เพื่อคุ้มครองคุณและครอบครัว
ในยุคที่ทุกคนต่างมุ่งมั่นสร้างรากฐานชีวิตให้มั่นคง การมีสุขภาพแข็งแรงและสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องคือสิ่งที่หลายคนใฝ่หา เพราะสุขภาพที่ดีมักมาพร้อมกับโอกาสในการสร้างรายได้และวางแผนอนาคตอย่างมั่นใจ
แต่หากวันหนึ่งคุณต้องเผชิญกับอาการเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องพักรักษาตัว รายได้ที่เคยเข้ามาอย่างสม่ำเสมอก็อาจหยุดชะงักลง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ประกันชดเชยรายได้ เข้ามามีบทบาทสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณยังมีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายดูแลตัวเองและครอบครัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเว้นช่วงจากการทำงานเพื่อฟื้นฟูร่างกาย คุณก็ยังสามารถมีรายได้ในช่วงเวลานั้น ทำให้
แผนการเงินไม่สะดุด และสามารถใช้เวลาพักรักษาตัวได้อย่างสบายใจมากขึ้น
ประกันชดเชยรายได้คืออะไร?
ประกันชดเชยรายได้ คือ รูปแบบประกันภัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบเงินชดเชยให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามจำนวนวันที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เช่น การต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน หรือ IPD เนื่องจากการเจ็บป่วย หรือการได้รับอุบัติเหตุ หรือการได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคร้ายแรง
จุดเด่นของประกันชนิดนี้ คือ จะให้เงินชดเชยเป็นจำนวนเงินคงที่ต่อวัน ทำให้ผู้เอาประกันภัยมีเงินจำนวนหนึ่งสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่ขาดรายได้จากการหยุดทำงาน ช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการเงินในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั่นเอง
ประกันชดเชยรายได้มีกี่ประเภท
ประกันชดเชยรายได้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทตามสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องหยุดงาน และขาดรายได้ โดยแต่ละประเภทจะมีลักษณะความคุ้มครอง และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนวัยทำงาน
1. ชดเชยจากการนอนโรงพยาบาล
ประกันชดเชยรายได้นอนโรงพยาบาล ประกันประเภทนี้เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มคนวัยทำงาน เนื่องจากมีลักษณะการใช้งานที่เข้าใจง่าย โดยจะจ่ายเงินชดเชยเป็นรายวันตามจำนวนวันที่ผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (IPD) ในโรงพยาบาลตามเงื่อนไขที่กรมธรรม์กำหนด เพื่อทดแทนรายได้ที่สูญเสียไปจากการที่ไม่สามารถไปทำงานได้
ข้อดีของประกันชนิดนี้คือ ช่วยให้ผู้เอาประกันภัยมีเงินใช้จ่ายสำหรับค่าครองชีพ หรือค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่น ๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล เช่น ค่าอาหารพิเศษ ค่าเดินทาง หรือค่าจ้างคนดูแล
2. ชดเชยจากการเกิดอุบัติเหตุ
ประกันชดเชยรายได้ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองเฉพาะเจาะจงกับเหตุการณ์อุบัติเหตุ โดยจะจ่ายเงินชดเชยเมื่อผู้เอาประกันภัยประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษา หรือรุนแรงถึงขั้นทุพพลภาพ ความพิเศษของประกันนี้คือ ความคุ้มครองอาจครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม ค่าผ่าตัด หรือจ่ายเป็นเงินก้อนในกรณีทุพพลภาพถาวร รูปแบบการจ่ายเงินชดเชยรายได้มีความยืดหยุ่น อาจเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือจ่ายครั้งเดียวเป็นเงินก้อน ขึ้นอยู่กับลักษณะความคุ้มครอง และเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่เลือกซื้อ
3. ชดเชยจากการเกิดโรคร้ายแรง
ประกันชดเชยรายได้ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมอบเงินชดเชย เมื่อผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคร้ายแรงตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง หรือเกิดภาวะทุพพลภาพ
จุดเด่นของประกันนี้คือ รูปแบบการจ่ายเงินชดเชยที่หลากหลาย อาจมีทั้งแบบจ่ายเมื่อต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคร้ายแรงนั้น ๆ หรือจ่ายในช่วงพักฟื้นหลังจากออกจากโรงพยาบาล เพราะการรักษาโรคร้ายแรงมักต้องใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอาจสูงกว่าการเจ็บป่วยทั่วไป ทำให้ประกันประเภทนี้ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้มาก
ทำประกันชดเชยรายได้แล้ว ยังจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพไหม?
คำตอบ คือ
ยังจำเป็นอย่างยิ่ง! เพราะประกันทั้งสองประเภททำหน้าที่แตกต่างกัน และช่วยเสริมความมั่นคงของสถานะทางการเงินของคุณได้ดี โดยประกันสุขภาพจะเน้นคุ้มครอง
“ค่ารักษาพยาบาล” ที่เกิดขึ้นจริงในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นค่าห้อง ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าผ่าตัด ตามวงเงินที่เลือกไว้ มีข้อดีคือ ทางโรงพยาบาลมักติดต่อเคลมกับบริษัทประกันได้โดยตรง (Fax Claim) ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายเงินล่วงหน้า
ในขณะที่ประกันสุขภาพชดเชยรายได้ หรือประกันชดเชยรายได้ จะเน้นจ่ายเงินชดเชย
“ตามจำนวนวันที่นอนโรงพยาบาล หรือตามเงื่อนไขอื่น ๆ ที่กำหนด” เพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดหายไป หรือเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากการรักษา เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหารพิเศษ ค่าจ้างคนดูแล ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของครอบครัว โดยลักษณะการเคลมของประกันชดเชยรายได้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องสำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อน (หากไม่มีประกันสุขภาพ) และนำเอกสารมายื่นเรื่องขอรับเงินชดเชยกับบริษัทประกันในภายหลัง
ดังนั้นการมีทั้งประกันสุขภาพ และประกันชดเชยรายได้ควบคู่กันไป จะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง และเงินชดเชยเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในยามที่ต้องหยุดงาน เปรียบเสมือนการมีโล่ป้องกันสองชั้น ที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า จะไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
5 เช็กลิสต์ ก่อนทำประกันชดเชยรายได้ เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์
การเลือกประกันชดเชยรายได้ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะต้องแน่ใจว่าความคุ้มครองตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ หากยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี Krungsri The COACH สรุป 5 ปัจจัยสำคัญ ที่ควรพิจารณาไว้ให้แล้ว ดังนี้
1. วงเงินคุ้มครอง
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ ควรเลือกวงเงินชดเชยรายได้รายวันที่สอดคล้องกับรายได้ และค่าใช้จ่ายประจำวันของตนเอง และครอบครัว การคำนวณที่เหมาะสมควรใช้หลักการง่าย ๆ คือ คิดจากรายได้ต่อวัน หากวงเงินน้อยเกินไป อาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น แต่หากสูงเกินไป ก็อาจทำให้ต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงโดยไม่จำเป็น และอาจกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน
ตัวอย่าง : นาย ก. มีเงินเดือน 33,000 บาท คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อวันทำงาน (สมมติเดือนละ 22 วันทำงาน) คือ 33,000 ÷ 22 = 1,500 บาทต่อวัน นาย ก. อาจพิจารณาเลือกวงเงินชดเชยรายได้รายวันประมาณ 1,000 - 1,500 บาท เพื่อให้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐาน และไม่กระทบต่อมาตรฐานการใช้ชีวิตมากเกินไป
2. ระยะเวลาคุ้มครอง
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การตรวจสอบระยะเวลาสูงสุดที่ประกันจะจ่ายค่าชดเชยรายได้ให้ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง และต่อปีกรมธรรม์ เนื่องจากเราไม่อาจรู้ได้ล่วงหน้าว่า หากเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุจะต้องพักรักษาตัวนานเท่าใด โดยเฉพาะกรณีที่เจ็บป่วย หรือบาดเจ็บรุนแรง อาจต้องใช้เวลาในการรักษา และฟื้นฟูหลายเดือน การเลือกแผนที่ให้ระยะเวลาคุ้มครองสูงสุดที่นานพอสมควร จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจ และความมั่นคงทางการเงินได้มากกว่า
3. เงื่อนไขความคุ้มครอง
การอ่านรายละเอียด และเงื่อนไขในกรมธรรม์ให้ถี่ถ้วนถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ต้องทำความเข้าใจข้อยกเว้นต่าง ๆ เช่น ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ก่อนที่ความคุ้มครองจะมีผลบังคับใช้ ประเภทของการรักษาพยาบาลที่คุ้มครอง เช่น ต้องเป็นผู้ป่วยในเท่านั้น หรือครอบคลุม
ผู้ป่วยนอกด้วย รวมถึงโรค หรือสภาวะที่ไม่คุ้มครอง การทำความเข้าใจในรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้ทราบสิทธิ์ของตนเองอย่างชัดเจน และหลีกเลี่ยงความผิดหวังเมื่อถึงเวลาต้องใช้ประกันจริง ๆ
4. ค่าเบี้ยประกัน
การพิจารณาค่าเบี้ยประกันชดเชยรายได้ที่ต้องจ่าย เทียบกับความคุ้มครองที่จะได้รับเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบ ควรเลือกเบี้ยประกันที่จ่ายไหวในระยะยาวโดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินส่วนอื่น ๆ หรือความจำเป็นในชีวิตประจำวัน เนื่องจากประกันชดเชยรายได้เป็นสัญญาปีต่อปีที่ต่ออายุโดยอัตโนมัติซึ่งต้องการความต่อเนื่องในการจ่ายเบี้ยประกัน นอกจากนี้ ควรทบทวนความคุ้มครอง และค่าเบี้ยเป็นระยะ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงเหมาะสมกับสถานะทางการเงิน และความต้องการในปัจจุบัน
5. ความมั่นคงของบริษัทประกัน
ควรเลือกทำประกันกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ และมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง เนื่องจากธุรกิจประกันอาศัยหลักการกระจายความเสี่ยงจากฐานลูกค้าจำนวนมาก หากบริษัทมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มักสะท้อนถึงความมั่นคง และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า บริษัทจะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เราได้อย่างครบถ้วน เมื่อถึงเวลาเคลม โดยสามารถตรวจสอบความมั่นคงของบริษัทได้จากการจัดอันดับของสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
Krungsri The COACH แนะนำ : กรุงศรีประกันสุขภาพ ตามใจ พลัส ปรับความคุ้มครองสุขภาพได้ตามใจ
การมีประกันชดเชยรายได้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่าง การเจ็บป่วยร้ายแรง ที่อาจต้องพักรักษาตัวจนต้องหยุดงานเป็นระยะเวลานาน การวางแผนการเงินที่ดี และครอบคลุม ควรพิจารณาควบคู่ไปกับการมีประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง เพื่อสร้างเกราะป้องกันทางการเงินที่แข็งแกร่งรอบด้าน ให้ความคุ้มครองที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด
Krungsri The COACH ขอแนะนำค่าชดเชยรายวันในแผนกรุงศรี
ประกันสุขภาพ ตามใจ พลัส ปรับความคุ้มครองสุขภาพได้ตามใจ 1 ล้าน – 30 ล้านบาทต่อปีกรมธรรม์ และยังเลือกซื้อค่าชดเชยรายวันเมื่อพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน (IPD)ได้ถึง 3 แบบ ได้แก่ 500, 1,500 และ 3,000 บาท เลือกซื้อประกันสุขภาพพร้อมค่าชดเชยรายวัน ครบครันในที่เดียว ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนวัยทำงานยุคใหม่
ประกันชดเชยรายได้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยอุดรอยรั่วทางการเงินให้กับคนวัยทำงาน เปรียบเสมือนตาข่ายนิรภัยที่รองรับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้คุณ และครอบครัวสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่าย และสามารถมุ่งเน้นไปที่การรักษา และฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างเต็มที่ การวางแผนตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมากขึ้น พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายในอนาคตได้อย่างมั่นใจ
อ้างอิง