5 เทคนิคเคลียร์หนี้บ้านให้หมดไวช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
รอบรู้เรื่องบ้าน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

5 เทคนิคเคลียร์หนี้บ้านให้หมดไวช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น

icon-access-time Posted On 30 พฤศจิกายน 2566
By Krungsri The COACH
แน่นอนว่าเราอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ใครที่เป็นหนี้อยู่ก็คงต้องทำใจ เพราะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ดอกเบี้ยเป็นอัตราเงินกู้ลอยตัว (Floating Rate) แล้วละก็จะได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากค่างวดที่ชำระในแต่ละเดือนจะมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น หากจ่ายค่างวดบ้านเป็นจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นก็จะเหลือเงินมาตัดชำระเงินต้นได้น้อยลง ส่วนกลุ่มที่ได้รับดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) กลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ชายหนุ่มเปรียบเทียบสินเชื่อบ้าน

เนื่องจากยังคงถูกคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปตามสัญญา โดยสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็น Fixed Rate ในช่วงแรก เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ 3% ใน 3 ปีแรก แล้วค่อยปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว ทำให้ยังพอมีเวลาปรับตัว และสามารถหาเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีก่อนที่ดอกเบี้ยตามสัญญาจะเปลี่ยนไปเป็นช่วงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว อย่างไรก็ตามบทความนี้จะมีทริคดี ๆ ที่จะช่วยเคลียร์หนี้บ้านให้หมดไวในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้สำหรับใครที่อยากลดภาระหนี้บ้านให้หมดไว

ลอง 5 วิธีนี้ รับรองเคลียร์หนี้บ้านให้หมดได้เร็วขึ้น

5 เทคนิคเคลียร์หนี้บ้านให้หมดไวช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
 

1. วางเงินดาวน์ให้ได้มากที่สุดตั้งแต่เนิ่น ๆ

หากเรายิ่งวางเงินดาวน์เยอะ นั่นหมายความว่าเงินที่จะขอสินเชื่อก็ลดน้อยลง ทำให้ภาระผ่อนหนี้บ้านเราเบาลงไปด้วย หากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ก็จะไม่กระทบหนักมาก เพราะภาระการผ่อนต่องวด และดอกเบี้ยไม่สูงมากนัก ทำให้เราไม่ต้องกังวลมากนัก ดังนั้นหากใครที่พอมีกำลัง การวางเงินดาวน์ให้ได้มากที่สุดจะช่วยแบ่งเบาภาระหนี้บ้านได้มากเช่นเดียวกัน
 
เอกสารขอกู้สินเชื่อบ้านที่ต้องอ่านให้ละเอียด
 

2. เลือกกู้สินเชื่อแบบดอกเบี้ยต่ำ

ในยุคนี้เราสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยก่อนตัดสินใจกู้บ้านได้อย่างง่ายดาย เพราะข้อมูลมีอยู่ในออนไลน์เต็มไปหมด แค่เราค้นหาก็เจอสถาบันการเงินหลายแห่งที่มีสินเชื่อบ้านเต็มไปหมด ซึ่งเราก็ต้องเปรียบเทียบดูในเรื่องดอกเบี้ย และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้ดีด้วย สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้ามาดูข้อมูลของสินเชื่อบ้านกรุงศรีได้ที่นี่เลย
 

3. วางแผนการเงินเพิ่มรายรับ และลดรายจ่ายเพื่อโปะหนี้บ้าน

จุดเริ่มต้นเราควรทำบัญชีรายรับ รายจ่ายเพื่อเห็นว่าเดือน ๆ หนึ่ง เงินเราใช้ไปกับอะไรบ้าง เราอาจเริ่มจากการปรับลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ อย่างค่าลอตเตอรี่ หรือค่ากาแฟ ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เพราะหากสามารถลดได้ เช่น จากซื้อทุกวันเหลือสัปดาห์ละครั้ง หรือลดจำนวนเงินที่จ่ายต่อครั้งลง

เราจะมีเงินเหลือจนเราตกใจก็เป็นได้ ซึ่งเราสามารถนำเงินส่วนนั้น มาโปะหนี้บ้านเพิ่มขึ้น เช่น เรามีภาระผ่อนบ้านเดือนละ 10,000 บาท เงินส่วนแรกที่ธนาคารนำไป คือจะไปตัดดอกเบี้ยก่อน ที่เหลือถึงจะไปตัดเงินต้น นั่นหมายความว่า หากเราโปะเงินเพิ่มไปอีก เดือนละ 1,000 บาท เงินจำนวนนี้จะไปตัดเงินต้นทันที จะทำให้หนี้เราน้อยลง และเป็นวิธีที่ทำให้เราเคลียร์หนี้บ้านได้ไวขึ้น นอกจากนี้อาจจะมองหารายได้เสริมเพิ่มเติมจากสิ่งที่เราถนัด หรือสนใจด้วยเพื่อเพิ่มช่องทางรายรับของเรา เช่น ขายของออนไลน์ เป็นต้น
 

4. เจรจากับธนาคารเดิม หรือใช้วิธีการ Retention

โดยปกติหากเราผ่อนบ้านเกิน 3 ปีแล้ว การเจรจาต่อรองขอปรับลดดอกเบี้ยบ้านกับสถาบันการเงินเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ และควรทำมาก ๆ เพราะหนี้บ้านส่วนใหญ่จะมีอัตราดอกเบี้ย 2 ช่วง คือ ดอกเบี้ยต่ำในช่วงแรกเพื่อจูงใจลูกค้า และมักจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ 3% ใน 3 ปีแรก และช่วงที่สองปรับเป็นแบบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวซึ่ง มักจะแพงกว่าช่วงปีแรก ๆ ดังนั้นหากเราผ่อนไประยะหนึ่งจนใกล้ถึงช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามสัญญาจะคิดแบบลอยตัว

เราก็สามารถเข้าไปยื่นเรื่องเจรจากับสถาบันการเงินเดิมเพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งจะช่วยให้ภาระดอกเบี้ยไม่สูงขึ้นไปอีกระยะเวลาหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยปลดหนี้ได้เร็วขึ้นกว่าการจ่ายตามสัญญาไปเรื่อย ๆ โดยไม่ไปขอลดดอกเบี้ย ดังนั้นใครมีสินเชื่อบ้านอย่ารอช้า ควรรีบกลับมาดูสัญญาเงินกู้ของตัวเองว่าใกล้จะหมดโปรโมชันหรือถูกปรับขึ้นหรือยัง ถ้าใกล้แล้วอย่าลืมไปยื่นเรื่องเจรจาขอลดดอกเบี้ย

โดยขอแนะนำว่า ควรเตรียมตัวอย่างน้อย 1 เดือนก่อนที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในสัญญาจะปรับตัวสูงขึ้น หรือกำลังจะครบ 3 ปี ซึ่งเราสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถาบันการเงินที่ใช้บริการว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เพื่อประกอบการยื่นเรื่องให้สถาบันการเงินพิจารณา
 

5. ใช้วิธีรีไฟแนนซ์ (Refinance)

คือ การที่เราย้ายสินเชื่อไปผ่อนชำระค่าบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อให้ตัวเองได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลง หรือเพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อดอกเบี้ยที่ผ่านการรีไฟแนนซ์บ้านลดลง อัตราการผ่อนชำระต่อเดือนย่อมน้อยลงตามไปด้วย จึงทำให้ผู้ผ่อนชำระสามารถผ่อนสินเชื่อบ้านได้อย่างสบายใจขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องอย่าลืมที่จะดูค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ด้วยว่าคุ้มกว่าการอยู่กับสถาบันการเดิมหรือไม่ ถ้าคุ้มค่ากว่าก็ใช้ประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์ให้มากที่สุด โดยการพยายามที่จะโปะหนี้ในช่วงที่ธนาคารให้ดอกเบี้ยเราต่ำช่วงนี้ เพราะมันเป็นอีกทางที่จะช่วยผ่อนแรงเรา ให้เราเคลียร์หนี้บ้านได้ไวขึ้น
 
คู่รักกำลังช่วยวางแผนก่อนกู้สินเชื่อบ้าน

แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นจะส่งผลกระทบต่อคนที่มีสินเชื่อบ้าน ที่ยังมีภาระที่ต้องผ่อนอยู่ แต่หากเรามีการบริหารจัดการการเงินที่ดี มีการวางแผนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก โปะหนี้บ้านเพิ่มขึ้น เพิ่มรายรับ อีกทั้งเตรียมตัววางแผนเพื่อเจรจากับธนาคารเพื่อขอลดดอกเบี้ย หรือรีไฟแนนซ์หากเรากู้มาเกิน 3 ปี ภาระหนี้บ้านก็จะไม่ใช่ปัญหา และมันจะกลายเป็นทรัพย์สิน เป็นสถานที่อันอบอุ่นสำหรับทุกคนในครอบครัวที่จะเติมพลังชีวิตให้แก่กันและกัน

หากใครอยากมีเพื่อนคู่คิดไว้คอยปรึกษา เราสินเชื่อบ้านกรุงศรี พร้อมให้คำแนะนำ ด้วยบริการสินเชื่อที่หลากหลาย รวมถึงเรามี “สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์” ดอกเบี้ยต่ำทั้งแบบคงที่นานสูงสุดถึง 3 ปี* อีกทั้งฟรีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าสำรวจและประเมินหลักประกันมูลค่า 3,210 บาท ฟรีค่าจดจำนอง (สำหรับลูกค้าที่เลือกทางเลือกแบบฟรีค่าจดจำนอง) และกู้ได้สูงสุด 95% ของราคาประเมิน เพื่อเป็นตัวช่วยลดภาระลูกค้าในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น สนใจโทรสอบถาม 1572 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย คลิกเลย

*เมื่อยื่นกู้และจดจำนองสินเชื่อตามระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา