3">3. &ldquo;ขอสินเชื่อไม่ควรขอถี่เกินไป เดือนละครั้งกำลังดี&rdquo;</a></li> <li><a href="#title-4">4. &ldquo;เลือกสินเชื่อให้เหมาะกับตัวเรา และวัตถุประสงค์ การขอจะง่ายขึ้น&rdquo;</a></li> <li><a href="#title-5">5. &ldquo;มีเครดิตทางการเงินที่ดี อนุมัติสินเชื่อง่าย&rdquo;</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>1. &ldquo;เตรียมเอกสารพร้อม มีชัยไปกว่าครึ่ง&rdquo;</h2> </div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">โดยปกติเอกสารสำหรับการขอสินเชื่อจะเป็นเอกสารที่เราสามารถหาได้ง่ายอย่างเช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สลิปเงินเดือนอย่างน้อย 6 เดือน และรายการเดินบัญชีย้อนหลัง เป็นต้น แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานประจำอาจต้องมีเอกสารเพิ่มเติมมาแทนที่สลิปเงินเดือน เช่น หลักฐานแสดงการเงินทั้งตัวจริงและสำเนา เพื่อให้ธนาคารมั่นใจว่าเรามีรายรับแน่ ๆ ตลอด 6-12 เดือนที่ผ่านมา ยิ่งมีตัวเลขของเงินที่เข้าออกที่เยอะ ก็ช่วยสร้างความมั่นใจได้มาก<br /> <br /> นอกจากนี้เรายังต้องเตรียมสำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ทะเบียนห้างหุ้นส่วน ในกรณีที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจ เอกสารตัวนี้จะเพิ่มเครดิตเรื่องการเงินให้มากขึ้น เพื่อเป็นเครดิตให้ธนาคารมั่นใจแล้ว<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/why-your-financial-credit-history-is-important" target="_blank">อนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น</a> หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ ที่เราได้รับตอนจ่ายภาษีในแต่ละปี ก็อย่าลืมแนบไปด้วย ส่วนเอกสารอย่างอื่น เช่น รูปถ่ายร้านค้า หรือสำเนาใบประกอบอาชีพ หากมีแนบไปในเอกสารขอสินเชื่อ สำหรับเอกสารที่เราเตรียมไปจะแสดงให้ธนาคารเห็นว่าเรามี<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/maintain-your-credit" target="_blank">เครดิตทางการเงิน</a>ที่ดีมากแค่ไหน ทุกธนาคารอยากรู้ว่าคุณมีความสามารถในการชำระเงินและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน จบเรื่องของเอกสารที่ต้องเตรียมแล้ว ไปดูเคล็ดลับต่อไปกันเลย ว่าเราจะต้องเตรียมตัวกันอย่างไร</div> <!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><!-- รูปในบทความกรณี 1 รูป --> <div class="mt-ar-text1"> <center><img alt="การขอสินเชื่อไม่ใช่เรื่องยาก เตรียมเอกสารให้พร้อม" class="img-fluid" src="/getmedia/766903e7-5964-4dd7-b3fa-9039fd24099c/loan-easy-approval-content1.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> </div> <!-- ปิด รูปในบทความกรณี 1 รูป --> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>2. &ldquo;สำรวจหนี้ของเราไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน&rdquo;</h2> </div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">หากอยาก<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/securities-guarantee-good-victory-over" target="_blank">ขออนุมัติสินเชื่อ</a>แบบไม่ยากและรู้เคล็ดลับวิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ลองสำรวจหนี้ของเราก่อนดีกว่า ลองมานับเลยตอนนี้เรามีหนี้อะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือค่าใช้จ่ายจิปาถะ จากบัตรเครดิต เรามีหนี้ต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ เพื่อให้อนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ไม่ควรให้มีหนี้เกิน 30% เพราะธนาคารจะมองว่า การชำระหนี้ต่อเดือนของเราจะตึงมือเกินไป อาจเกิดโอกาสที่เราจะผิดชำระหนี้ได้สูง แต่ถ้าหนี้มันเกิดขึ้นอยู่แล้วเราจะทำอย่างไรดี ในเมื่อสินเชื่อก้อนนี้จะทำให้ธุรกิจของเราเดินหน้าต่อไปได้ เราอาจต้องประหยัดให้มากขึ้น และลดรายจ่ายบางอย่างออกไปเพื่อให้สภาพคล่องทางการเงินของเราดีขึ้น อย่างเช่น ตอนนี้เราต้องจ่ายค่าโปรเน็ตมือถือเป็นรายเดือน คงต้องลดการใช้เปลี่ยนมาใช้แบบเติมเงิน แบบที่เราใช้จริง ๆ ในแพ็กเกจที่มีราคาไม่แพง สินค้าฟุ่มเฟือยต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้าแบรนด์เนม การช้อปปิ้งออนไลน์ ถ้างดได้ควรงดไปก่อนให้หนี้ที่ยังมีลดน้อยลงให้ไวที่สุด เพื่อที่จะให้บัญชีการเงินของเรา มีความลื่นไหลที่สุด หากทำได้สินเชื่อที่ต้องการคงอยู่แค่เอื้อมแล้ว</div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2>3. &ldquo;ขอสินเชื่อไม่ควรขอถี่เกินไป เดือนละครั้งกำลังดี&rdquo;</h2> </div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">การที่เราไปขอสินเชื่อกับทางธนาคารบ่อย ๆ เดือนละหลายครั้งใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป หลายคนคิดว่ายิ่งขอบ่อย ๆ คงไม่เป็นไรหรอก ก็ไม่เห็นธนาคารจะว่าอะไร รู้กันไหมว่าการไปขอสินเชื่อบ่อย ๆ ธนาคารจะมองว่าเรากำลังร้อนเงินมาก ๆ ยิ่งขอถี่ไป อาจส่งผลกับการขอสินเชื่อในครั้งต่อ ๆ ไป จนทำให้หลายคนต้องกลับมาตั้งคำถามกับตนเองว่าขอสินเชื่อไม่ผ่าน ทำไงดี ไม่ว่าจะยื่นขอสินเชื่อเพียงแค่ครั้งเดียว หรือไปขอบ่อย ๆ เผื่อลุ้นว่าจะได้อนุมัติเร็ว ข้อมูลการสมัครขอสินเชื่อของเราก็อยู่ในระบบอยู่แล้ว ทางธนาคารไม่ได้พิจารณาว่ายิ่งไปทำเรื่องบ่อย ๆ แล้วจะได้อนุมัติไว หากอยากให้การขอสินเชื่อของเราอนุมัติแบบง่าย ๆ แค่เตรียมเอกสารให้พร้อมที่สุดแล้วมายื่นเรื่องที่ธนาคารที่เราต้องการจะขอสินเชื่อเพียงครั้งเดียวก็พอ หากอยากทราบผลการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อความสะดวกในยุคโควิด--19 แบบนี้เราสามารถโทรมาสอบถามกับทางคอลเซนเตอร์ก็ได้ หรือถ้าเป็นสินเชื่อบุคคลออนไลน์ อย่างของธนาคารกรุงศรี ที่มี<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/personal-loans/ifin-personal-credit" target="_blank">สินเชื่อ Krungsri iFIN</a> สามารถเช็กผลอนุมัติได้ง่าย ๆ ผ่านแอป <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/digital-banking/kma/registration-steps" target="_blank">krungsri app</a> ตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิทัล</div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-4"> <h2>4. &ldquo;เลือกสินเชื่อให้เหมาะกับตัวเรา และวัตถุประสงค์ การขอจะง่ายขึ้น&rdquo;</h2> </div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">สินเชื่อจากธนาคารมีด้วยกันหลายแบบ ตามความต้องการของแต่ละคน การขอสินเชื่อให้ถูกประเภท ช่วยให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น โดยสินเชื่อที่น่าสนใจของธนาคารอย่างเช่น <ul> <li><strong>สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล</strong> เป็นสินเชื่อที่ใครหลายคนมักนิยมใช้บริการ เพราะเงื่อนไขของการขอสินเชื่อประเภทนี้จะน้อยกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ๆ เพราะไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน แถมยังมีโอกาสได้วงเงินสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ของผู้กู้ เหมาะสำหรับผู้ต้องการใช้เงินก้อน หรือผู้ที่ต้องการใช้จ่ายเงินก้อนแบบฉุกเฉิน และต้องการอัตราการผ่อนชำระเงินเป็นงวด ๆ ชัดเจน</li> <li><strong>สินเชื่อบัตรกดเงินสด</strong> คือสินเชื่อส่วนบุคคลวงเงินพร้อมใช้ที่อยู่ในรูปแบบของบัตรกดเงินสด สามารถนำไปกดเงินสดผ่านตู้ ATM ตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติในบัตรกดเงิน เลือกได้ว่าผ่อนชำระคืนขั้นต่ำหรือชำระคืนเต็มจำนวน แต่ข้อควรระวังคือบัตรกดเงินสด จะมีการคิดดอกเบี้ยที่สูงกว่าทุก ๆ สินเชื่อ จะกดเงินออกแต่ละครั้ง ต้องมั่นใจก่อนนะว่ามันจำเป็นจริง ๆ</li> <li><strong>สินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช</strong> หรือสินเชื่อบ้านเปลี่ยนเป็นเงิน เหมาะสำหรับคนที่มี บ้าน ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดที่เราปลอดภาระ สามารถนำมาจำนองกับธนาคาร เพื่อเปลี่ยนมาเป็นเงินก้อนเพื่อนำมาหมุนเวียนใช้จ่าย หรือนำไปลงทุนต่อยอดเพื่อธุรกิจก็ได้ ดอกเบี้ยก็ต่ำแถมยังผ่อนคืนอย่างสบาย ๆ ได้นานถึง 30 ปีอีกด้วย</li> </ul> </div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">การขอสินเชื่อแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน และมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันตามเงื่อนไข ดังนั้น ดังนั้นการขอสินเชื่อทุกชนิดจึงควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจำเป็น และที่สำคัญผู้ขอสินเชื่อต้องรู้ถึงความสามารถในการชำระเงินคืนของตัวเอง รวมทั้งจำเป็นต้องศึกษารายละเอียด ข้อกำหนดของสินเชื่อ และการคำนวณดอกเบี้ยให้ดีก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อทุกครั้ง เพื่อให้การขอสินเชื่อผ่านฉลุย</div> <div class="mt-ar-text1"> <center><img alt="ปรึกษาและเรียนรู้วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ต้องมีเครดิตที่ดี" class="img-fluid" src="/getmedia/137a4cf9-b634-44b4-a476-43e4ed8eaa8a/loan-easy-approval-content2.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" /></center> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-5"> <h2>5. &ldquo;มีเครดิตทางการเงินที่ดี อนุมัติสินเชื่อง่าย&rdquo;</h2> </div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">หากธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อให้เราอย่างสะดวก เครดิตทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ โดยปกติธนาคารมักจะใช้บริการบริษัทด้านเครดิตที่ชื่อว่าเครดิตบูโร เพื่อดูประวัติการชำระเงินสินเชื่อต่าง ๆ ของเรา ทั้งเรื่องของการจ่ายตรงเวลาไหม เรามีการผิดชำระหนี้บ่อยแค่ไหน มีค่าใช้จ่ายอะไรที่เรายังไม่ได้จ่าย หากว่ามีชื่อของเราในประวัติการค้างชำระ บอกได้เลยว่าโอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อของเรานั้นยากมาก ๆ ฉะนั้นวิธีขอสินเชื่อให้ผ่านเราจึงต้องสร้างเครดิตทางการเงินให้ดีที่สุด จ่ายหนี้ให้ตรงเวลา จ่ายเต็มจำนวน แสดงศักยภาพให้ธนาคารเห็นว่า หากเราขอสินเชื่อมาได้แล้วเราสามารถจ่ายคืนได้ และพยายามรักษาเครดิตทางการเงินให้ดีอยู่เสมอ จะขอสินเชื่อแบบไหนก็ง่าย ครั้งเดียวผ่านอย่างแน่นอน</div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 วิธีขอสินเชื่อธนาคารให้ผ่านฉลุย ที่จะช่วยให้เราสามารถขอสินเชื่อกับทางธนาคารผ่านได้ง่ายขึ้น สำหรับใครที่กำลังสนใจขอสินเชื่อบัตรเครดิต และกำลังวางแผนขอสินเชื่อบัตรให้ผ่านฉลุยแบบไม่มีสะดุด แนะนำคลิป <strong>&ldquo;Krungsri The COACH Ep.40 สมัครบัตรเครดิตอย่างไร ให้ผ่านฉลุย&rdquo;</strong> เข้าไปฟังกันต่อได้เลย<br /> <br /> <style type="text/css">.video-container { position: relative; padding-bottom: 56.25%; padding-top: 30px; height: 0; overflow: hidden; } .video-container iframe, .video-container object, .video-container embed { position: absolute; top: 0; left: 0; width: 100%; height: 100%; } </style> <div class="Tmgten video-container"><iframe data-gtm-yt-inspected-11="true" data-gtm-yt-inspected-116169107_81="true" data-gtm-yt-inspected-12="true" data-gtm-yt-inspected-13="true" data-gtm-yt-inspected-677699_404="true" data-gtm-yt-inspected-677699_86="true" data-gtm-yt-inspected-8="true" data-gtm-yt-inspected-9="true" frameborder="0" height="422" id="668822690" src="https://www.youtube.com/embed/ZJbAsrXfoAA?rel=0&amp;showinfo=1&amp;enablejsapi=1&amp;origin=https%3A%2F%2Fcms.krungsri.com" width="750"></iframe></div> </div> <div class="ar-text-content mt-ar-text1">หลังจากขออนุมัติสินเชื่อผ่านแล้ว เราก็อยากให้ใช้เงินที่ได้ทำประโยชน์ได้สูงสุด ไม่ว่าจะนำเงินไปต่อยอดธุรกิจ หรือใช้จ่ายหมุนเวียนส่วนตัวเพราะทุกสินเชื่อมีดอกเบี้ยที่เราต้องจ่าย หากใช้เงินต่อเงิน และอย่าปล่อยให้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อไว้นาน ควรหารายได้มาปิดหนี้ให้ไวที่สุด หากทำได้แบบนี้ ไม่ว่าจะขอสินเชื่อแบบไหน ชีวิตเราก็จะมีแต่กำไร ฐานะการเงินเติบโตแบบดีเลยล่ะ</div> <!-- ข้อความชิดจากด้านบน --><!-- รูปในบทความกรณี 1 รูป --> <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px;} </style> <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400;} </style>
ks-coach
3 Min Read
share
รอบรู้เรื่องยืมเงิน

รู้จักสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโร เครดิตไม่ดีก็กู้ได้

หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าถ้าเป็นหนี้และมีประวัติเครดิตเสียอยู่ เรายังสามารถขอกู้เงินเพิ่มเติมได้ไหม ? หรือต้องเคลียร์หนี้เก่าที่ยังค้างให้หมดก่อนถึงจะขอสินเชื่อได้ ?<br /> <br /> สำหรับใครที่สงสัยในเรื่องนี้ ขอตอบให้เคลียร์ก่อนเลยว่า &ldquo;หากใครมีภาระหนี้อยู่ ก็ยังสามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมได้แน่นอน&rdquo; เพราะปัจจุบันมีสินเชื่อเพื่อคนติดบูโร และสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโร ที่สามารถช่วยเหลือคนที่มีประวัติหนี้เยอะ แต่จะมีเงื่อนไข หรือควรรู้สักนิดก่อนที่เราจะขอสินเชื่อใหม่ อะไรคือจุดบอดที่อาจทำให้เราพลาดการขอสินเชื่อครั้งนี้ มาหาคำตอบเกี่ยวกับการขอสินเชื่อเพื่อคนติดบูโรไปด้วยกันเลย <div class="ar-category"> <div class="accordion" id="ar-drop"> <div class="row"> <div class="col-12"> <div id="ar-category"> <div class="card bg-transparent"> <div aria-expanded="false" class="card-header arrow active collapsed" data-target="#collapse-26012" data-toggle="collapse" id="heading26012"> <h3><button class="btn btn-link btn-ar-drop" type="button">เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ</button></h3> </div> <div class="collapse" data-parent="#ar-drop" id="collapse-26012" style=""> <div class="card-body"> <ul class="ar-ul"> <li><a href="#title-1">เครดิตบูโรคืออะไร ?</a></li> <li><a href="#title-2">ภาระหนี้เยอะ สามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้ไหม ?</a></li> <li><a href="#title-3">สินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโร คืออะไร ?</a></li> <li><a href="#title-4">เมื่อติดเครดิตบูโรแล้ว ต้องแก้ไขอย่างไร</a></li> <li><a href="#title-5">ขอสินเชื่อปิดหนี้ ลดความเสี่ยงติดเครดิตบูโร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง</a></li> <li><a href="#title-6">เคล็ดลับขอสินเชื่อเพื่อคนติดบูโร อยากกู้เงินในระบบทำได้ไม่ยาก</a></li> <li><a href="#title-7">แนะนำแนวทางวางแผนทางการเงินเพื่อไม่ให้คนติดบูโร</a></li> </ul> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> </div> <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-1"> <h2>เครดิตบูโรคืออะไร ?</h2> </div> หลายคนอาจจะเข้าใจว่า เครดิตบูโร หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau : NCB) เป็นผู้กำหนดว่าใครติดแบล็กลิสต์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว <em>เครดิตบูโรทำหน้าที่เป็นเพียงหน่วยงานกลางที่รวบรวม และจัดเก็บข้อมูลประวัติการชำระสินเชื่อ และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกเท่านั้น</em> โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดทำเป็นรายงานข้อมูลเครดิต เพื่อให้สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนั่นเอง<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>กรณีไหนบ้างที่จะเรียกได้ว่าติดเครดิตบูโร</strong></span></h3> คำว่า &ldquo;ติดเครดิตบูโร&rdquo; เป็นคำที่คนทั่วไปใช้เรียกสถานการณ์ที่ประวัติข้อมูลเครดิตของเรามีรายการที่สถาบันการเงินมองว่าเป็นความเสี่ยงสูง โดยส่วนใหญ่มักหมายถึงการมีประวัติค้างชำระหนี้เป็นระยะเวลานานเกิน 90 วัน ซึ่งสถานะนี้จะถูกบันทึกไว้ในรายงานข้อมูลเครดิต และเมื่อเราไปยื่นขอสินเชื่อใหม่ สถาบันการเงินจะเห็นประวัติดังกล่าว และอาจใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธคำขอสินเชื่อได้ เพราะบ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ในอนาคต<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>ติดแบล็กลิสต์กับติดเครดิตบูโรเหมือนกันไหม ต่างกันอย่างไร</strong></span></h3> ดังที่กล่าวไปข้างต้น คำว่า &ldquo;ติดเครดิตบูโร&rdquo; คือการมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดีปรากฏอยู่ในรายงานข้อมูลเครดิต ส่วนคำว่า &ldquo;ติดแบล็กลิสต์&rdquo; นั้น ไม่ใช่คำศัพท์ที่มาจากเครดิตบูโร แต่เป็นคำที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งใช้เรียกบัญชีรายชื่อลูกค้าที่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันของตนเอง หรือมีประวัติความเสี่ยงสูงจากข้อมูลเครดิตบูโร ดังนั้น เราไม่ได้ติดแบล็กลิสต์จากเครดิตบูโรโดยตรง แต่สถาบันการเงินเป็นผู้พิจารณาจัดเราให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยใช้ข้อมูลจากเครดิตบูโรเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจนั่นเอง<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>จะรู้ได้อย่างไรว่าติดบูโรอยู่ แนะนำวิธีเช็คด้วยตัวเองง่าย ๆ </strong></span></h3> ก่อนที่จะกังวลไปเอง การตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเองเป็นประจำคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้เรารู้สถานะทางการเงิน และเห็นประวัติสินเชื่อทั้งหมดของตัวเอง ปัจจุบันการเช็คเครดิตบูโรทำได้ง่าย และสะดวกมากผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้ <ul> <li><strong>ผ่าน Mobile Banking</strong> : สามารถยื่นคำขอผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น krungsri app โดยสามารถรับรายงานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB e-Credit Report) ทางอีเมลได้ทันที</li> <li><strong>ผ่านแอปพลิเคชัน Bureau OK</strong> : แอปพลิเคชันโดยตรงของเครดิตบูโร สามารถลงทะเบียนและรับรายงานทางอีเมลได้เช่นกัน</li> <li><strong>ผ่านตู้คีออส</strong> : ตรวจสอบ และรอรับรายงานได้ทันทีภายใน 15 นาที ที่ตู้บริการอัตโนมัติ (ตู้คีออส) ในสถานีรถไฟฟ้า BTS หรือจุดบริการอื่น ๆ</li> </ul> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>สถานะเครดิตบูโรที่ทุกคนควรรู้ไว้</strong></span></h3> เมื่อได้รับรายงานข้อมูลเครดิตมาแล้ว เราอาจจะเจอตัวเลขสถานะบัญชีต่าง ๆ ซึ่งแต่ละรหัสก็มีความหมายแตกต่างกันไป ตัวอย่างสถานะที่พบบ่อยมีดังนี้ <ul> <li><strong>10 - ปกติ</strong> : สถานะดี มีการชำระหนี้ตรงเวลา ไม่มียอดค้าง</li> <li><strong>11 - ปิดบัญชี</strong> : หนี้ก้อนนั้นได้รับการชำระหมดสิ้นแล้ว บัญชีถูกปิดเรียบร้อย</li> <li><strong>12 - พักชำระหนี้</strong> : อยู่ในกระบวนการพักชำระหนี้ตามมาตรการของสถาบันการเงิน</li> <li><strong>20 - หนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน</strong> : เป็นสถานะที่สถาบันการเงินให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะบ่งชี้ถึงการมีประวัติผิดนัดชำระหนี้</li> </ul> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-2"> <h2>ภาระหนี้เยอะ สามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้ไหม ?</h2> </div> การมีภาระหนี้เยอะไม่ได้หมายความว่าจะขอสินเชื่อเพิ่มไม่ได้เสมอไป สถาบันการเงินจะพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกัน โดยเฉพาะ &ldquo;ความสามารถในการชำระหนี้&rdquo; ซึ่งดูจากรายได้ที่มั่นคงเทียบกับภาระหนี้สินที่มีอยู่ หากคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาโดยตลอด และยังมีศักยภาพในการผ่อนชำระหนี้เพิ่ม โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อก็ยังมีอยู่ ดังนั้น ใครที่<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/mortgages/blacklisted-how-to-get-home-loan" target="_blank">อยากซื้อบ้านแต่เครดิตไม่ดี</a>อยู่ หรืออยากขอสินเชื่ออื่น ๆ แต่ไม่มั่นใจว่าทำได้ไหม แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรงก็จะแม่นยำที่สุด แต่ทั้งนี้ ก็มีหนี้บางประเภทที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาได้เช่นกัน<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-3"> <h2>สินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโร คืออะไร ?</h2> </div> สินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโร คือ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อประเภทหนึ่งที่สถาบันการเงิน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น Non-Bank ไม่ได้นำข้อมูลจากเครดิตบูโรมาเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถาบันการเงินต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น สินเชื่อประเภทนี้จึงอาจมีเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติ การขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือจำกัดวงเงินให้กู้ยืมที่ไม่สูงมากนัก<br /> &nbsp; <center><img alt="ขอสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโรอนุมัติผ่านได้ง่าย" class="img-fluid" height="430" loading="lazy" src="/getmedia/d0ec2956-b5b4-4e1c-85bf-7d0b3b4e6574/in-debt-how-to-get-loan-image-01.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" width="650" /></center> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>มีหนี้แบบไหน ที่อาจทำให้การขอสินเชื่อยากขึ้น ?</strong></span></h3> คำถามนี้ต้องมาดูตัวเราก่อนว่า ตอนนี้เรากำลังเป็นหนี้ในรูปแบบใดอยู่ มีประวัติค้างชำระเกินกำหนดไหม ? หากเรามีหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ หรือหนี้บัตรเครดิตที่ยังมีอยู่กับสถาบันการเงินในระบบ แล้วเรามีประวัติหนี้ค้างชำระ หรือมียอดหนี้สูงจนเกินไป การอนุมัติสินเชื่อก็จะทำได้ยากขึ้น<br /> <br /> แต่หากว่าเรามีหนี้หลายก้อนทั้งบ้าน รถ หรือบัตรเครดิต อยากขอสินเชื่อปิดหนี้ โดยที่ยังไม่มีประวัติค้างชำระเกินกำหนด และทางธนาคารเห็นว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้ จ่ายตรงเวลาและเต็มจำนวนทุกครั้ง ถึงจะมีหนี้มากแค่ไหน แต่ประวัติทางการเงินเราดี ทางธนาคารเจ้าของสินเชื่อ เห็นแบบนี้ก็อนุมัติสินเชื่อให้เราได้ไม่ยาก<br /> <br /> นอกจากนี้ หากคุณต้องการ<a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans" target="_blank">ขอสินเชื่อ</a>ส่วนบุคคลไม่เช็คบูโรให้อนุมัติผ่านได้ง่ายขึ้น อาจต้องใช้ทรัพย์สิน เช่น บ้าน หรือรถยนต์มาเป็นหลักประกันสำหรับการยื่นขอสินเชื่อ โดยสถาบันการเงินหรือธนาคารจะดูความเหมาะสมของทรัพย์สิน และมูลค่าของหลักประกัน เพื่อที่เวลาปล่อยสินเชื่อไปแล้วจะช่วยลดความเสี่ยง เช่น การถูกเบี้ยว หรือถูกฟ้องจากการผิดชำระหนี้นั่นเอง<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-4"> <h2>เมื่อติดเครดิตบูโรแล้ว ต้องแก้ไขอย่างไร</h2> </div> หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีประวัติค้างชำระ อย่าเพิ่งท้อใจ เราสามารถแก้ไขและสร้างประวัติใหม่ให้ดีขึ้นได้ โดยเริ่มต้นจากขั้นตอนเหล่านี้ <ul> <li><strong>หยุดสร้างหนี้ใหม่</strong> : ควบคุมค่าใช้จ่ายและงดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นเพิ่ม</li> <li><strong>เจรจากับเจ้าหนี้</strong> : ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือหาทางออกในการชำระหนี้ร่วมกัน</li> <li><strong>ชำระหนี้ที่ค้าง</strong> : พยายามชำระหนี้ที่คงค้างอยู่ให้หมดโดยเร็วที่สุด โดยอาจเริ่มจากหนี้ก้อนเล็ก ๆ ก่อนเพื่อสร้างกำลังใจ</li> <li><strong>สร้างประวัติใหม่ที่ดี</strong> : สำหรับหนี้ที่ยังเหลืออยู่ หรือหนี้ก้อนใหม่ที่จำเป็น ให้ชำระตรงเวลาและเต็มจำนวนอย่างสม่ำเสมอ</li> <li><strong>รักษาวินัยอย่างต่อเนื่อง</strong> : เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี ประวัติเก่าจะหายไป และประวัติใหม่ที่ดีจะเข้ามาแทนที่ ทำให้เครดิตของเรากลับมาดีอีกครั้ง</li> </ul> &nbsp; <center><img alt="ติดแบล็คลิสต์ขอสินเชื่อเพื่อคนติดบูโร ต้องทำอย่างไร" class="img-fluid" height="433" loading="lazy" src="/getmedia/027bdc7b-f2eb-4a34-90de-3735dc76455e/in-debt-how-to-get-loan-image-02.jpg.aspx" style="filter: drop-shadow(1px 2px 4px rgba(35, 18, 19, 0.2));border-radius: 3px;" width="650" /></center> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-5"> <h2>ขอสินเชื่อปิดหนี้ ลดความเสี่ยงติดเครดิตบูโร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง</h2> </div> การขอสินเชื่อเพื่อคนติดบูโรจากสถาบันการเงิน หรือธนาคารที่อยู่ในระบบ ไม่ว่าธนาคารใดก็ตาม เราก็แค่เตรียมเอกสารที่สำคัญให้พร้อมก็พอ เช่น <ul> <li>สำเนาบัตรประชาชน</li> <li>สลิปเงินเดือนฉบับล่าสุด หรือหนังสือรับรองการทำงาน แต่ถ้าเป็นเจ้าของกิจการให้นำหนังสือรับรองบริษัท และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นจากกระทรวงพาณิชย์ (คัดรับรองไม่ควรเกิน 3 เดือน)</li> <li>สำเนาบัญชีเงินฝากที่เงินเดือนของเราเข้า ย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน</li> <li>สำเนาบัญชีเงินฝากหน้าแรกของธนาคารกรุงศรี</li> </ul> <br /> เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว สามารถไปยื่นขอสินเชื่อเพื่อคนติดบูโรได้ที่ธนาคารกรุงศรี สาขาใกล้บ้าน แต่ถ้าช่วงนี้ไม่อยากหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน เราก็สามารถยื่นขอสินเชื่อผ่านโมบายแอป อย่าง <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/digital-banking/krungsri-app/home" target="_blank">krungsri app</a> ซึ่งมีบริการ <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal/loans/personal-loans/ifin-personal-credit" target="_blank">สินเชื่อ Krungsri iFIN</a> ที่รองรับการสมัครแบบออนไลน์ วงเงินสูงสุดถึง 2 ล้านบาท หรือไม่เกิน 5 เท่าของรายได้* ส่วนวิธียื่นขอสินเชื่อก็ง่ายสะดวก เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวก็ยื่นเอกสารและทำรายการได้อย่างสะดวก ไม่ต้องออกจากบ้านไปเสี่ยงเชื้อโรคให้วุ่นวาย นอนอยู่บ้านก็รับเงินจากสินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโรได้เลย <ul> <li>กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว | อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกปกติ 21% - 25% ต่อปี*</li> </ul> *ศึกษารายละเอียด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มเติมที่ <a class="Text-link" href="https://www.krungsri.com/th/personal" target="_blank">www.krungsri.com</a><br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-6"> <h2>เคล็ดลับขอสินเชื่อเพื่อคนติดบูโร อยากกู้เงินในระบบทำได้ไม่ยาก</h2> </div> เช็คเอกสารให้ครบแล้ว แต่ยังขอสินเชื่อปิดหนี้ไม่ผ่านสักที ไม่ว่าจะเป็นเพราะติดบูโรหรือเหตุผลอื่น เอาเป็นว่าลองนำเคล็ดลับการขอสินเชื่อไม่เช็คบูโรแบบง่าย ๆ ให้ผ่านในรอบเดียวจากเราไปเลยดีกว่า เพิ่มโอกาสให้ผ่านในครั้งเดียวตามนี้!<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>1. มารวมหนี้ที่มีให้เป็นก้อนเดียว</strong></span></h3> ติดต่อสถาบันการเงินหรือธนาคารเพื่อขอรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ถึงติดบูโรก็สามารถเจรจาขอเป็นสินเชื่อเพื่อคนติดบูโรได้ ส่วนดอกเบี้ยของหนี้แต่ละอันก็จะถูกนำมารวมเป็นยอดเดียว เราจะจ่ายเต็มก้อน หรือแบ่งชำระเป็นงวด ๆ เหมือนเดิมก็ทำได้ และเวลาที่เราไปทำเรื่องขอสินเชื่อ หากเรามียอดหนี้ที่เป็นก้อนเดียว เมื่อยื่นเรื่องจะได้รับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อง่ายกว่า และเราก็สามารถวางแผนการเงินได้ง่ายอีกด้วย<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>2. ใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกัน อนุมัติง่ายกว่าเดิม</strong></span></h3> สินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันได้อย่างเช่น บ้าน ที่ดิน อสังหาฯ ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ ที่เราครอบครอง รถยนต์ส่วนตัว หรือแม้กระทั่งบัญชีเงินฝากก็สามารถนำมาใช้ค้ำประกันให้เราได้ และการใช้หลักทรัพย์ในการมาค้ำประกัน เรามักมีโอกาสได้สินเชื่อส่วนบุคคลไม่เช็คบูโรมากสูงสุดถึง 3 เท่าของหลักทรัพย์ที่นำมาใช้<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>3. หาคนมาร่วมขอสินเชื่อ เพิ่มความชัวร์</strong></span></h3> กู้ร่วมกันย่อมมีเครดิตที่ดีกว่าคนเดียว โดยเฉพาะหากว่าคนที่ขอสินเชื่อปิดหนี้มีประวัติหนี้เสียหรือติดบูโร และการสินเชื่อเพื่อคนติดบูโร หากว่าคนที่มากู้ร่วมกับเรามีประวัติทางการเงินที่ดี มีเงินเดือนเยอะ แต่หนี้น้อย ยิ่งมีโอกาสสินเชื่อผ่านสูงขึ้น และมีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อที่มากขึ้นกว่าการยื่นขอสินเชื่อคนเดียว แต่ข้อควรระวังของทำแบบนี้คือ ผู้กู้ร่วมจะต้องเป็นคนชำระดอกเบี้ยด้วยเหมือนกัน หากอีกฝ่ายเกิดการผิดนัดชำระหนี้ เราอาจต้องเป็นผู้รับผิดชอบเงินในส่วนนี้ทั้งหมด ดังนั้นก่อนที่จะไปทำเรื่องกู้ร่วม เราต้องมั่นใจจริง ๆ ว่าต้องไม่มีใครผิดนัดชำระหนี้ ไม่อย่างงั้นสินเชื่อก้อนนี้จากเรื่องดี ๆ จะกลายเป็นเรื่องแย่ไปเลย<br /> &nbsp; <h3 class="mb-20px-all"><span style="border-bottom: 2px solid #ffda00;line-height: 35px;"><strong>หลังจากที่ปิดหนี้แล้ว สถานะในเครดิตบูโรจะอยู่ได้กี่ปี</strong></span></h3> ตามกฎหมายแล้ว บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จะเก็บข้อมูลประวัติการชำระหนี้ของเราไว้ในระบบไม่เกิน 3 ปี หรือ 36 เดือน นับจากวันที่ได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงิน ดังนั้นเมื่อเราชำระหนี้ที่เคยค้างจนหมดแล้ว สถานะในรายงานจะเปลี่ยนเป็น &ldquo;ปิดบัญชี&rdquo; แต่ประวัติการค้างชำระในอดีตจะยังคงแสดงอยู่ในรายงานต่อไปจนกว่าจะครบกำหนด 3 ปี และจะถูกลบออกจากรายงานโดยอัตโนมัติ<br /> &nbsp; <div class="ar-box-title mt-40px-xl mb-20px-all mt-24px-xs pl-10px-all" id="title-7"> <h2>แนะนำแนวทางวางแผนทางการเงินเพื่อไม่ให้คนติดบูโร</h2> </div> การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ เพื่อรักษาสุขภาพทางการเงินให้แข็งแรงและหลีกเลี่ยงการมีประวัติเสียในข้อมูลเครดิต ลองนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ดู <ul> <li><strong>ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย</strong> : เพื่อให้เห็นภาพรวมการเงินของตัวเองและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น</li> <li><strong>สร้างเงินออมฉุกเฉิน</strong> : ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน</li> <li><strong>ใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด</strong> : รูดเท่าที่จำเป็น และพยายามจ่ายเต็มจำนวนทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ย</li> <li><strong>ควบคุมสัดส่วนหนี้</strong> : ภาระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เพื่อให้ยังมีสภาพคล่องในการใช้ชีวิต</li> <li><strong>ตรวจสอบเครดิตบูโรเป็นประจำ</strong> : อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและสถานะทางการเงินของตัวเอง</li> </ul> <br /> สำหรับเรื่องของคนที่มีหนี้ แล้วมีคำถามเรื่องสินเชื่อเพื่อคนติดบูโร และการกู้ขอสินเชื่อปิดหนี้ โดยไม่ให้การติดบูโร คงได้รับคำตอบ และไกด์ไลน์ในการบริหารเงินเอาไว้เป็นตัวอย่าง หากเราไม่จำเป็นจริง ๆ ไม่ควรก่อหนี้ หรือสร้างหนี้เพิ่มอีกแล้ว หลังจากได้รับโอกาสได้เงินก้อนจากสินเชื่อ แต่ถ้าจะต้องเป็นหนี้จริง ๆ อยากให้คิดก่อนว่าหนี้ที่เราจะสร้างมันถึงเวลาแล้วรึยัง ถ้ายังรออีกนิดแล้ว เก็บออมเงิน แล้วค่อยซื้อเมื่อชีวิตบอกว่าพร้อมจริง ๆ จะดีกับตัวเราเองมากกว่า <style type="text/css">.ar-box-title { line-height: 48px; border-left: 5px solid #ffd400; } </style> <style type="text/css">.ar-sub-title { font-family: "Krungsri-Condensed-Bold"; font-size: 20px; font-weight: bold; letter-spacing: 0; margin-left: 0px; } </style>
ks-coach
5 Min Read
share
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา