ก่อนอื่น ผมต้องขอแสดงความยินดีกับเพื่อน ๆ ทุกคนที่สามารถบริหารจัดการจนสามารถมีเงินออมได้ 1 ล้านบาท ไม่ว่าจะด้วยการเก็บออม การทำธุรกิจ
การลงทุน รวมถึงท่านที่โชคดีได้เงินก้อนมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ถึงแม้เส้นทางสู่เงินล้านของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน แต่ทุกคนคงเห็นด้วยกับผมที่ต้องการหาวิธีต่อยอดให้เงินก้อนนี้งอกเงย แทนที่จะเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉย ๆ หรือปล่อยทิ้งไว้ให้มีมูลค่าลดลงตามเงินเฟ้อ เรามาลองดูกันนะครับว่า เราจะต่อยอดเงินก้อนนี้ได้อย่างไรบ้าง
ขั้นแรก เราต้องตั้งเป้าหมายการลงทุนของเราก่อนครับ เพราะคำว่าร่ำรวยของแต่ละคนไม่เท่ากัน และการลงทุนแต่ละประเภทย่อมให้ผลตอบแทนรวมถึงมีความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า เป้าหมายของการออมของเราอยู่ที่เท่าไหร่ เราเริ่มจากเงินลงทุนกี่บาท เรามีเวลาเท่าไหร่ในการไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเราสามารถใช้คำตอบเหล่านี้เป็นแนวทางคำนวณผลตอบแทนที่คาดหวังร่วมกับความเสี่ยงที่รับได้ไปเลือกวิธีการลงทุนให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ และความถนัดของตัวเรา โดยตัวอย่างรูปแบบการลงทุน ได้แก่
ลงทุนทำธุรกิจ
การลงทุนทำธุรกิจใช้ทั้งเงิน ใช้ทั้งแรง ซึ่งการทำธุรกิจมีความเสี่ยงหลายด้าน แต่ความเสี่ยงทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบริหารของคุณเองที่เป็นเจ้าของ รวมถึงผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการดำเนินงานของตัวคุณเองอีกเช่นกัน โดยหากคุณยังไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ
การเริ่มธุรกิจเล็ก ๆ จากความชอบด้วยเงินลงทุนจำนวนไม่มาก เช่น ขายสินค้าออนไลน์ หรือเช่าพื้นที่ขายของ เพื่อดูแนวโน้ม และความนิยมของตลาด ก็เป็นหนึ่งในวิธีจำกัดความเสี่ยง ส่วนเพื่อน ๆ ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจอยู่แล้ว อาจจะเลือกวิธีการนำเงินทุนก้อนนี้ไปต่อยอดธุรกิจ เช่น ขยายสาขา ขยายร้าน เพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ในร้าน
ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เช่น การซื้อที่ดิน เพื่อขายต่อเอากำไร ซึ่งในกรณีที่ซื้อมาเพื่อขายไปนี้ อาจจะต้องอาศัยเวลาที่ค่อนข้างนานเสียหน่อย เพราะแทนที่เราจะใช้เงินซื้อที่ดินในทำเลที่เจริญแล้ว เราสามารถใช้เงินทุนที่ต่ำกว่า ซื้อที่ดินที่มีทำเล “อนาคต” เพื่อซื้อในราคาถูกในปัจจุบัน และไปขายต่อในราคาที่แพงกว่าเมื่อความเจริญเข้าถึง โดยในระหว่างทางเราอาจปล่อยเช่าเพื่อหารายได้ไปก่อน ด้วยหลักการในลักษณะเดียวกัน เราอาจนำเงินไปซื้อคอนโด เพื่อปล่อยเช่า และนำออกขายต่อ เมื่อราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตามการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องลงแรงในการตระเวนหา เพื่อเปรียบเทียบเลือกซื้อสินทรัพย์ที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน
ลงทุนในหุ้น
การลงทุนในหุ้น มีความเสี่ยงที่ต่างจากการดำเนินธุรกิจเอง เพราะเราไม่มีอำนาจในการบริหารความเสี่ยงของกิจการโดยตรง แต่เราสามารถบริหารความเสี่ยงเงินลงทุนของเราได้ด้วยการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต รวมทั้งเทคนิคกระจายความเสี่ยงโดยการซื้อหุ้นมากกว่า 1 ตัวในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ถึงแม้การลงทุนในหุ้นอาจจะไม่ต้องลงมือลงแรงเหมือนการทำธุรกิจ แต่
การลงทุนในหุ้นจำเป็นต้องมีความรู้ มีเวลาในการติดตามข่าวความเคลื่อนไหวในตลาด เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายครับ
ลงทุนในกองทุนรวม
อีกหนึ่งวิธีในการลงทุนที่ได้รับความนิยม นอกจากไม่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์ตลอดเวลาเหมือนหุ้นแล้ว ยังมีมืออาชีพคอยดูแล และทำการตัดสินใจซื้อขายให้อีกด้วย โดยอ้างอิงจากวัตถุประสงค์ของการลงทุนของเรา เช่น ผลตอบแทนที่ต้องการ ความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อใช้เลือกลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายสอดคล้องกับความต้องการของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองทุนความเสี่ยงสูง เช่น กองทุนที่ลงทุนในหุ้น กองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ไปจนถึงกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างกองทุนพันธบัตรรัฐบาล
ในความเป็นจริงแล้วเราไม่จำเป็นจะต้องทุ่มเงินก้อนไปในการลงทุนเพียงด้านเดียว โดยคุณอาจเลือกลงทุนแบบผสมผสาน เช่น แบ่งเงินหนึ่งล้านออกเป็นสองส่วน ส่วนแรก เอาไว้ทำธุรกิจ ส่วนที่สอง ลงทุนผ่านกองทุนรวม โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ และผลตอบแทนที่คาดหวัง สุดท้าย อย่าลืมที่จะตรวจสอบผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อความมั่นใจว่า การลงทุนให้ผลตอบแทนตามที่คาด และเราจะไปถึงเป้าหมายตามแผนที่วางไว้ ซึ่งหากมีสิ่งผิดปกติ เช่น กองทุนให้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง เราจะได้ปรับแผนการลงทุนได้ทันท่วงที
จะเห็นได้ว่า การลงทุนนั้นควรทำอย่างเป็นระบบ มีแผนการที่ชัดเจน รวมทั้งมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง โดยเพื่อน ๆ สามารถหาความรู้เพิ่มเติม และทำแบบทดสอบกับ
Plan Your Money ที่จะช่วยให้การวางแผนการต่อยอดเงินล้านเป็นเรื่องง่ายขึ้นครับ