เศรษฐกิจแบบนี้ลงทุนอย่างไรให้คุ้มค่า ตามแนวคิด Investment Clock
รอบรู้เรื่องลงทุน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เศรษฐกิจแบบนี้ลงทุนอย่างไรให้คุ้มค่า ตามแนวคิด Investment Clock

icon-access-time Posted On 29 สิงหาคม 2566
By Krungsri The COACH
เราอาจจะเคยได้ยินว่า “ช่วงเวลานี้เหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์นี้” “ช่วงนี้หุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือกำลังอยู่ในช่วงขาลง” ถ้าเราย้อนไปศึกษาในอดีต จะเห็นว่าสินทรัพย์การลงทุนแต่ละประเภท มีช่วงเวลาที่ดี และช่วงเวลาที่แย่แตกต่างกันไป แล้วการขึ้นลงของราคาแต่ละสินทรัพย์มีความสัมพันธ์อย่างไร? กับวัฏจักรเศรษฐกิจ
ระยะเวลาการลงทุนกับ Investment clock

นักลงทุนจึงควรจะต้องรู้เกี่ยวกับวัฏจักรของการลงทุน หรือ Investment Clock ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีความสำคัญในการลงทุนที่ช่วยให้การลงทุนของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จ

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่ยังไม่รู้ว่าการลงทุนมีวัฏจักรอย่างไรบ้าง? บทความนี้จะบอกถึงลักษณะในแต่ละช่วงของวัฏจักร วิธีการสังเกต และควรวางแผนรับมือยังไง หรือควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์อะไร? เพื่อที่จะหาโอกาสจากการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

Investment Clock คืออะไร? มาทำความรู้จักกับวัฏจักรแห่งการลงทุน ที่นักลงทุนควรรู้

วัฏจักรของการลงทุน คือแนวคิดที่มองว่า ช่วงเวลาของเศรษฐกิจจะหมุนเวียนเป็นวัฏจักร (Cycle) ไปเรื่อย ๆ เหมือนเข็มนาฬิกา มีการเปลี่ยนแปลงวนไปในลักษณะซ้ำ ๆ เดิม และเป็นเช่นนี้เสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาของเศรษฐกิจ สินทรัพย์การลงทุนแต่ละประเภท ก็จะมีช่วงเวลาที่ดี และช่วงเวลาที่แย่แตกต่างกันไป
 
Investment clock เรื่องที่นักลงทุนควรรู้

Investment Clock จึงนับเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นักลงทุนเอาไว้คอยจับทิศทางเศรษฐกิจว่าช่วงไหนควรลงทุนอะไร? และไม่ควรไปยุ่งกับสินทรัพย์ประเภทไหน โดยเราสามารถแบ่งวัฏจักรของการลงทุน หรือ Investment Clock ออกเป็น 4 ช่วงเวลาด้วยกัน

4 วัฏจักรของการลงทุน หรือ Investment Clock มีอะไรบ้าง?

Investment clock กับสภาวะเศรษฐกิจ


1. Reflation Stage

มักจะเกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่ช่วงก่อนหน้าเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เหตุการณ์ที่ผิดปกติ หรือเป็นวิกฤตร้ายแรง เช่น วิกฤตโควิด ทำให้คนยังไม่กล้าใช้เงิน เพราะยังมีความกังวลกับเศรษฐกิจ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผู้คนเริ่มระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย ภาคธุรกิจต่าง ๆ ไม่กล้าลงทุน ความต้องการสินค้าต่าง ๆ น้อยกว่าจำนวนสินค้าที่ผลิตออกมา กำลังการผลิตเริ่มเหลือ ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวถูกลง เพราะทุกคนกลัวความเสี่ยงในการใช้จ่าย หรือลงทุน

เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ธนาคารกลางจะเริ่มมีการใช้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัว เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจ และให้คนนำเงินไปใช้จ่ายมากขึ้น โดยผู้ประกอบการ หรือนักลงทุนบางกลุ่ม จะใช้จังหวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นโอกาสในการขยายการลงทุน เพราะมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ

สินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงวัฏจักร Reflation Stage คือ ตราสารหนี้ ที่นอกจากจะมีความปลอดภัยแล้ว ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ย เพราะการที่อัตราดอกเบี้ยลดลงจะทำให้ราคาของตราสารหนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น (ราคาตราสารหนี้จะวิ่งสวนทางกับอัตราดอกเบี้ย)
 
Investment clock ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ


2. Recovery Stage

เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยธนาคารกลาง และรัฐบาลจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้บริษัทลงทุนขยายธุรกิจ ให้ผู้คนเริ่มเกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นอีกครั้ง โดยจะเริ่มออกนโยบายต่าง ๆ เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย หรือคงอัตราดอกเบี้ยให้มีระดับต่ำ ลดอัตราภาษี เป็นต้น

สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ผู้คนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น ความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจมีการขยายการลงทุน เพิ่มการผลิต และการจ้างงานที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้คนมีรายได้ดี และกล้าใช้จ่ายมากขึ้น ตัวเลขทางเศรษฐกิจจึงเติบโตทำให้ผลประกอบการของธุรกิจดีขึ้น

ในช่วงวัฏจักร Recovery Stage สินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนก็คือ หุ้น เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง กำไรของภาคธุรกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัว
 
Investment clock ส่งผลให้มีการกระตุ้นภาคการผลิต


3. Overheat Stage

เป็นระยะที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวในอัตราที่สูง เป็นวัฏจักรที่สภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขั้นสูงสุด หรือเติบโตเต็มที่ ผลประกอบการของภาคธุรกิจดีอย่างต่อเนื่อง ในวัฏจักรนี้เราจะเห็นผู้คนกล้าใช้จ่ายกันอีกครั้ง ภาคธุรกิจเดินหน้ากำลังการผลิตอย่างเต็มกำลังเพื่อให้ทันกับความต้องการบริโภค ทั้งต้นทุนสินค้า ราคาสินค้าและบริการในตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น กำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับการจ้างงาน ทำให้อัตราว่างงานลดลง หรืออยู่ในระดับต่ำ

โดยทางภาครัฐจะเริ่มเข้ามาควบคุมการเติบโตของเศรษฐกิจไม่ให้ขยายตัวเร็วเกินไป โดยการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนธนาคารกลางจะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

สินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงนี้ ก็คือ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เพราะราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจ ทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น ตรงกันข้ามกับราคาของตราสารหนี้ที่ปรับตัวลดลง จากการที่ธนาคารกลางเริ่มมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
 
Investment clock ส่งผลให้มีการกระตุ้นภาคส่งออก


4. Stagflation

เป็นวัฏจักรที่เกิดทั้งภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว อัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง แต่อัตราเงินเฟ้อกลับเพิ่มสูงขึ้น ทั้งที่โดยปกติแล้วช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว และมีอัตราการว่างงานที่สูง ผู้บริโภคจะมีกำลังซื้อที่ลดลงจากรายได้ที่น้อยลง ภาคธุรกิจก็จะลดราคาสินค้าและบริการลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดต่ำลง

แต่ในช่วง Stagflation เมื่อเศรษฐกิจเกิดภาวะชะลอตัว ผู้ผลิตก็จะลดกำลังการผลิต และลดการจ้างแรงงานในระบบเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงตามไปด้วย สวนทางกับต้นทุนการผลิตสินค้า และบริการกลับเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ระดับราคาสินค้า และบริการยังคงอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อจึงยังคงอยู่ในระดับสูง

Stagflation เป็นช่วงที่มีความยากลำบากในการแก้ไขปัญหา การจะออกจากภาวะ Stagflation นั้น ต้องรอเวลาให้ต้นทุนการผลิตสินค้า และบริการที่แพงขึ้น ค่อย ๆ ปรับตัวลดลง เพื่อทำให้ราคาสินค้า และกลับลงมาอยู่ในภาวะปกติ
 
Investment clock กับการลงทุนในสินทรัพย์

สินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในช่วงวัฏจักร Stagflation คือ สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำแท่ง หรือถือเงินสด เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลัวการถดถอยของเศรษฐกิจ ส่วนการลงทุนในหุ้น ราคาหุ้นบางบริษัทจะลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกำไรของบริษัทที่ลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจ หรือบางบริษัททำกำไรไม่ได้ตามที่นักลงทุนคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนต่างออกมาเทขายหุ้นจำนวนมากจนทำให้ราคาตกลง

แต่ละช่วงของวัฏจักรจะมีระยะเวลานานแค่ไหน? แต่ละวัฏจักรจะสิ้นสุดลงเมื่อใด? เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแต่ละวัฏจักรไม่จำเป็นต้องมีระยะเวลาที่เท่ากัน โดยทั่วไปแต่ละวัฏจักรเศรษฐกิจนั้น มักจะมีระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 2-5 ปี ดังนั้น 1 รอบวัฏจักร จึงมีระยะเวลาประมาณ 10 ปี

ในฐานะนักลงทุน การทำความเข้าใจในวัฏจักรเศรษฐกิจนั้นเป็นตัวช่วยที่สำคัญมากในการลงทุน ช่วยให้เราสามารถลงทุนได้อย่างเหมาะสม และได้วางแผนเพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น โดยสิ่งสำคัญคือ เราต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าปัจจุบันเราอยู่ในวัฏจักรเศรษฐกิจใดเพื่อเป็นโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับวัฏจักรนั้น ๆ

อีกสิ่งที่นักลงทุนควรจะต้องระวังคือ แต่ละประเทศ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบเดียวกัน ในแต่ละช่วงวัฏจักร อาจจะเกิดขึ้นกับอีกประเทศหนึ่ง แต่อีกประเทศหนึ่งกลับเป็นอีกแบบหนึ่งก็ได้ เช่น ประเทศไทยอยู่ในช่วง Recovery Stage แต่สหรัฐอยู่ในช่วง Overheat Stage ก็เป็นได้ ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาว่าประเทศนั้นๆอยู่ในช่วงวัฏจักรใดก่อนการลงทุน

ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฏจักรของเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบ รวมถึงกลยุทธ์ในการลงทุนต่าง ๆ จะช่วยเป็นแนวทางในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ธีรพัฒน์ มีอำพล CFP®
นักวางแผนการเงิน
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา