บ้านคือหนึ่งในความฝันหรือเป้าหมายการเงินของใครหลาย ๆ คน ที่อยากจะมีบ้านสักหลัง ซึ่งเป็นบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ใช้เวลากับครอบครัวและสร้างความทรงจำอันล้ำค่าร่วมกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะวางแผนซื้อบ้านสักหลังให้ได้นั้น ต้องใช้เงินก้อนค่อนข้างใหญ่จึงต้องวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ดังนั้นการกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคาร จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้เราสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ทันที
แต่หนึ่งคำถามที่มักจะมีอยู่ในใจก็คือ "ถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศที่มีเงินเดือนเท่านี้ จะกู้เงินซื้อบ้านได้เท่าไร?" วันนี้ Krungsri The COACH จะพาทุกคนมาส่องดูสูตรคำนวณสุด EASY EASY กันครับ ว่าหากเรามีเงินเดือนเท่านี้ สามารถกู้เงินซื้อบ้านในฝันได้สูงสุดเท่าไร พร้อมวิธีวางแผนผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ให้เหมาะสมกับรายได้ เพื่อให้ชาวมนุษย์เงินเดือนมีแนวทางที่ชัดเจนในการกู้เงินซื้อบ้านและบรรลุเป้าหมายมีบ้านเป็นของตัวเองกัน
ส่องสูตรคำนวณสุด EASY เงินเดือนเท่านี้ กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่?
เมื่อคิดจะกู้เงินซื้อบ้าน ารคำนวณวงเงินกู้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยวางแผนได้ดีขึ้น โดยสูตรคำนวณวงเงินกู้ที่ใช้คำนวณเบื้องต้นได้ก็คือ (รายได้ของผู้กู้ x 40%) x 150 ซึ่งวงเงินกู้ ที่ได้จากการคำนวณนี้ สามารถนำไปประมาณการกำหนดงบเบื้องต้นได้
ตัวอย่างการคำนวณ
ตัวอย่างที่ 1 พนักงานออฟฟิศ มีเงินเดือน 30,000 บาท
วงเงินที่ขอกู้ซื้อบ้านได้ประมาณ : (30,000 x 40%) x 150 = 1,800,000 บาท
ตัวอย่างที่ 2 พนักงานออฟฟิศ มีเงินเดือน 50,000 บาท
วงเงินที่ขอกู้ซื้อบ้านได้ประมาณ : (50,000 x 40%) x 150 = 3,000,000 บาท
นอกจากการคำนวณวงเงินกู้แล้ว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้และมีความสำคัญมาก คือการประเมินจำนวนเงินค่างวดที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนเป็นเท่าไร Krungsri The COACH ขอแนะนำตัวช่วยในเรื่องนี้ ซึ่งจะช่วยคำนวณทั้งวงเงินกู้และค่างวดที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนด้วย ซึ่งก็คือความสามารถในการกู้นั่นเอง โดยทำผ่าน
เครื่องคำนวณความสามารถในการกู้ของธนาคารกรุงศรี
- ระบุรายได้ต่อเดือน (รวมรายได้ผู้กู้ร่วม (ถ้ามี))
- ระบุภาระหนี้ต่อเดือน (ถ้ามี)
- ระบุระยะเวลาที่ขอกู้ (ปี)
- กดคำนวณ
ระบุข้อมูลให้ครบทุกช่องเพื่อคำนวณวงเงินกู้ซื้อบ้านสูงสุด
- รายได้ต่อเดือน 30,000 บาท
- ภาระหนี้ต่อเดือน 0 บาท
- ระยะเวลาที่ขอกู้ 30 ปี
จากนั้น ระบบจะคำนวณวงเงินสูงสุดที่สามารถขอได้คือ 3,269,900 บาท และยอดผ่อนชำระต่อเดือน 19,500 บาท ในระยะเวลาที่กู้ 30 ปี
ตัวอย่าง ตารางเปรียบเทียบรายได้กับวงเงินกู้ซื้อบ้านสูงสุดและยอดผ่อนชำระต่อเดือน
หมายเหตุ
- ผลการคำนวณข้างต้นเป็นการคำนวณผ่าน เครื่องคำนวณความสามารถในการกู้ของธนาคารกรุงศรีฯ และเป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร
- โปรดตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์และประเภทหลักประกันและเงื่อนไขอื่น ๆ จากเจ้าหน้าที่ธนาคาร
- การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
3 สิ่งที่มีผลต่อการกำหนดงบประมาณในการกู้เงินซื้อบ้าน
1. ทำเลที่ตั้ง
ทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อบ้าน เพราะต้องอาศัยอยู่บ้านและสภาพแวดล้อมรอบเป็นอีกหลายปี หากเป็นบ้านที่อยู่ใจกลางเมือง ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ราคาก็จะสูงกว่าบ้านที่อยู่ชานเมือง
2. ขนาดของที่อยู่อาศัย
ขนาดบ้านที่ต้องการจะซื้อส่งผลโดยตรงต่อราคาและจำนวนเงินที่ต้องกู้ บ้านที่มีขนาดใหญ่ก็จะมีราคาที่สูงมากขึ้น ดังนั้นต้องพิจารณาถึงขนาดบ้านและพื้นที่ใช้สอย และจำนวนผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นด้วย
3. สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่
บ้านที่อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ย่อมจะมีราคาที่สูงกว่า เช่น ใกล้แหล่งศูนย์การค้า สถานศึกษา สวนสาธารณะ รวมถึงการเดินทางสะดวกเพราะใกล้ทางด่วนหรือแนวรถไฟฟ้า
ตารางราคาบ้านเฉลี่ยในกรุงเทพฯ (ล้านบาท)
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บ TerraBKK ณ วันที่ 11/10/2017
รู้งบราคาบ้านเบื้องต้นแล้ว จะต้องวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านอย่างไร
เมื่อทราบราคาบ้านเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านและกู้เงินซื้อบ้านให้เหมาะสมกับรายได้ โดยขอแนะนำ 5 ไอเดียในการวางแผนเก็บเงินกู้ซื้อบ้านในฝัน ได้แก่
1. เลือกบ้านที่ใช่ ในราคาที่เอื้อมถึง
โดยหลักการที่ปลอดภัยคือราคาบ้านนั้นไม่ควรเกิน 60 เท่าของรายได้ต่อเดือน เช่น นายกรุงศรี มีเงินเดือน 50,000 บาท ไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านราคามากกว่า 3,000,000 บาท เพื่อลดภาระในการผ่อนชำระต่อเดือนที่มากเกินไป
2. เก็บเงินออมอย่างน้อย 20% ของราคาบ้านสำหรับค่าดาวน์บ้าน
หหลังจากรู้งบราคาบ้านที่ต้องการซื้อเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้เก็บเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของราคาบ้าน เช่น ต้องการซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท ต้องเก็บเงินดาวน์อย่างน้อย 600,000 บาท (3,000,000 x 20%)
3. วางแผนเก็บเงินดาวน์บ้านอย่างเป็นระบบ
การกำหนดเป้าหมายเก็บเงินต่อเดือนเท่าที่เราต้องการผ่อนต่อเดือน ตัวอย่าง นายกรุงศรี มีเงินเดือน 50,000 บาท วางแผนซื้อบ้านอีก 3 ปีข้างหน้า โดยจะกู้เงินซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท และผ่อนชำระงวดละ 20,000 บาทต่อเดือน จากนั้นเริ่มวางแผนเก็บเงินซื้อบ้าน ดังนี้
- ปีที่ 1 ออมเดือนละ 20,000 บาท ดังนั้น ปีที่ 1 เก็บเงินได้ 240,000 บาท (12 x 20,000)
- ปีที่ 2 ออมเดือนละ 20,000 บาท ดังนั้น ปีที่ 2 เก็บเงินได้ 240,000 บาท (12 x 20,000)
- ปีที่ 3 ออมเดือนละ 20,000 บาท ดังนั้น ปีที่ 3 เก็บเงินได้ 240,000 บาท (12 x 20,000)
รวมออมเงินครบ 3 ปี จะเก็บเงินได้เท่ากับ 3x240,000 = 720,000 บาท คิดเป็น 24% ของราคาบ้าน
4. เช็กภาระหนี้ที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือน
เพราะการกู้เงินซื้อบ้านนั้น เป็นการสร้างภาระหนี้ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นหากภาระการผ่อนหนี้ต่อเดือนในปัจจุบันยังสูงอยู่ อาจจะมีปัญหาในการผ่อนบ้านไม่ไหวในอนาคตได้ ซึ่งแนะนำว่าการ
ผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ทั้งหมดต่อเดือน และเมื่อรวมการผ่อนชำระหนี้อื่น ๆ อีก ต้องมียอดผ่อนทั้งหมดไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ทั้งหมดต่อเดือน
ตัวอย่าง นายกรุงศรีมีเงินเดือน 50,000 บาท
- ควรผ่อนบ้านได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน (50,000 x 40%)
- และเมื่อผ่อนชำระหนี้รวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 25,0000 บาทต่อเดือน (50,000 x 50%)
หากนายกรุงศรีมีการผ่อนชำระหนี้ปัจจุบันอยู่ 10,000 บาทต่อเดือน และอีก 3 ปี หลังจากนายกรุงศรีซื้อบ้าน ยอดการผ่อนชำระหนี้ทั้งหมดจะเท่ากับ 30,000 บาท ตามรายละเอียดข้างล่างนี้
- ค่าผ่อนหนี้ปัจจุบัน 10,000 บาทต่อเดือน
- ค่าผ่อนบ้าน 20,000 บาทต่อเดือน
ซึ่งเป็นภาระการผ่อนชำระที่สูงถึง 60% ของรายได้ (60% x 50,000 = 30,000)
ดังนั้นเพื่อให้นายกรุงศรีสามารถกู้เงินซื้อบ้านได้อย่างสบายใจ และมั่นใจว่าสามารถผ่อนบ้านในระยะหลายสิบปีไหวอย่างแน่นอน ภายใน 3 ปีนี้ นายกรุงศรีจะต้องวางแผนจัดการหนี้ปัจจุบันให้เหลือยอดผ่อนชำระไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือนจากยอดผ่อนชำระ 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งหากจัดการภาระหนี้ได้ จะทำให้ค่าผ่อนทั้งหมดอยู่ที่ 25,0000 บาทต่อเดือน ได้แก่
- ค่าผ่อนหนี้ปัจจุบัน 5,000 บาทต่อเดือน
- ค่าผ่อนบ้าน 20,000 บาทต่อเดือน
หรือภาระการผ่อนชำระ 50% ของรายได้ทั้งหมดนั่นเอง
5. เช็กประวัติเครดิตบูโร แลรักษาประวัติการชำระหนี้ให้ดี
เพื่อเพิ่มโอกาสในการยื่นขอสินเชื่อเพื่อกู้เงินซื้อบ้าน เพราะหากเรามีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ย่อมมีโอกาสที่ธนาคารจะพิจารณาปล่อยสินเชื่อเงินกู้ได้ง่ายขึ้น
ตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการทุนในการกู้เงินซื้อบ้าน ขอสินเชื่อที่ไหนดี?
Krungsri The COACH แนะนำ
สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยของธนาคารกรุงศรีอยุธยา คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ ด้วยจุดเด่นของสินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยที่คุณสามารถกู้ผ่านทางออนไลน์ได้ หรือที่ธนาคารกรุงศรีทุกสาขา สะดวก อนุมัติและรู้ผลกู้ไว ดอกเบี้ยพิเศษในช่วงปีแรก พร้อมสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับ
สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยผู้กู้ต้องศึกษารายละเอียดการกู้อย่างรอบคอบ โดยกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 4.318% - 5.800% ต่อปี*
*สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 = 7.275% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
หมายเหตุ: อัตราดอกเบี้ยนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่โพสต์บทความ สามารถตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน และรายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com
การวางแผนกู้เงินซื้อบ้านนั้น เป็นการกู้เงินที่เป็นภาระหนี้สินระยะยาว ผู้กู้จะต้องรับผิดชอบการผ่อนชำระหลายสิบปี ดังนั้นผู้กู้ควรพิจารณาว่าจะผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่และเงินเดือนกู้บ้านได้ในระดับใด เพื่อไม่ให้เครียดจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้เสียในอนาคต ซึ่งจะส่งผลถึงการเสียประวัติเครดิตบูโรอีกด้วย วิธีที่จะช่วยลดภาระการผ่อนบ้านให้เบาลงได้ก็คือ การเก็บเงินดาวน์บ้านเพิ่มบางส่วน เพื่อที่จะได้กู้ซื้อบ้านเท่าที่จำเป็น ราคาบ้านไม่สูงจนเกินความสามารถของเรา ซึ่งสัดส่วนการผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ทั้งหมดต่อเดือน เพื่อไม่ให้ภาระทางการเงินในแต่ละเดือนหนักจนเกินไป และ Krungsri The COACH มั่นใจว่าหากเรามีการวางแผนกู้เงินซื้อบ้านมาเป็นอย่างดีแล้ว เราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตในบ้านที่แสนอบอุ่นหลังนี้อย่างแน่นอน
อ้างอิง