เลือกรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่นดี ถ้าอยากประหยัดดอกเบี้ยบ้าน
รอบรู้เรื่องบ้าน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เลือกรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่นดี ถ้าอยากประหยัดดอกเบี้ยบ้าน

icon-access-time Posted On 06 กรกฎาคม 2565
by Krungsri The COACH
สำหรับใครที่มีสินเชื่อบ้านครบ 3 ปีแล้วคงเกิดคำถามที่ว่า รีไฟแนนซ์บ้าน ดีไหม? เพื่อดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ผ่อนหมดไว หรือเราจะลองขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมดี? คำถามเหล่านี้ บทความนี้มีคำตอบ

ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับคำว่า รีไฟแนนซ์กันก่อน
โดย รีไฟแนนซ์ หรือ Refinance คือการที่เราขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน หรือคอนโด และเมื่อเราผ่อนชำระครบ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยก็จะขยับเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งทำให้เราต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น และผู้ขอสินเชื่อจึงต้องผ่อนชำระเป็นจำนวนเงินที่มากขึ้นนั่นเอง ทำให้การรีไฟแนนซ์บ้านจึงเป็นทางเลือกที่ยอดนิยมในการลดอัตราดอกเบี้ย โดยผู้ขอสินเชื่อจะผ่อนชำระกับธนาคารใหม่ และได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า รวมถึงค่าผ่อนบ้านต่อเดือนที่น้อยลงอีกด้วย
 
เลือกรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่นดี ถ้าอยากประหยัดดอกเบี้ยบ้าน

แล้วเราจะรีไฟแนนซ์บ้านอย่างไร?


หลัก ๆ แล้ววิธีรีไฟแนนซ์บ้าน แบ่งออกเป็น 7 ขั้นตอน

1. ตรวจสอบสัญญากู้

หากเรามั่นใจแล้วว่าต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน สิ่งต่อมาที่ต้องทำ คือ เราต้องตรวจสอบสัญญาว่า กำหนดการที่สามารถให้รีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะอนุญาตให้รีไฟแนนซ์ได้หลังผ่อนชำระครบ 3 ปี แต่หากต้องการรีไฟแนนซ์ก่อน เราก็จะต้องชำระค่าปรับให้กับทางธนาคาร
 

2. ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือ

เราต้องมาตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือ โดยเราสามารถทำได้ผ่านการติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อสรุปยอดหนี้สินที่ต้องการผ่อนชำระ โดยข้อมูลยอดคงเหลือ และข้อมูลการผ่อนชำระของเราจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเราในการเลือกธนาคารใหม่ เพื่อทำการรีไฟแนนซ์บ้านผ่านการนำยอดหนี้ที่คงเหลือไปคำนวณกับข้อเสนอที่ธนาคารมอบให้
 

3. มองหาธนาคารที่เหมาะสม

และหลังจากที่เรามีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนของวิธีรีไฟแนนซ์บ้านที่สำคัญต่อมาเลย คือ การมองหาธนาคารใหม่ที่เหมาะสมในการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยเราอาจจะลองพิจารณาจากข้อเสนอดอกเบี้ยและระยะเวลาการผ่อน รวมไปถึงระยะเวลาในการชำระหนี้ ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชั่นให้เลือกมากมาย และถ้าหากใครที่สนใจการรีไฟแนนซ์บ้าน เราขอแนะนำ สินเชื่อรีไฟแนนซ์จากธนาคารกรุงศรี เพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกดี ๆ สำหรับคุณ
 

4. เตรียมเอกสารในการรีไฟแนนซ์บ้านให้พร้อม

โดยการรีไฟแนนซ์เราต้องมีการเตรียมเอกสารหลายส่วนเพื่อใช้ในการทำสัญญา เพราะการรีไฟแนนซ์จะคล้าย ๆ กับการยื่นกู้เพื่อซื้อบ้านใหม่อีกรอบ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ยกตัวอย่างเอกสารที่ธนาคารกรุงศรีให้เตรียมมีดังนี้
  1. เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล
    • สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี)
    • สำเนาทะเบียนสมรส / หย่า / ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
    • สำเนาใบมรณบัตรและทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
  2. เอกสารแสดงรายได้
    กรณีบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
    • หนังสือรับรองการทำงาน หรือสำเนาสลิปเงินเดือน (ฉบับล่าสุด) (สำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
    • หนังสือรับรองโบนัสประจำ (ถ้ามี)
    • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
    • แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (50 ทวิ และ ภงด.90/91) พร้อมใบเสร็จการชำระภาษีย้อนหลัง 2 ปี
    กรณีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
    • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน / ใบทะเบียนการค้า ไม่เกิน 3 เดือน
    • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้ / ผู้กู้ร่วม ไม่เกิน 3 เดือน
    • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
    • สำเนา ภ.พ.30 พร้อมใบเสร็จ (ถ้ามี)
    • สำเนา ภ.พ.20 (ถ้ามี)
    • สำเนาบริคณห์สนธิ ไม่เกิน 3 เดือน
  3. เอกสารด้านหลักประกัน
    • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (ขนาดเท่าตัวจริงทุกหน้า)
    • ใบอนุญาตปลูกสร้าง / หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ทด.13) หรือหนังสือสัญญาให้ที่ดิน (ทด.14)
    • สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (กรณีถ้ามีสัญญาเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอื่นและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ)
    • แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
    • สำเนาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินเดิม
    • สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด

5. ยื่นขอสินเชื่อสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน

เอกสารพร้อมแล้ว เราก็ลุยขอสินเชื่อได้เลย โดยเราสามารถเข้าไปขอสินเชื่อกับทางธนาคารได้โดยตรง และเมื่อธนาคารรับเรื่องแล้ว ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินราคาหลักประกันเพื่อประกอบการอนุมัติ โดยต่อมาเมื่อได้รับการอนุมัติแล้วทางธนาคารใหม่ที่เรายื่นรีไฟแนนซ์บ้านไว้จะติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อสอบถามหนี้คงเหลือ และนัดวันไถ่ถอนต่อไป
 

6. เตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

ต่อมาเมื่อธนาคารใหม่อนุมัติสินเชื่อแล้ว สิ่งที่เราต้องเตรียม คือ การเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านแบบปกติ
 

7. ทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน

เราก็มาถึงวิธีรีไฟแนนซ์บ้านขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว โดยทางธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่ถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อมกับการทำสัญญาจดจำนองในวันเดียวกัน หลังทำสัญญาและจดจำนองเรียบร้อยแล้ว ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นการรีไฟแนนซ์บ้าน
 
เลือกรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่นดี ถ้าอยากประหยัดดอกเบี้ยบ้าน

สำหรับใครที่ยังลังเลว่า รีไฟแนนซ์บ้าน ดีไหม? เราขอตอบเลยว่านอกจากการรีไฟแนนซ์แล้ว ยังมีอีกวิธีที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย คือ รีเทนชั่นบ้าน หรือที่เรียกว่า Retention

ดังนั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับการรีเทนชั่นบ้านกันก่อน
รีเทนชั่นบ้าน คือ การที่เราไปต่อลองขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม โดยหลัก ๆ แล้วรีเทนชั่นมีข้อดีอยู่ที่ความสะดวกสบาย เพราะเป็นการดำเนินธุรกรรมกับธนาคารเดิมที่มีเอกสารและข้อมูลของเราอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเอกสารต่าง ๆ มาก โดยเราจะเตรียมแค่เอกสาร สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของเราเท่านั้น ส่วนระยะเวลาในการพิจารณาก็ไม่นาน เพราะธนาคารมีประวัติการผ่อนชำระของเราอยู่แล้ว
 
เลือกรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่นดี ถ้าอยากประหยัดดอกเบี้ยบ้าน

รีเทนชั่น VS รีไฟแนนซ์ แตกต่างกันอย่างไร?


รีเทนชั่นเป็นการติดต่อขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม ในขณะที่รีไฟแนนซ์เป็นการนำที่อยู่อาศัยที่ผู้กู้ผ่อนชำระอยู่มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อขอสินเชื่อใหม่มาปิดหนี้ยอดเงินกู้เดิมที่ยังเหลืออยู่ โดย วิธีรีไฟแนนซ์บ้าน มีหลายขั้นตอนกว่าการรีเทนชั่น แต่การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นจะทำให้หนี้ของเรากับธนาคารเดิมนั้นสิ้นสุดลงพร้อม ๆ กับการเกิดขึ้นของหนี้ใหม่กับธนาคารใหม่ที่เราเลือกรีไฟแนนซ์

หรือถ้าหากเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายมากขึ้นคือ รีเทนชั่นเองมีความสะดวกในการขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า ส่วนการรีไฟแนนซ์จะทำให้เรามีโอกาสในการเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้หลากหลายกว่า โดยเราควรเลือกอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในเงื่อนไขที่ดีที่สุด

อ่านมาถึงตรงนี้เราคงได้รู้กันแล้วว่า การรีไฟแนนซ์อย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ และถ้าหากคุณต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์มากขึ้น เราขอแนะนำ Krungsri The COACH “ดอกถูก ผ่อนบ้านหมดไว ๆ รีไฟแนนซ์คือคำตอบสุดท้ายจริงหรือ?” คลิกเลย
 

ท้ายที่สุดในความเป็นจริงแล้ว ใคร ๆ ก็ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่การผ่อนบ้านนั้นกลับเป็นหนี้สินก้อนใหญ่ในระยะยาว และแผนการเงินระยะยาวของเราต่อจากนี้ต้องมีความหมาย รวมถึงความสบายในการผ่อนที่ทำให้ไม่เกิดผลกระทบกับการเงินของเราอีกด้วย เราเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะเลือกจัดการกับสินเชื่อบ้านอย่างไร แต่ทุกการตัดสินใจของคุณมีค่าเสมอ เลือกทางเดินที่จะทำให้แผนการเงินระยะยาวของคุณมีความหมาย
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา