ไขข้อสงสัย ขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดได้ไหม มีขั้นตอนอะไรบ้าง

Posted On 04 ธันวาคม 2568
By Krungsri The COACH
การตัดสินใจขายบ้านสักหลังอาจมีเหตุผลต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการย้ายที่ทำงาน ขยับขยายครอบครัว หรือภาระทางการเงินที่เริ่มหนักเกินรับไหว ทำให้รู้สึกว่า
ผ่อนบ้านไม่ไหวอีกต่อไป
แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ
“ถ้าบ้านยังผ่อนไม่หมด จะขายได้ไหม ?” และ
“ต้องทำอย่างไรบ้าง ?”
หากคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์นี้ และอยากหาคำตอบที่ชัดเจน Krungsri The COACH ได้รวบรวมข้อมูลครบทุกขั้นตอนเกี่ยวกับการขายบ้านที่ยังมีภาระผ่อนอยู่ ตั้งแต่การเตรียมตัว ไปจนถึงขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อให้คุณสามารถวางแผนและจัดการได้อย่างมั่นใจและราบรื่น
เพราะทุกการตัดสินใจเรื่องเงินล้วนสำคัญเสมอ และเมื่อมีข้อมูลที่ถูกต้อง คุณก็พร้อมก้าวต่อไปอย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์
ขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดทำได้ไหม ?
“ทำได้” แต่มีเงื่อนไข และขั้นตอนที่ต้องจัดการให้ถูกต้อง โดยทั่วไปแล้ว การขายบ้านที่ยังติดภาระผ่อนชำระกับธนาคารสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ดังนี้
วิธีที่ 1 การขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดให้กับธนาคาร
จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถขายให้กับธนาคารโดยตรงได้ แต่จะทำในรูปแบบของการ
“โอนทรัพย์ชำระหนี้จำนอง” ตามมาตรการที่ธนาคารผู้ให้บริการสินเชื่อของคุณกำหนด
การโอนทรัพย์ชำระหนี้จำนอง คือ การที่ลูกหนี้นำทรัพย์สินซึ่งในที่นี้ก็คือบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด (บ้านติดจำนอง) โอนกรรมสิทธิ์ให้กับธนาคาร (เจ้าหนี้) เพื่อเป็นการชำระหนี้ทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งมักเป็นทางเลือกสำหรับลูกหนี้ที่ไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้แล้ว
วิธีที่ 2 การขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดให้กับบุคคลอื่น
วิธีนี้เป็นแนวทางที่นิยม และพบได้บ่อยที่สุด คือการ
ประกาศขายบ้านให้กับผู้ซื้อทั่วไปที่สนใจ ไม่ว่าผู้ซื้อจะชำระด้วยเงินสด หรือขอสินเชื่อจากธนาคารก็ตาม โดยเงินที่ได้จากการซื้อขายจะถูกนำไปชำระหนี้เพื่อปิดบัญชีจำนองบ้านกับธนาคารของผู้ขายเป็นอันดับแรก จากนั้นกรรมสิทธิ์ในบ้านจึงจะสามารถโอนไปยังผู้ซื้อรายใหม่ได้โดยสมบูรณ์
เช็กลิสต์ 4 ข้อต้องเคลียร์ให้จบ ก่อนประกาศขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด
หากคุณตัดสินใจที่จะขายบ้านที่ยังติดจำนองให้กับผู้ซื้อรายใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือขายคอนโดที่ยังผ่อนไม่หมดก็ตาม มี 4 เรื่องสำคัญที่คุณต้องตรวจสอบ และเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนประกาศขายจริง เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น
1. ยอดหนี้คงเหลือล่าสุดเท่าไร ?
สิ่งแรกที่ต้องทำคือติดต่อธนาคารที่คุณผ่อนบ้านอยู่ เพื่อขอสรุปยอดหนี้คงค้างทั้งหมด (ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย) ณ ปัจจุบัน ตัวเลขนี้คือข้อมูลที่สำคัญที่สุด เพราะจะเป็นตัวกำหนดราคาขายขั้นต่ำที่คุณต้องตั้งเพื่อไม่ให้เข้าเนื้อ และเป็นข้อมูลจำเป็นสำหรับแจ้งแก่ผู้ซื้อเพื่อประกอบการตัดสินใจ
2. ราคาตลาดของบ้านเราอยู่ที่เท่าไร ?
การตั้งราคาขายที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญ ควรสำรวจราคาซื้อขายของบ้านในทำเลใกล้เคียงที่มีขนาด และลักษณะคล้ายกัน เพื่อประเมินราคาตลาดในปัจจุบัน การตั้งราคาที่สูงเกินไปอาจทำให้ขายยาก แต่หากตั้งราคาต่ำไปก็อาจทำให้เสียโอกาสได้ คุณอาจปรึกษานายหน้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อช่วยประเมินราคาที่เหมาะสมก็ได้เช่นกัน
3. สัญญาเงินกู้มีเงื่อนไขอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ ?
กลับไปตรวจสอบสัญญาเงินกู้ฉบับเดิมของคุณให้ละเอียด โดยเฉพาะเงื่อนไขเรื่อง “ค่าปรับกรณีไถ่ถอนก่อนกำหนด” (Prepayment Penalty) ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่มักมีเงื่อนไขนี้หากคุณปิดบัญชีสินเชื่อภายใน 3-5 ปีแรก การทราบข้อมูลนี้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนที่แท้จริง และวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น
4. ค่าใช้จ่ายในวันโอนมีอะไรบ้าง ?
ในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน จะมีค่าใช้จ่ายหลายรายการเกิดขึ้น ซึ่งผู้ซื้อ และผู้ขายต้องตกลงกันล่วงหน้าว่าจะแบ่งกันรับผิดชอบอย่างไร โดยค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ประกอบด้วย
- ค่าธรรมเนียมการโอน : 2% ของราคาประเมิน (โดยทั่วไปมักแบ่งจ่ายคนละ 1%)
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ : 3.3% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมิน (แล้วแต่ราคาใดสูงกว่า) กรณีถือครองบ้านไม่ถึง 5 ปี
- ค่าอากรแสตมป์ : 0.5% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมิน (จ่ายอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างภาษีธุรกิจเฉพาะ หรืออากรแสตมป์)
- ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย : คำนวณตามขั้นบันไดจากราคาประเมิน และจำนวนปีที่ถือครอง
เปิด 5 ขั้นตอนขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด Step by Step
เมื่อเตรียมข้อมูลทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็มาถึงกระบวนการขายจริงซึ่งมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการร่วมกันระหว่างผู้ขาย ผู้ซื้อ และธนาคารของทั้งสองฝ่าย
ขั้นตอนที่ 1 : หาผู้ซื้อ และทำ “สัญญาจะซื้อจะขาย”
เมื่อคุณพบผู้ซื้อที่ตกลงราคา และเงื่อนไขกันได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำ “สัญญาจะซื้อจะขาย” ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ระบุข้อตกลงทั้งหมด เช่น ราคาซื้อขาย เงินมัดจำ วันที่จะโอนกรรมสิทธิ์ และการแบ่งความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่าบ้านหลังนี้ยังติดจำนอง และจะดำเนินการไถ่ถอนในวันโอนกรรมสิทธิ์
ขั้นตอนที่ 2 : เตรียมเอกสารให้ผู้ซื้อสำหรับยื่นกู้
ในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการเอกสารสำหรับนำไปยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารที่ต้องการกู้เอง ผู้ขายจำเป็นต้องเตรียมเอกสารสำคัญเกี่ยวกับบ้านให้พร้อม ได้แก่
- สำเนาโฉนดที่ดิน (ถ่ายเอกสารทุกหน้า)
- สำเนาสัญญาเงินกู้ หรือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารของผู้ขาย
- สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้ขาย
ขั้นตอนที่ 3 : นัดวันโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน
หลังจากผู้ซื้อได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว ธนาคารของผู้ซื้อจะประสานงานเพื่อนัดวันโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งในขั้นตอนนี้ ผู้ขายต้องติดต่อธนาคารของตนเองเพื่อแจ้งเรื่องการไถ่ถอนจำนอง และนัดหมายให้เจ้าหน้าที่ธนาคารมาดำเนินการในวัน และเวลาเดียวกัน ทำให้ในวันโอนจะมี 4 ฝ่ายมาพร้อมกันคือ ผู้ขาย ธนาคารผู้ขาย ผู้ซื้อ และธนาคารผู้ซื้อ (กรณีกู้)
ขั้นตอนที่ 4 : จัดการเรื่องเงินและโอนกรรมสิทธิ์
ในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน กระบวนการจะเกิดขึ้นตามลำดับดังนี้ ธนาคารของผู้ซื้อจะจ่ายเช็ค 2 ฉบับ ฉบับแรกสั่งจ่ายให้กับธนาคารของผู้ขายตามยอดหนี้คงค้างเพื่อไถ่ถอนจำนอง และฉบับที่สอง (ส่วนต่าง) สั่งจ่ายให้กับผู้ขาย หลังจากนั้น เมื่อธนาคารของผู้ขายได้รับชำระหนี้ครบถ้วน และดำเนินการปลอดจำนองแล้ว ผู้ขายจึงจะเซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้กับผู้ซื้อเป็นลำดับถัดไป
การขายบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดอาจดูมีหลายขั้นตอน แต่หากวางแผน และเตรียมตัวอย่างดี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนเกินไป การสื่อสารที่ชัดเจนกับผู้ซื้อ และการประสานงานกับธนาคารล่วงหน้าคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าผ่อนบ้านไม่ไหว และกำลังรอผู้ซื้อที่เหมาะสม การรีบร้อนขายตัดราคาอาจไม่ใช่ทางออกเดียว ระหว่างนี้คุณอาจพิจารณาการ
รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารกรุงศรี เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และลดค่างวดผ่อนให้เบาลง ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน ทำให้คุณมีเวลาหาผู้ซื้อที่ให้ราคาดีที่สุดได้อย่างสบายใจมากขึ้นนั่นเอง
ให้วงเงินสูงสุด 30 ล้านบาท ผ่อนสบาย นานสูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก
1.79% ต่อปี*
ฟรี! ค่าประเมินหลักประกัน**
ฟรีค่าจดจำนอง***
*สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ลบ.ขึ้นไป
**ฟรี! ค่าประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท (วันที่ 1 ก.ย. 68 – 31 ธ.ค. 68)
***ฟรีค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้อนุมัติ หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เฉพาะลูกค้าที่ซื้อ MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด และเลือกดอกเบี้ยทางเลือกฟรีค่าจดจำนองเท่านั้น
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว l อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 3.921% - 5.732% ต่อปี
******สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 18 ส.ค. 68 = 6.870% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดดอกเบี้ยและการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ใน Fact sheet
อ้างอิง