เป้าหมายสำคัญของผู้ประกอบการทุกคนคือ การนำพาธุรกิจให้เติบโต และอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน แต่ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายกิจการกำลังเผชิญหน้ากับมรสุมด้านสภาพคล่องอย่างหนักหน่วง ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจ (EIC) ยิ่งตอกย้ำภาพดังกล่าว เมื่อพบว่าผู้ประกอบการธุรกิจ SME ถึง 47% จำเป็นต้องหันไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบเพื่อประคองธุรกิจ ซึ่งการตัดสินใจนี้อาจนำมาซึ่งความเครียด และแรงกดดันมหาศาล
แต่ในทุกวิกฤตย่อมมีทางออก การเผชิญหน้ากับปัญหาหนี้สินจึงไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นสัญญาณให้เรากลับมาทบทวน และวางกลยุทธ์ใหม่อย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่เพียงแค่อยู่รอด แต่สามารถพลิกฟื้นกลับสู่เส้นทางการเติบโตได้อีกครั้ง Krungsri The COACH ได้รวมแนวทางแก้หนี้ SMEs ที่ทำได้จริงมาไว้ให้คุณในบทความนี้แล้ว
7 สัญญาณเตือน ! เช็กลิสต์ธุรกิจ SME ของคุณกำลังเผชิญวิกฤต
ก่อนจะวางแผนแก้หนี้ให้ได้ผล สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์เพื่อหาต้นตอของปัญหาให้พบเสียก่อน ลองมาสำรวจลิสต์ด้านล่างนี้ เพื่อเช็กดูว่าธุรกิจของคุณกำลังส่งสัญญาณเตือนเรื่องสภาพคล่องเหล่านี้อยู่หรือไม่
- ยอดขายลดลง สวนทางกับรายจ่าย : เมื่อกราฟรายได้เริ่มดิ่งลง แต่รายจ่ายประจำยังคงที่ หรือเพิ่มขึ้น เช่น ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน นี่คือสัญญาณเตือนธุรกิจ SME เริ่มขาดสภาพคล่องที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งอาจส่งผลให้กำไรที่เคยมีค่อย ๆ ร่อยหรอลงไป
- เงินสดหมุนเวียนเริ่มติดขัด (ชักหน้าไม่ถึงหลัง) : สถานการณ์ที่เงินสดรับเข้ามาไม่สมดุลกับเงินสดที่ต้องจ่ายออกไป ทำให้การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบาก เป็นภาพสะท้อนของปัญหาการบริหารกระแสเงินสดที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน
- เริ่มจ่ายเงินเดือนพนักงาน หรือค่าสินค้าล่าช้า : การที่นายจ้างจ่ายค่าตอบแทนไม่ตรงเวลา หรือเลื่อนจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อขวัญ และกำลังใจของทีม แต่ยังทำลายความน่าเชื่อถือทางธุรกิจด้วย
- ต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน : เมื่อธุรกิจต้องพึ่งพาการกู้ยืมเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็นประจำ นั่นหมายความว่า รายได้หลักของกิจการไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงตัวเองอีกต่อไป
- สต๊อกสินค้าจมระบายไม่ออก : สินค้าที่ค้างสต๊อกนานเกินไป คือเงินทุนที่จมอยู่ และไม่ก่อให้เกิดรายได้ ยิ่งสินค้ามีอายุการใช้งานสั้น ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการขาดทุน และส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพคล่องของกิจการ
- ลูกหนี้การค้าจ่ายเงินช้ากว่ากำหนด : เมื่อลูกค้า หรือคู่ค้าเริ่มขอขยายเวลาชำระเงินบ่อยขึ้น ย่อมส่งผลให้แผนการเงินของธุรกิจคลาดเคลื่อน และอาจทำให้เงินสดขาดมือได้ง่ายกว่าที่เคยเป็น
- ต้องนำเงินส่วนตัวมาสำรองจ่ายในธุรกิจ : การที่เจ้าของกิจการต้องนำเงินเก็บส่วนตัวมาใช้พยุงธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และอาจสร้างปัญหาทางการเงินส่วนบุคคลตามมาได้
เปิดตำราแก้หนี้ SMEs แบบจับมือทำ ก้าวข้ามทุกปัญหาการเงิน
เมื่อรู้ถึงสัญญาณเตือนแล้ว ก็ถึงเวลาเปลี่ยนความกังวลให้เป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างมีสติ มาดูแนวทางที่จะเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นบันไดสู่ความสำเร็จกันได้เลย
1. ปรับแผนธุรกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มโอกาสรอด
สิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่เราต้องตรวจสอบคือ ข้อบังคับและกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ระดับ ได้แก่ กฎหมายจากหน่วยงานภาครัฐ และกฎระเบียบเฉพาะของตัวคอนโดเอง
ก่อนอื่นต้องกลับมาทบทวนโมเดลธุรกิจทั้งหมด เพื่อหาจุดที่สามารถลดต้นทุน และสร้างรายรับเพิ่มได้เร็วที่สุด โดยอาจเริ่มจากแนวทางเหล่านี้
- หาทางสร้างกระแสเงินสด : เริ่มจากการปรับปรุงสินค้าที่มีอยู่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้นผ่านกลยุทธ์ที่เน้นความไว และใช้ต้นทุนต่ำ เช่น การจัดชุดโปรโมชัน (Bundling) การทำ Flash Sale หรือการเปลี่ยนมุมเล่าเรื่องสินค้าในทางการตลาด ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางสู่ตลาดออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ โดยไม่ต้องลงทุนสูง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเปลี่ยนสต็อกสินค้าให้กลายเป็นเงินสดหมุนเวียนได้อย่างรวดเร็ว
- ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น : เจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์เพื่อขอเงื่อนไขที่ดีขึ้น หรือลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพสินค้า และบริการ
- ใช้การตลาดดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ : ลงทุนกับการตลาดออนไลน์ในงบประมาณที่ควบคุมได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เช่น ลงโฆษณาใน Facebook Ads หรือ Google Ads ทำช่องโปรโมทสินค้าใน TikTok หรือทำ Affiliate Marketing เพื่อสร้างยอดขายโดยไม่ต้องลงทุนหน้าร้านเพิ่ม
- สร้างความร่วมมือทางธุรกิจ : มองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมกันจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย หรือแลกเปลี่ยนฐานลูกค้า ซึ่งเป็นการขยายตลาดโดยใช้ต้นทุนน้อยที่สุด
การปรับตัวอย่างรวดเร็ว และตรงจุด จะเป็นก้าวแรกที่ช่วยให้ผู้ประกอบการกลับมาควบคุมสถานการณ์ทางการเงินของกิจการได้อีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง และมั่นคง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืนในระยะยาว และอาจเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ของธุรกิจด้วย
2. ตั้งสติ แล้วเดินหน้าเจรจาเจ้าหนี้
การขอ
ปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาเพื่อหาทางออกร่วมกันกับเจ้าหนี้ เป็นการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเงินปัจจุบันของธุรกิจ โดยเจ้าของธุรกิจสามารถเริ่มต้นเจรจาได้หลายรูปแบบ เช่น
- การขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระเพื่อลดค่างวดต่อเดือน
- การขอพักชำระเงินต้นชั่วคราวโดยจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย
- การขอเปลี่ยนประเภทหนี้เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
สิ่งสำคัญคือ การเตรียมข้อมูลสถานะของกิจการ และแผนธุรกิจในอนาคตไปประกอบการเจรจา เพื่อแสดงให้เจ้าหนี้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการชำระหนี้ และศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจ
3. มองหามาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ
ภาครัฐมีโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการอยู่เสมอ อย่าลังเลที่จะศึกษา และขอรับความช่วยเหลือ ตัวอย่างเช่น มาตรการแก้หนี้ ปี 2568 “บสย. พร้อมช่วย” หรือมาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs โดยเฉพาะ โดยมีการปรับเงื่อนไขให้ยืดหยุ่น และผ่อนปรนมากขึ้น เพื่อช่วยลดภาระ และเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้
4. เสริมสภาพคล่องด้วยแหล่งเงินทุนในระบบ
ในสถานการณ์ที่ต้องการเงินทุนฉุกเฉินเพื่อต่อลมหายใจให้ธุรกิจ แหล่งเงินทุนในระบบอย่าง
“สินเชื่อเพื่อธุรกิจ” สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปลดล็อกปัญหาได้ แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธี และชาญฉลาด การขอสินเชื่อ SME ไม่ใช่การ
“กู้หนี้ใหม่มาปิดหนี้เก่า” แบบไร้จุดหมาย แต่เป็นการนำเงินทุนก้อนใหม่มาใช้ตามแผนที่วางไว้อย่างรัดกุม เพื่อเสริมสภาพคล่อง และสร้างโอกาสให้ธุรกิจกลับมาทำกำไรอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจจึงต้องประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองอย่างรอบคอบ เพื่อให้สินเชื่อก้อนนี้กลายเป็นสะพานที่พาคุณข้ามผ่านวิกฤตไปได้อย่างแท้จริง
ตอบคำถามยอดฮิตพิชิตปัญหาหนี้ SMEs
มาถึงช่วงตอบคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับปัญหาหนี้สิน Krungsri The COACH ได้รวบรวมคำตอบที่ชัดเจน และเข้าใจง่ายมาให้แล้ว
เป็นหนี้นอกระบบอยู่ สามารถกู้สินเชื่อในระบบมาปิดหนี้ได้ไหม ?
สามารถทำได้ แต่หัวใจสำคัญคือการมีแผนธุรกิจ และการเงินที่ชัดเจน เพื่อนำเสนอต่อสถาบันการเงินให้เห็นว่า สินเชื่อเพื่อธุรกิจก้อนใหม่นี้จะถูกนำไปใช้แก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนได้อย่างไร ไม่ใช่แค่การย้ายหนี้จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง
ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กได้หรือไม่ ?
ทำได้แน่นอน ปัจจุบันมีสถาบันการเงินหลายแห่งที่เสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยจะพิจารณาจากปัจจัยอื่นประกอบ เช่น ประวัติการดำเนินธุรกิจ ความสม่ำเสมอของกระแสเงินสด และแผนธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต
ควรเริ่มวางแผนแก้หนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
คำตอบคือ
“ทันทีที่เห็นสัญญาณแรก” การลงมือแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ ในขณะที่สถานการณ์ยังไม่บานปลาย จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจรจา และหาทางออกได้ง่ายกว่าการรอจนธุรกิจเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างเต็มรูปแบบ
Krungsri The COACH แนะนำ : สินเชื่อธุรกิจ Quick Loan วงเงินสูง เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้อย่างไม่สะดุด Krungsri The COACH ขอแนะนำ “
สินเชื่อธุรกิจ Quick Loan” จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ SME โดยเฉพาะ ด้วยขั้นตอนการอนุมัติที่รวดเร็ว วงเงินสูง และเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น ช่วยให้คุณคว้าทุกโอกาสทางธุรกิจ และก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปได้อย่างมั่นใจ
- วงเงินสูง อนุมัติวงเงินสูงสุดถึง 15 ล้านบาท
- ผ่อนสบาย เลือกผ่อนชำระได้ยาวนานสูงสุดถึง 12 ปี
- อนุมัติรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการใช้เงินทุนเร่งด่วน
- หลักประกันหลากหลาย สามารถใช้เงินฝาก ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักประกันได้
- สมัครง่าย รองรับเจ้าของกิจการทั้งในนามบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล
การเผชิญหน้ากับปัญหาหนี้สินท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับธุรกิจ SME สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติ ประเมินสถานการณ์ของตนเองอย่างรอบด้าน และลงมือแก้ไขปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ การมองหามาตรการช่วยเหลือ ไปจนถึงการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจก้อนใหม่เพื่อมาต่อลมหายใจ การมีแผนการที่ดี และมีวินัยทางการเงิน ควบคู่ไปกับการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถแก้หนี้ SMEs ได้สำเร็จ และนำพากิจการของคุณให้รอดพ้นจากวิกฤต กลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืนในที่สุด
อ้างอิง