เอาไงต่อ..เป็นหนี้ไม่พอจ่าย ปล่อยให้ยึด จบจริงหรือ?
รอบรู้เรื่องยืมเงิน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เอาไงต่อ..เป็นหนี้ไม่พอจ่าย ปล่อยให้ยึด จบจริงหรือ?

icon-access-time Posted On 25 พฤษภาคม 2565
by Krungsri The COACH
ความกลัวของคนที่มีหนี้ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ที่ไม่มีใครอยากพบเจอที่สุดคือ “ช่วงเวลาที่ผ่อนไม่ไหว” สาเหตุของการผ่อนไม่ไหวของแต่ละคนก็แตกต่างกัน เช่น มีภาระในชีวิตเพิ่มขึ้น ตกงาน หรือถูกปรับเงินเดือนลดลงกะทันหัน และสาเหตุที่แย่ที่สุดคือสร้างหนี้ในชีวิตเยอะเกินไปจนควบคุมไม่ไหว เมื่อภาระหนี้มากเกินจะจ่าย สิ่งที่หลายคนมักคิดคือ “ปล่อยให้ยึดไปเลย จะได้จบ ๆ กันไป ไม่ต้องมีภาระต่อไปอีก” ถ้ามันง่ายแบบที่คิดก็ดีน่ะสิ ในโลกความจริง การปล่อยให้เจ้าหนี้ยึดบ้าน ยึดรถยนต์ จากสาเหตุผ่อนไม่ไหว นี่มันหนังชีวิตดี ๆ นี่เอง เพราะบางครั้งเรื่องจะไม่จบ เรายังต้องมาปวดหัวกับทรัพย์ก้อนนี้อีก เพราะเราสามารถเจอกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแบบนี้ยังไงล่ะ
 
เอาไงต่อ..เป็นหนี้ไม่พอจ่าย ปล่อยให้ยึด จบจริงหรือ

Case ที่ 1: หนี้เยอะผ่อนไม่ไหว โดนยึดทรัพย์สินขายทอดตลาด ราคาที่ขายพอดีกับหนี้ของเราพอดี ถือว่ารอดตัวกัน ไม่ไป ไม่ต้องแก้ปัญหาอะไรต่อ

Case ที่ 2: ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ต้องปล่อยให้ยึดบ้าน ยึดรถยนต์ เจ้าหนี้เอาทรัพย์สินเราไปขายทอดตลาด หักหนี้แล้วเหลือกำไรเท่าไหร่ เราได้คืน แต่เชื่อเถอะว่ากรณีแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ

Case ที่ 3: เงินในกระเป๋าหมดแล้ว คิดว่าจะเลิกจ่ายหนี้ อยากให้ยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาด สรุปขายแล้วขาดทุนหักหนี้ไปไม่พอ เหลือยอดหนี้อีกเยอะ อันนี้ล่ะที่หลายคนพบเจอคือเราต้องหาส่วนต่างมาชำระหนี้ และส่วนใหญ่ยอดหนี้ที่ต้องจ่ายเพิ่มก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะมีดอกเบี้ยด้วยนะ หากใครที่คิดจะเบี้ยวหนี้อันนี้โดนหนักหน่อยเพราะอาจมีดอกเบี้ยปรับสูงถึงร้อยละ 15%

แต่ชีวิตของเราอย่าปล่อยให้ต้องเดินไปถึงวันที่ให้คนอื่นมายึดบ้าน ยึดรถยนต์ที่เราจ่ายค่างวดมาตั้งนาน เรื่องหนี้มันมีทางออกเสมอด้วยการ “ปรับโครงสร้างหนี้” ที่มีซะใหม่ โดยการเข้าไปคุยกับสถาบันการเงิน หรือธนาคารที่เป็นเจ้าของหนี้เราได้ตลอด และวิธีการปรับโครงสร้างหนี้มันก็มีด้วยกันหลายทาง ที่เราอยากนำเสนอให้ลูกหนี้ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์กำลังจ่ายหนี้ไม่ไหว
 
เอาไงต่อ..เป็นหนี้ไม่พอจ่าย ปล่อยให้ยึด จบจริงหรือ
 

1. ขอรีไฟแนนซ์ใหม่ จ่ายหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ ถูกได้อีก

หากใครที่คิดว่าดอกเบี้ยบ้าน หรือรถยนต์ที่จ่ายแต่ละเดือนสูงเกินไปสภาพคล่องคิดว่าคงจ่ายต่อไปไม่ไหว เราสามารถยื่นเอกสาร แล้วขอรีไฟแนนซ์ใหม่ได้แล้วเราจะได้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกลงกว่าเดิม ช่วยลดภาระหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนลดลง และบางครั้งการยื่นขอรีไฟแนนซ์ใหม่ เราอาจได้วงเงินกู้มากขึ้นกว่ายอดหนี้เดิม เพื่อเอามาใช้หมุนเวียนให้สภาพคล่องดีขึ้นซึ่งเราจะยื่นขอรีไฟแนนซ์ที่ธนาคารเดิม หรือธนาคารใหม่ก็ทำได้ ซึ่งจุดนี้ให้เราเลือกว่าที่ไหนให้ข้อเสนอดีที่สุด แต่เราจะต้องเตรียมเอกสารสักเล็กน้อยดังนี้
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาทะเบียนรถยนต์ (ใช้ในกรณีรีไฟแนนซ์รถเท่านั้น)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนบ้านคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน เราได้มีข้อมูลดี ๆ เตรียมเอาไว้ให้สามารถคลิกดูเพิ่มเติมตรงนี้ได้เลย!
 
เอาไงต่อ..เป็นหนี้ไม่พอจ่าย ปล่อยให้ยึด จบจริงหรือ
 

2. ขอพักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยก่อน

หนี้ที่เราต้องจ่ายแต่ละเดือน จะประกอบด้วยเงินต้น และดอกเบี้ย หากวันนี้เราจ่ายหนี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ อยากให้เดินไปคุยกับทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินเจ้าของหนี้เลยว่า สามารถพักชำระเงินต้นได้ไหม ขอจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยไปก่อน ช่วงนี้สภาพคล่องการเงินไม่ไหวจริง ๆ หากเป็นแบบนี้ทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินมักจะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเราอยู่แล้ว ถ้าเราเป็นลูกหนี้ที่ดีมาโดยตลอด จ่ายตรงเวลา ไม่เคยเบี้ยวหนี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ลำบากอยากให้ทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินช่วยเหลือ เราสามารถไปขอความช่วยเหลือได้ทันทีเลย

ซึ่งระยะเวลาช่วยเหลือจะอยู่ในกรอบเวลา 3-6 เดือน เพียงแค่นี้ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เราฟื้นฟูสภาพคล่องทางการเงินให้กลับมาดีเหมือนเก่า วิธีการแบบนี้ใคร ๆ ก็มักทำกันไม่ต้องไปคิดว่ามันน่าอาย หรือจะเสียประวัติทางการเงิน การยื่นขอพักชำระเงินต้นจะไม่ทำให้คุณเสียประวัติอะไรทางการเงินสักนิด แต่ถ้าเราเบี้ยวหนี้ที่ต้องจ่ายแล้วปล่อยให้เจ้าหนี้มายึดทรัพย์สินอันนี้สิ จะเสียประวัติทางการเงินมากกว่า
 
เอาไงต่อ..เป็นหนี้ไม่พอจ่าย ปล่อยให้ยึด จบจริงหรือ
 

3. หนี้เยอะเกินไป ขอรวมหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย

อีกหนึ่งทางออกของคนมีหนี้เยอะไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ หรือหนี้บัตรเครดิต เราสามารถไปทำเรื่องขอรวมหนี้ทั้งหมดได้ที่ธนาคาร ทั้งนี้เราสามารถรวมหนี้ได้ทั้งธนาคารเดียวกัน หรือหนี้ต่างธนาคารให้มาเป็นหนี้ก้อนเดียว และได้อัตราดอกเบี้ยใหม่ได้ ข้อดีของการรวมหนี้ทั้งหมดให้เป็นก้อนเดียวคือ เราจะมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น และสามารถจ่ายหนี้ได้ง่าย เพราะจากมีหนี้หลายก้อน จ่ายหลายทาง ดอกเบี้ยคิดไม่เหมือนกัน แต่เมื่อรวมหนี้แล้วจ่ายแค่ดอกเบี้ยก้อนเดียว แถมข้อมูลประวัติทางการเงิน หรือเครดิตบูโรก็ไม่เสียประวัติ

สำหรับการรวมหนี้ถึงจะมีข้อดีมากมาย แต่เมื่อขั้นตอนของการรวมหนี้ก็มีสิ่งที่เราควรรู้เอาไว้ เช่น เราสามารถรวมหนี้ทั้งหมดได้ หากไม่เกินมูลค่าของหลักประกัน แต่ถ้ายอดหนี้ของสินเชื่อรายย่อยสูงกว่ามูลค่าของหลักประกันเราสามารถรวมหนี้บางส่วนได้ และเราต้องให้ความยินยอมที่จะเปิดเผยชื่อเจ้าของหนี้ ยอดหนี้ที่มีทั้งหมดให้กับธนาคารที่เรารวมหนี้

เชื่อว่าหลายคนพออ่านมาถึงตรงนี้คงจะเห็นแล้วว่าเรื่องของหนี้ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด และถ้าเราปล่อยให้โดนยึดทรัพย์สินตั้งแต่แรก โดยที่ไม่จัดการปลายทางเราอาจต้องเป็นหนี้ได้อีกไม่รู้จบ แถมบ้าน หรือรถยนต์ที่ผ่อนกันมานาน ก็จากเราไปด้วย เพื่อไม่ให้เราต้องเจอตอนจบแบบนั้น นอกจากทางออกที่ได้นำเสนอไป เรื่องของการวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่ดีควรศึกษากันเอาไว้ และยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจยังเป็นแบบนี้ การมีหนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ถ้าเรารู้จักบริหารเงินให้ดี จะเจอสักกี่ปัญหาเราก็ผ่านมันไปได้
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา