ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้พัฒนาไปไกลมาก หลาย ๆ คนก็อาจจะเคยเล่นแอปพลิเคชันถ่ายภาพที่มีการใช้ AI อยู่เบื้องหลังซึ่งสามารถจำลองภาพของเราไปได้ในหลายรูปแบบ จนหลาย ๆ คนนำไปสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ กันอย่างสนุกสนาน แต่อย่างไรก็ตามน้องเพลินเพลินก็อยากจะบอกว่าในอีกมุมหนึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็มีความอันตรายอยู่ เช่น การใช้ Deep Learning มาเรียนรู้ข้อมูลของคน ๆ หนึ่งและสามารถสร้างเป็น Deepfake หรือการปลอมเป็นบุคคลหนึ่งได้ทั้งใบหน้าและเสียงได้ เราจะมาเรียนรู้กันว่า Deep Learning คืออะไรและ AI ช่วยสร้าง Deepfake อย่างไรบ้าง
รู้จัก Deep Learning และ Deepfake
Deep Learning คือ
วิธีหนึ่งในปัญญาประดิษฐ์ ที่สอนคอมพิวเตอร์ให้ประมวลผลข้อมูลเหมือนกับการทำงานของเซลล์สมองนับล้านของมนุษย์ เมื่อมีข้อมูลป้อนเข้ามา AI ก็จะวิเคราะห์จากมุมมองหลาย ๆ อย่าง จนเกิดการเรียนรู้ใหม่ ๆ และสามารถทราบความหมายและประเภทของข้อมูลที่ป้อนเข้ามา
ตัวอย่าง หากเรานำ Deep Learning AI ใส่เข้าไปในรถยนต์เพื่อเรียนรู้ป้ายและสัญญาณไฟจราจร AI จะคอยจดจำพฤติกรรมของเราในการขับรถ เมื่อพบไฟแดงก็จะรู้ว่าเราต้องหยุดรถ ถ้าเจอป้ายห้ามจอดก็จะเรียนรู้ว่าบริเวณนั้นจอดรถไม่ได้ ถ้าเห็นทางม้าลายก็จะรู้ว่าต้องหยุดให้คนเดินข้ามถนน ดังนั้นเมื่อมีการเรียนรู้ที่มากขึ้น AI ก็จะสามารถบอกเราได้ว่าจะต้องขับขี่รถยนต์อย่างไรและสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำบนท้องถนน
ดังนั้นประโยชน์ของ Deep Learning จึงมีมากมายและนำมาใช้ได้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งสำหรับนำไปวินิจฉัยแนวทางการรักษา การใช้กล้อง CCTV ของอุตสาหกรรมรักษาความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบคนหรือวัตถุที่น่าสงสัย เป็นต้น
Deepfake คือ
เทคโนโลยีการลอกเลียนแบบ โดยที่ AI จะเรียนรู้ใบหน้าและเสียงของมนุษย์และสามารถปลอมแปลงบุคคลต่าง ๆ ได้อย่างอัตโนมัติ คำ ๆ นี้มาจากการผสมระหว่าง Deep Learning และ Deepfake หลาย ๆ คนอาจจะเคยลองใช้เทคโนโลยีนี้กันมาบ้างแล้ว โดยการให้ AI ปลอมหน้าเราเข้าไปแทนที่บุคคลสำคัญต่าง ๆ
แต่อย่างที่น้องเพลินเพลินบอกไว้ก่อนหน้าแล้ว Deep Learning ก็สามารถถูกนำมาใช้ทำ Deepfake เพื่อนำมาปลอมหน้าและปลอมเสียงได้ ซึ่งผู้ที่ไม่หวังดีอาจจะใช้เทคโนโลยีนี้ปลอมแปลงหน้าและเสียงของเราเพื่อหาผลประโยชน์ต่าง ๆ จนสร้างความเสียหายให้กับเราได้ โดยวิธีการที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้นั้นคือการให้ AI เรียนรู้พฤติกรรมและจดจำลักษณะต่าง ๆ ในตัวเรา เช่น ใบหน้า ท่าทาง เสื้อผ้าที่ชอบใส่ รวมไปถึงน้ำเสียงและแนวทางในการพูดจา หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมในการพูดคุยด้วยการส่งข้อความทางแชต
4 ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ในการปลอมหน้า ปลอมเสียง และปลอมแชต
ตอนนี้หลายคนก็คงอยากจะทดลองระบบ AI ต่าง ๆ ที่สามารถสร้างผลงาน Deepfake กันแล้วใช่ไหม มาดู ตัวอย่าง 4 รูปแบบกันเลย มีดังนี้
- Deepfakes เป็นเว็บไซต์ที่เราสามารถสร้างวิดีโอ Deepfake ในระดับเบื้องต้น โดยในเว็บไซต์จะมีวิดีโอต้นฉบับที่เป็นบุคคลในท่าทางต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถอัปโหลดวิดีโอและรูปภาพของเราเพื่อนำหน้าตาของเราเข้าไปแทนที่หน้าตาของบุคคลในวิดีโอต้นฉบับได้
- MyHeritage เป็นเว็บไซต์ที่เราสามารถเอารูปเก่า ๆ ในอดีต เช่น ภาพขาวดำรุ่นคุณปู่คุณย่ามาเปลี่ยนเป็นรูปภาพที่มีชีวิตชีวา สามารถขยับหน้า ขยับปากหรือกระพริบตาได้ก็ถือว่าเป็น Deepfake ซึ่งเคยเป็นที่นิยมใน TikTok อยู่ระยะหนึ่ง หากต้องการทดลอง เราสามารถเข้าไปใช้ได้ง่าย ๆ โดยเพียงอัปโหลดไฟล์ภาพเข้าไปในเว็บไซต์ ระบบก็จะทำการสร้างภาพออกมาให้เรา
- FakeYou เว็บไซต์ที่เราสามารถปลอมเสียงได้หลายรูปแบบ เช่น การพิมพ์ข้อความแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงประเภทต่าง ๆ หรือการนำเสียง ๆ หนึ่งไปแปลงเป็นอีกเสียงได้ และเรายังสามารถอัปโหลดเสียงที่ต้องการเพื่อให้ระบบทำการเลียนแบบอย่างที่ต้องการได้ วิธีการใช้งาน Deepfake ตัวนี้นั้นก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่พิมพ์ข้อความที่ต้องการสร้างเป็นเสียง หรือนำเสียงไปอัปโหลดเข้าระบบเพื่อใช้ในการเลียนแบบเสียง ทีนี้เราก็สามารถปลอมแปลงเสียงต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่มีใครรู้
- FakeInfo เว็บไซต์นี้ทำให้เราสามารถสร้างโปรไฟล์ปลอมของ Social Media ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น WhatApps Facebook Instagram TikTok และสามารถสร้างบทสนทนาในแชตปลอมได้ ไม่ว่าจะเป็น Telegram Line WeChat เป็นต้น วิธีการใช้งานก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เข้าไปที่เว็บไซต์และเลือกประเภทแพลตฟอร์มที่เราต้องการสร้างข้อมูลปลอม และกรอกข้อมูลที่เราต้องการลงไปตามที่ต้องการ ระบบ Deepfake จะทำการสร้างข้อมูลปลอมให้กับเราได้อย่างไม่ยาก
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า AI สามารถนำไปใช้สร้าง Deepfake ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ เสียง หรือแม้แต่ข้อความต่าง ๆ ได้อย่างใกล้เคียงความเป็นจริง ซึ่งหากเราถูก
มิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีปลอมแปลงแล้วก็อาจจะเกิดผลกระทบที่ตามมาค่อนข้างมาก
วิธีป้องกันตัว เมื่อเทคโนโลยีถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกลวง
ถ้าวันหนึ่งคุณได้ท่องไปในโลกออนไลน์แล้วได้ไปเจอตัวคุณเองในรูปแบบที่เป็น AI กำลังพูดประชาสัมพันธ์เรื่องต่าง ๆ ซึ่งอาจจะทำให้คนอื่น ๆ เข้าใจผิด ไม่ว่าจะเป็นการนำไปหลอกขายสินค้า หรือชักชวนให้มีการลงทุนที่ผิดกฎหมาย สิ่งที่เราจะต้องดำเนินการมีดังนี้
- ทำการลงบันทึกประจำวันที่สถานตำรวจใกล้บ้านท่านว่าเราไม่ได้เป็นผู้จัดทำรูปภาพและคลิปวิดีโอดังกล่าว แต่เกิดจากการกระทำของมิจฉาชีพในลักษณะ Deepfake และ AI เพื่อให้ตำรวจบันทึกเป็นหลักฐานว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้อง
- ทำการแจ้งเพื่อน ๆ และบุคคลที่รู้จักให้ทำการรายงานให้ทางแพลตฟอร์มได้ทราบ เพื่อทำการแบนข้อมูลปลอมและโปรไฟล์ผู้ใช้งานที่ปลอมเป็นตัวเรา
- อย่าลืมประกาศเป็นระยะให้กับคนใกล้ชิดได้ทราบว่า มีคนกำลังปลอมเป็นตัวเราเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อให้ผู้อื่นระมัดระวังและไม่ตกเป็นเหยื่อยของมิจฉาชีพ
- หากพบว่ามีความผิดปกติกับบัญชีเงินฝากหรือมีการหลอกโอนเงินจากบัญชีของเรา รีบรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด เพื่อแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจับกุมคนร้ายที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของเรา และสามารถแจ้งธนาคารกรุงศรีได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1572 กด 5 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
Tips by น้องเพลินเพลิน
เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Deep Learning ที่นำไปสู่การทำ Deepfake นั้น จะมีประโยชน์อย่างมากหากเรานำไปใช้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นเป็นการนำภาพหรือวิดีโอของเราไปสร้างเป็นตัวละครเสมือนจริงทั้งหน้าตาและน้ำเสียงไปใช้ในการให้ความรู้ สร้างความบันเทิง ทำให้คอนเทนต์มีลูกเล่นมากขึ้นและสามารถประหยัดเวลาในการผลิตและพัฒนามากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันเราเองก็ต้องมีความระมัดระวังกันมากยิ่งขึ้นเพราะในสมัยนี้ ใคร ๆ ก็สามารถนำข้อมูลเราไปปลอมแปลงเพื่อ
หลอกลวงและสร้างความเสียหายให้กับคนอื่น ๆ ได้ เราจึงต้องมีความรู้อย่างเท่าทันเพื่อให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมั่นใจ และไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ