อยากกู้ซื้อบ้าน แต่ติดบูโรซื้อบ้านได้ไหม
รอบรู้เรื่องบ้าน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ติดแบล็คลิสต์กู้ซื้อบ้านได้ไหม ต้องทำอย่างไรบ้าง

icon-access-time Posted On 16 สิงหาคม 2566
By Krungsri The COACH
หากคุณมีความฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แล้วถ้าหากเราซื้อบ้านด้วยเงินสดทั้งหมด..หลายคนก็คงจะรู้สึกไม่ไหว อาจจะเกินกำลังไป เพราะมูลค่าบ้านก็ค่อนข้างสูง หลายคนจึงเลือกวิธีการกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อซื้อบ้าน แต่หากคุณมีปัญหาติดแบล็คลิส อาจทำให้คุณกังวลใจได้ว่าติดบูโรซื้อบ้านได้ไหมหรือติดแบล็คลิสกู้บ้านได้ไหม ซึ่งเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยอย่างมากก็คือการขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านนั่นเอง

เวลาเราไปขอสินเชื่อต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ธนาคารก็จะเช็กประวัติการผ่อนชำระหนี้ของเราก่อน หากเรามีประวัติการผ่อนชำระหนี้ที่ดีก็มีโอกาสอนุมัติผ่านง่าย ๆ แน่นอน แต่บางคนอาจจะเคยเจอปัญหากู้เงินซื้อบ้านไม่ผ่านเพราะติดแบล็คลิสต์ ในความเป็นจริงแล้วแม้จะติดแบล็คลิสต์เครดิตบูโรอยู่ก็ยังมีโอกาสกู้ซื้อบ้านได้นะ เพียงแค่เราต้องเข้าใจเรื่องเครดิตบูโร และหาวิธีปลดล็อกแก้แบล็คลิสต์ เครดิตบูโรก่อน
ติดแบล็คลิสคืออะไร

“ติดแบล็คลิสต์” หรือ “ติดเครดิตบูโร” คืออะไร?

“ติดแบล็คลิสต์” หรือ “ติดเครดิตบูโร” เป็นคำที่หลายคนพูดกันจนติดปาก ไว้บ่งบอกถึงสถานะทางการเงินของคนที่มีพฤติกรรมการใช้เงินที่ไม่ดี และมักเข้าใจว่าเป็นปัญหาทางการเงินที่รุนแรงจนทำให้การขอสินเชื่อ เช่น การกู้บ้าน ถูกปฏิเสธ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “ติดแบล็คลิสคืออะไร” หรือ “ติดบูโรซื้อบ้านได้ไหม” จริงๆ แล้ว "ติดแบล็คลิสกู้บ้านได้ไหม" ขึ้นอยู่กับรายละเอียดในเครดิตบูโร และข้อกำหนดของธนาคารนั้นๆ

จริงๆ แล้ว เครดิตบูโร (Credit Bureau) หรือบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) มีหน้าที่หลักในการรวบรวมข้อมูลบัญชีสินเชื่อ และประวัติการชำระหนี้จากสถาบันการเงินหลายแห่ง เพื่อไว้วัดระดับความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมทางการเงินของเรา หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เช็กเครดิตของเรานั่นเอง โดยธนาคารจะมาขอข้อมูลส่วนนี้ไปประกอบการพิจารณาการขอสินเชื่อ และธนาคารก็เป็นผู้อนุมัติสินเชื่อตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของธนาคารเอง ส่วนทางเครดิตบูโรจะจัดเก็บข้อมูลทางการเงิน ประวัติการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไว้ไม่เกิน 3 ปี

เครดิตบูโรจัดเก็บข้อมูลเป็น 2 ส่วน

โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งข้อมูลในเครดิตบูโรจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่
 

1. ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

เช่น ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, วัน/เดือน/ปีเกิด, สถานภาพการสมรส, อาชีพ, เลขบัตรประชาชน, และในกรณีนิติบุคคลจะเป็นข้อมูลของบริษัท เช่น ชื่อ ที่ตั้ง และเลขทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น
 

2. ข้อมูลสินเชื่อ และประวัติการชำระสินเชื่อ

เช่น ประวัติการกู้ซื้อบ้าน, กู้ซื้อรถ, ผ่อนบัตรเครดิตอยู่กี่ใบ, มีสินเชื่อทั้งหมดกี่บัญชี, สถานะการชำระหนี้

ก่อนทำการขอสินเชื่อหรือกู้ซื้อบ้าน ควรตรวจเช็กเครดิตบูโรของตัวเอง เเพื่อให้ทราบสถานะทางการเงิน ปัจจุบันสามารถตรวจเครดิตบูโรได้หลายช่องทาง เช่น
  • ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) ใช้เวลาเพียง 15 นาที เพียงแค่ยื่นบัตรประชาชน
  • ตู้คีออส รับรายงานเครดิตการเงินผ่านทางอีเมลทันที
  • การขอรายงานทางไปรษณีย์ ใช้เวลา 7 วันทำการ ติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร (ทุกสาขา) และที่ทำการไปรษณีย์ เคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ ทุกแห่งทั่วประเทศ
  • การตรวจเครดิตบูโรผ่านโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารชั้นนำ

สาเหตุที่ธนาคารให้ความสำคัญกับเรื่องเครดิตบูโร

สาเหตุที่ธนาคารให้ความสำคัญกับเรื่องเครดิตบูโร เพราะต้องการทำความรู้จักลูกค้า และรู้พฤติกรรมการใช้เงินของแต่ละคนมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ยื่นกู้เคยติดแบล็คลิสคือ การมีประวัติการชำระหนี้ที่ล่าช้า หรือไม่จ่ายหนี้ตามกำหนดเวลา อาจเป็นสาเหตุให้ธนาคารพิจารณาเรามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน

ดังนั้นการที่เรามีประวัติการชำระหนี้ที่ดี จะเป็นข้อได้เปรียบในการขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อประเภทอื่นๆ แต่สำหรับคนที่มีคำถามว่า ติดบูโรซื้อบ้านได้ไหม คำตอบคือขึ้นอยู่กับสถานการณ์และธนาคารที่พิจารณา ถึงแม้ว่าเราจะมีประวัติเครดิตบูโรที่ไม่ดี หากเราสามารถปรับปรุงการเงินของตัวเอง เช่น การปิดหนี้หรือแสดงให้เห็นว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต ธนาคารบางแห่งอาจยังอนุมัติสินเชื่อบ้านได้

ถ้าเราติดแบล็คลิสต์ เครดิตบูโรอยู่จะแก้อย่างไรได้บ้าง?

สำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองติดแบล็คลิสต์ เครดิตบูโรอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะมีวิธีปลดล็อกแก้แบล็คลิสต์ เครดิตบูโร และสามารถแก้ไขเครดิตการเงินให้กลับมาดีได้
 
วางแผนแก้ติดแบล็คลิสต์เครดิตบูโร
 

1. วางแผนชำระหนี้ให้สถานะกลับมาเป็นปกติ

หากคุณกำลังติดแบล็คลิสต์และต้องการกลับมากู้สินเชื่อ ติดแบล็คลิสกู้บ้านได้ไหม สิ่งแรกที่ควรทำคือวางแผนการชำระหนี้ เริ่มจากการรวบรวมหนี้ที่ยค้างชำระทั้งหมด วางแผนจัดลำดับความสำคัญของหนี้ โดยพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ซึ่งจะช่วยให้คุณลดภาระดอกเบี้ยและสามารถปิดก้อนได้รวดเร็วขึ้น
 

2. เจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อขอปรับโครงสร้างการชำระหนี้

กรณีที่บางคนอาจมีปัญหาทางการเงินและไม่สามารถชำระหนี้ต่อไหว แนะนำลองเข้าไปเจรจากับธนาคาร เพื่อขอปรับโครงสร้างการชำระหนี้ วิธีนี้ช่วยลดภาระในการชำระหนี้รายเดือน โดยการขอขยายระยะเวลาชำระหรือขอลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถชำระหนี้ได้หมดเร็วขึ้น วิธีนี้จะช่วยปรับปรุงสถานะการเงินและเพิ่มโอกาสให้คุณกู้บ้านได้ในอนาคต

เมื่อเราได้ปลดล็อกจนไม่ติดแบล็คลิสต์แล้วก็อย่าลืมปรับพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองด้วยนะ ลดการซื้อของแบบเงินผ่อนจนเกินความจำเป็น คอยตรวจดูว่าตอนนี้เรามีภาระหนี้สินเกินกำลังตัวเองแล้วหรือไม่ รวมถึงควรจะเริ่มต้นเก็บออมเงินเพื่ออนาคตด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการออมเงินก่อนใช้จ่ายในทุก ๆ เดือน เพื่อให้เรามีเงินก้อนเก็บออมไว้
 
ติดแบล็คลิสต์กู้บ้านได้ไหม?

ติดแบล็คลิสต์อยู่ อยากกู้ซื้อบ้านได้ไหม?

คำถามที่หลายคนมักจะถามคือ "ติดแบล็คลิสต์คืออะไร?" และ "ติดแบล็คลิสต์กู้บ้านได้ไหม?" ความจริงก็คือ คนที่ติดแบล็คลิสต์อยู่ อาจยังมีโอกาสกู้ซื้อบ้านได้ แต่จะต้องมีการวางแผนและเตรียมตัวให้ดี การที่คุณติดแบล็คลิสต์จะทำให้การกู้เงินซื้อบ้านเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย หากคุณติดแบล็คลิสต์และต้องการกู้ซื้อบ้าน แนะนำให้คุณพิจารณากู้ร่วมกับคนในครอบครัว คู่สมรส หรือแฟน รวมถึงกลุ่ม LGBTQ ที่มีเครดิตบูโรดี เพราะการกู้ร่วมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้บ้านผ่านได้สูงขึ้น หากไม่มีผู้กู้ร่วม การวางแผนชำระหนี้ให้สถานะเครดิตกลับมาเป็นปกติก่อนก็เป็นทางเลือกที่ดี อีกหนึ่งอย่างที่เราไม่ควรลืมอย่างยิ่ง คือการเก็บออมเงินเพื่อเตรียมไว้สำหรับเป็นค่าดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าประเมินพื้นที่ เพราะธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้สูงสุด 90% ของราคาประเมินบ้าน ดังนั้น เราควรจะเตรียมเงินก้อนไว้สำรองอย่างน้อย 10-20% ของราคาบ้าน

หลายคนกังวลว่า“ติดแบล็คลิสต์ซื้อบ้านได้ไหม” เพราะราคาบ้านมีมูลค่าสูงและเป็นการกู้ระยะยาว (ระยะเวลาผ่อนขึ้นอยู่กับอายุของผู้กู้ด้วย) แต่หากเราได้วางแผนกู้เงินซื้อบ้านและการผ่อนอย่างรอบคอบ จะช่วยให้ความฝันในการซื้อบ้านก็ไม่ไกลเกินเอื้อม รวมถึงเราควรจะเลือกซื้อบ้านที่ราคาสอดคล้องกับรายได้ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ภาระหนี้ไม่ควรเกิน 50-55% ของรายได้ต่อเดือน

สำหรับคนที่คำนวณเลขไม่เก่ง ทางธนาคารกรุงศรีฯ มีเครื่องมือคำนวณให้เราได้ลองไปคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนด้วยนะ เพียงแค่กรอกวงเงินที่ขอกู้ อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาขอกู้ เราก็จะรู้ทันทีว่ายอดผ่อนชำระต่อเดือนกี่บาท คลิกตรงนี้เลย

ยกตัวอย่าง คำนวณยอดผ่อนบ้าน

เมื่อเรากู้เงินซื้อบ้าน 3 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี และระยะเวลากู้ 30 ปี ผลลัพธ์ที่ได้คือ ยอดผ่อนชำระต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 21,000 บาท

ถ้าคุณติดแบล็คลิสต์และกำลังคิดว่าจะกู้บ้านได้ไหม คุณควรพิจารณารายได้ของคุณด้วย จากอัตราส่วนภาระหนี้รวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ต่อเดือน เราจึงควรมีรายได้ประมาณ 42,000 บาทต่อเดือน
 
แก้ปัญหาการติดแบล็คลิสต์

กู้ซื้อบ้านใหม่ หรือมือสอง แบบไหนมีโอกาสผ่านมากกว่ากัน

ไม่ว่าจะกู้ซื้อบ้านใหม่หรือบ้านมือสอง นาคารจะพิจารณาจากประวัติการทำธุรกรรมทางการเงินและข้อมูลเครดิตบูโรเป็นหลัก ดังนั้น หากเรามีประวัติการเงินดีและรายได้มั่นคง ก็จะเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านได้ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง

สำหรับคนที่สนใจกู้เงินซื้อบ้านมือสอง แนะนำให้ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพื่มเติมกับทางธนาคารอีกที แม้ว่าธนาคารจะให้วงเงินกู้สูงสุด 90% ของราคาประเมิน แต่ก็อาจมีบางกรณีที่ธนาคารมีโอกาสจะอนุมัติวงเงินจำนวนน้อยกว่า 90%

การขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านไม่ใช่เพียงเรื่องของการพิจารณาประวัติเครดิตบูโรเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น รายได้ที่มั่นคงและความสามารถในการชำระหนี้ด้วย ดังนั้น คนที่มีประวัติในเครดิตบูโรอยู่ก็ยังมีโอกาสกู้ซื้อบ้านได้ และวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาการติดแบล็คลิสต์คือการชำระหนี้ทั้งหมดที่ให้เรียบร้อยและทำให้สถานะเครดิตบูโรกลับมาดีอีกครั้ง พร้อมกับการสร้างประวัติทางการเงินที่ดีให้ธนาคารเห็นการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มโอกาสในการกู้ซื้อบ้านได้มากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา