แชร์เคล็ดลับรีไฟแนนซ์บ้านง่าย ๆ เซฟเงินเกือบแสนไว้ในมือคุณ

Posted On 15 มีนาคม 2565
By Krungsri The COACH
หลายคนอาจยังสงสัยว่าการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร และช่วยเรื่องการเงินได้จริงหรือไม่ ความจริงแล้ว “รีไฟแนนซ์บ้าน” ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณผ่อนบ้านหมดไวขึ้น ลดทั้งดอกเบี้ย และทยอยลดเงินต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาวิธีปลดภาระการเงินให้เร็วขึ้น และอยากผ่อนสบายขึ้นในแต่ละเดือน การรีไฟแนนซ์บ้านคือทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
Krungsri The COACH ได้รวบรวมทุกขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้คุณเข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้วางแผนการเงินได้จริง
รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร ?
การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การขอเงินกู้จากธนาคารใหม่เพื่อปลดภาระเงินกู้จากธนาคารเก่า ซึ่งกระบวนการนี้เกิดจากการเปรียบเทียบสถาบันทางเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม การรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยให้ลดภาระหนี้และภาระค่าผ่อนต่อเดือน ทำให้คุณสามารถผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น
ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์บ้านแบบง่าย ๆ
ผู้ขอสินเชื่อผ่อนบ้านกับธนาคารเดิมเดือนละ 20,000 บาท ในสัญญาเดิม ต้องหักดอกเบี้ย 13,000 บาท และหักเงินต้นเพียง 7,000 บาท แต่เมื่อตัดสินใจรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่แล้ว จะพบว่าเหลือหักดอกเบี้ย 7,000 บาท และหักเงินต้น 13,000 บาท ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จะช่วยให้ค่าผ่อนบ้านลดลงและสามารถผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นอีก
ต้องผ่อนบ้านกี่ปีถึงจะเริ่มรีไฟแนนซ์บ้านได้ ?
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการรีไฟแนนซ์บ้านคือเมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่โปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษมักจะสิ้นสุดลงพอดี แม้จะสามารถรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนดได้ แต่ต้องเจอกับค่าปรับในการไถ่ถอนหนี้ก่อนกำหนด 2-3% ของยอดหนี้คงเหลือ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่คุ้มค่า
การรีไฟแนนซ์บ้านเหมาะกับใคร ?
การรีไฟแนนซ์บ้านเหมาะสำหรับผู้ที่ผ่อนบ้านครบ 3 ปี และกำลังจะพ้นจากช่วงดอกเบี้ยโปรโมชันเข้าสู่อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนแผนการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการลดค่างวดต่อเดือนเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเลือกผ่อนเท่าเดิมเพื่อให้เงินไปตัดต้นมากขึ้น และหมดหนี้เร็วขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการเงินก้อนไปใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ต่อเติมบ้าน หรือรวมหนี้อื่น ๆ ให้มาอยู่ภายใต้ดอกเบี้ยที่ต่ำลงด้วย
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านที่มากกว่าการลดดอกเบี้ย
หลายคนเข้าใจว่าการรีไฟแนนซ์มีประโยชน์แค่การลดดอกเบี้ย แต่ความจริงแล้วยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่ช่วยให้การวางแผนการเงินของคุณยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น : เมื่อดอกเบี้ยลดลง หากคุณยังคงจ่ายค่างวดเท่าเดิม เงินส่วนใหญ่จะถูกนำไปตัดเงินต้นมากขึ้น ทำให้ยอดหนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว และเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วกว่ากำหนด
- ลดค่างวดผ่อนต่อเดือน : หากคุณต้องการเพิ่มสภาพคล่อง สามารถเลือกขยายระยะเวลาผ่อนชำระออกไป ซึ่งเมื่อรวมกับดอกเบี้ยที่ถูกลง จะทำให้ค่างวดในแต่ละเดือนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- ได้รับเงินก้อนเพิ่มเติม : สามารถขอวงเงินกู้เพิ่มจากราคาประเมินของบ้านที่สูงขึ้น เพื่อนำเงินก้อนไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น ปิดหนี้บัตรเครดิต หรือลงทุนทำธุรกิจ
- รวมหนี้ ลดภาระทางการเงิน : สามารถนำหนี้สินเชื่ออื่น ๆ ที่มีดอกเบี้ยสูง เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล มารวมไว้ในสินเชื่อบ้านก้อนเดียว เพื่อให้เหลือการผ่อนชำระทางเดียวในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
8 ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน มีอะไรบ้าง ?
สำหรับขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นไม่ซับซ้อน ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับการยื่นกู้ซื้อบ้าน แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยมีขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน ดังนี้
1. พิจารณาธนาคารเดิมกับธนาคารใหม่
หากลังเลว่าอยากให้ลดดอกเบี้ยลง แต่ไม่อยากเปลี่ยนธนาคาร คุณสามารถทำได้โดยติดต่อธนาคารเพื่อลดดอกเบี้ยให้ (Retention) อย่างไรก็ตาม ควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์ และดอกเบี้ยที่ธนาคารใหม่เสนอให้
โดยข้อดีในการลดดอกเบี้ย คือ ไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการ ลดค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ แต่ข้อเสีย คือ ส่วนใหญ่แล้วดอกเบี้ยที่ได้ลดจะน้อยกว่าธนาคารใหม่ที่เสนอให้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ขอสินเชื่อว่าต้องการแบบไหน
2. ตรวจสอบสัญญาการกู้
สำหรับใครที่ตัดสินใจยื่นรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำ คือการตรวจสอบสัญญาว่า กำหนดการที่สามารถให้รีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร โดยส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะอนุญาตให้รีไฟแนนซ์ได้หลังผ่อนชำระครบ 3 ปี แต่หากต้องการรีไฟแนนซ์ก่อน ทางผู้กู้จะต้องชำระค่าปรับให้กับทางธนาคาร
3. ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือ
ตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้คงเหลือจากสถาบันทางเงินเดิม เพื่อสรุปยอดหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ โดยข้อมูลเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเลือกธนาคารใหม่ ผ่านการนำยอดหนี้ที่คงเหลือไปคำนวณกับข้อเสนอที่ธนาคารมอบให้
4. มองหาธนาคารที่เหมาะสม
หลังจากทราบข้อมูลแล้ว ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านต่อมา คือการมองหาธนาคารใหม่ที่เหมาะสมในการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยพิจารณาข้อเสนอในเรื่องของดอกเบี้ยและระยะเวลาในการชำระหนี้ ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันให้เลือกมากมาย หากใครที่สนใจการรีไฟแนนซ์บ้าน สามารถศึกษาโปรโมชันรีไฟแนนซ์จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางการตัดสินใจเลือกธนาคารที่ดีที่สุดได้
5. เตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านให้พร้อม
สำหรับเอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการทำสัญญา เพราะการรีไฟแนนซ์จะคล้ายกับการยื่นกู้ซื้อบ้านใหม่อีกรอบ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล
- สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส / หย่า / ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาใบมรณบัตรและทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
เอกสารแสดงรายได้
- กรณีบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
- หนังสือรับรองการทำงาน หรือสำเนาสลิปเงินเดือน (ฉบับล่าสุด) (สำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
- หนังสือรับรองโบนัสประจำ (ถ้ามี)
- สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ย้อนหลัง 12 เดือน กรณีมีรายได้เป็น commission)
- แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (50 ทวิ และ ภงด.90/91) พร้อมใบเสร็จการชำระภาษีย้อนหลัง 2 ปี
- กรณีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน / ใบทะเบียนการค้า ไม่เกิน 3 เดือน
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้ / ผู้กู้ร่วม ไม่เกิน 3 เดือน
- สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
- สำเนา ภ.พ.30 พร้อมใบเสร็จ (ถ้ามี)
- สำเนา ภ.พ.20 (ถ้ามี)
- สำเนาบริคณห์สนธิ ไม่เกิน 3 เดือน
เอกสารด้านหลักประกัน
- สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (ขนาดเท่าตัวจริงทุกหน้า)
- ใบอนุญาตปลูกสร้าง / หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน (ทด.13) หรือหนังสือสัญญาให้ที่ดิน (ทด.14)
- สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (กรณีถ้ามีสัญญาเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอื่น และอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ)
- แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
- สำเนาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินเดิม
- สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด
6. ยื่นขอสินเชื่อสำหรับการรีไฟแนนซ์
หลังเตรียมเอกสารยื่นรีไฟแนนซ์บ้านเรียบร้อยแล้ว ผู้ขอสินเชื่อสามารถเข้าไปขอสินเชื่อกับทางธนาคารได้ โดยเมื่อธนาคารรับเรื่องแล้วจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินราคาหลักประกันเพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติแล้วทางธนาคารจะติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อสอบถามหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนต่อไป
7. เตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านให้พร้อม
เมื่อธนาคารแห่งใหม่อนุมัติสินเชื่อแล้ว ลำดับต่อมาที่ผู้ขอสินเชื่อต้องเตรียม คือการเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านแบบปกติ โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- ค่าประเมินราคา ประมาณ 2-3 พัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของธนาคาร
- ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้
- ค่าประกันอัคคีภัย
- ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน (ไม่เกิน 10,000 บาท)
- ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร
8. ทำสัญญา และจดจำนองที่กรมที่ดิน
สำหรับการทำสัญญา ทางธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่ถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อมกับการทำสัญญาจดจำนองในวันเดียวกัน หลังทำสัญญาและจดจำนองเรียบร้อยแล้ว ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการรีไฟแนนซ์
เราสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้สูงสุดกี่ครั้ง ?
ในทางปฏิบัติแล้ว ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการรีไฟแนนซ์บ้าน คุณสามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้ทุก ๆ 3-5 ปี หรือทุกครั้งที่สัญญาสินเชื่อเดิมสิ้นสุดโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษ การรีไฟแนนซ์อย่างสม่ำเสมอถือเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ชาญฉลาด เพราะจะช่วยให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีอยู่เสมอ แต่สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาความคุ้มค่าในแต่ละครั้ง โดยเปรียบเทียบดอกเบี้ยที่ประหยัดได้กับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นด้วย
สามารถรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม ?
สามารถทำได้ แต่โดยทั่วไปจะไม่ได้เรียกว่าการรีไฟแนนซ์ แต่จะเรียกว่า การ
ขอรีเทนชั่น (Retention) แทน ซึ่งเป็นการเจรจาขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมโดยตรง มีข้อดีตรงที่ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เอกสารน้อย และอาจไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับอาจไม่ดีเท่ากับการย้ายไปธนาคารใหม่ ดังนั้นจึงควรนำข้อเสนอที่ได้ไปเปรียบเทียบกับของธนาคารอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจเสมอ
Krungsri The COACH แนะนำ : ปลดล็อกภาระดอกเบี้ยบ้านให้เบาลงด้วยสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์
การเลือกสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่ใช่ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้สูงสุด ที่กรุงศรี เราเข้าใจความต้องการของคนมีบ้าน จึงออกแบบ
สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ ที่ไม่เพียงแต่มอบอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ แต่ยังมาพร้อมข้อเสนอที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในวันทำสัญญา เพื่อให้การรีไฟแนนซ์ของคุณคุ้มค่าที่สุด
- อัตราดอกเบี้ยพิเศษ : เริ่มต้นปีแรกด้วยดอกเบี้ยคงที่เพียง 1.79% ต่อปี ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย และนำเงินไปตัดต้นได้มากขึ้น
- ลดค่าใช้จ่ายวันทำสัญญา : ฟรีค่าประเมินหลักประกัน และค่าจดจำนอง ช่วยให้คุณตัดสินใจรีไฟแนนซ์ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
- กู้เพิ่มได้ เสริมสภาพคล่อง : สามารถขอวงเงินกู้เพิ่มเพื่อนำไปใช้จ่ายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบ้าน หรือรวมหนี้อื่น ๆ
- ผ่อนสบายเลือกได้ยาว : สามารถเลือกระยะเวลาผ่อนได้นานสูงสุดถึง 30 ปี ช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างยืดหยุ่น
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว l อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 3.921% - 5.732% ต่อปี*****
ให้วงเงินสูงสุด 30 ล้านบาท ผ่อนสบายตั้งแต่ 5 ปี ถึง สูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี)
*สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ลบ.ขึ้นไป
**ฟรี! ค่าประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,210 บาท (วันที่ 1 ก.ย. 68 – 31 ธ.ค. 68)
***ฟรีค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้อนุมัติ หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เฉพาะลูกค้าที่ซื้อ MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด และเลือกดอกเบี้ยทางเลือกฟรีค่าจดจำนองเท่านั้น
****เฉพาะปีที่ 1 เมื่อซื้อประกัน MRTA/MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด
*****สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 18 ส.ค. 68 = 6.870% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดดอกเบี้ยและการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ใน Fact sheet
การรีไฟแนนซ์บ้านไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลังซึ่งช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้หลักแสนถึงหลักล้านบาทตลอดอายุสัญญา หัวใจสำคัญคือการวางแผน และเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เมื่อผ่อนบ้านครบทุก 3 ปี ควรเริ่มต้นเปรียบเทียบโปรโมชันจากธนาคารต่าง ๆ เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด การเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้เร็วขึ้น และมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้นนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อมหากคุณรู้จักใช้ประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์อย่างชาญฉลาด