การเดินทางต่างประเทศจะสนุกยิ่งขึ้น เมื่อเราสื่อสารได้เข้าใจ ไม่ว่าจะอ่านป้าย ถามทาง หรือสั่งเมนูท้องถิ่น ทุกอย่างง่ายขึ้นทันตา ด้วยตัวช่วยสุดล้ำอย่าง แอปแปลภาษา ที่กลายเป็นเหมือน วุ้นแปลภาษา ในยุคดิจิทัล
ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือหลายแอปรองรับฟีเจอร์ แปลภาษาถ่ายรูป เพียงแค่ยกกล้องถ่ายข้อความ ระบบก็แปลออกมาให้ทันที ช่วยให้คุณใช้ชีวิตระหว่างเดินทางได้อย่างลื่นไหล ไม่สะดุด และเต็มไปด้วยความมั่นใจ
บทความนี้น้องเพลินเพลินขอพาไปทำความรู้จักกับ 7 แอปแปลภาษาฟรี ที่ทั้งใช้ง่าย ใช้สนุก และเป็นเพื่อนรู้ใจของนักเดินทางสายชิล เตรียมโหลดแล้วไปลุยกันเลย!
รูปแบบการใช้งานแอปแปลภาษา
ก่อนจะไปดูว่ามีแอปแปลภาษาตัวไหนน่าสนใจบ้าง เรามาทำความรู้จักกับรูปแบบการใช้งานหลัก ๆ ของแอปเหล่านี้กันก่อน เพื่อให้เลือกใช้ได้ตรงกับสถานการณ์ และความต้องการมากที่สุด
แปลภาษาจากข้อความ
เป็นการพิมพ์ข้อความ หรือคำศัพท์ที่เราต้องการทราบความหมายลงไปในแอปแปลภาษา จากนั้นแอปจะทำการประมวลผล และแสดงคำแปลในภาษาที่เราเลือกขึ้นมาทันที เหมาะสำหรับการแปลป้ายประกาศ เอกสาร หรือเมื่อต้องการพิมพ์แชตสนทนากับชาวต่างชาติ
แปลภาษาด้วยเสียง
สำหรับใครที่ไม่สะดวกพิมพ์ หรือต้องการความรวดเร็วในการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ฟังก์ชันแปลภาษาด้วยเสียงก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพียงพูดประโยคที่ต้องการสื่อสารใส่ไมโครโฟนของสมาร์ตโฟน หลังจากนั้นแอปแปลภาษาก็จะแปลงเสียงพูดของเราเป็นข้อความ และแปลเป็นภาษาปลายทางให้ทันที บางแอปยังสามารถอ่านออกเสียงคำแปลนั้นได้ด้วย ทำให้การสนทนาต่อหน้าง่ายขึ้นมาก
แปลภาษาจากรูปภาพ
เคยไหม ? เวลาไปต่างประเทศแล้วเจอเมนูอาหาร หรือป้ายต่าง ๆ ที่เป็นภาษาต่างประเทศที่เราไม่รู้จัก อ่านไม่ออกก็ไม่ต้องกังวล เพราะ App แปลภาษาหลายตัวมีฟีเจอร์สุดล้ำ เพียงแค่เปิดกล้องแล้วส่องไปยังข้อความที่ต้องการแปล แอปก็จะทำการวิเคราะห์ และแสดงคำแปลทับบนรูปภาพนั้นเลย เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการเข้าใจข้อมูลรอบตัวอย่างรวดเร็ว
ข้อจำกัดแอปแปลภาษาที่ควรรู้ก่อนนำไปใช้งานจริง
แม้ว่า App แปลภาษาจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ผู้ใช้งานควรทราบ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่เจอปัญหาหน้างาน ดังนี้
- การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต : โปรแกรมแปลภาษาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะฟีเจอร์ที่ซับซ้อน หรือต้องการความแม่นยำสูง มักจะต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการประมวลผล หากเดินทางไปในที่ที่สัญญาณไม่ดี หรือไม่มี Wi-Fi อาจทำให้ใช้งานไม่ได้ หรือต้องใช้โหมดออฟไลน์ ซึ่งอาจมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนภาษา หรือความแม่นยำ
- ความแม่นยำในการแปล : ถึงแม้เทคโนโลยีจะมีการพัฒนาไปมาก แต่บางครั้งการแปลสำนวน คำสแลง หรือประโยคที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ก็ยังอาจมีความคลาดเคลื่อน หรือไม่เป็นธรรมชาติอยู่
- การแปลบริบททางวัฒนธรรม : แอปอาจแปลความหมายตรงตัวได้ แต่ไม่สามารถเข้าใจถึงบริบททางวัฒนธรรมที่ซ่อนอยู่ในภาษาเสมอไป ผู้ใช้งานจะต้องระวังในส่วนนี้ด้วย เช่น
- ไทย - จีน : คำว่า “เกรงใจ”ถ้าแปลเป็นจีน ในบางแอปพลิเคชันอาจแปลเป็น 不好意思 (bù hǎo yìsi) ที่หมายถึง “รู้สึกอาย” หรือ “ขอโทษ” ได้
- ไทย - อังกฤษ : คำว่า “น้อยใจ” ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษ ในบางแอปพลิเคชันอาจแปลเป็น “to feel hurt” หรือ “upset” ซึ่งสื่อถึงความเจ็บปวดทั่วไป แต่ขาดอารมณ์ของการตัดพ้อจากความคาดหวังในความสัมพันธ์ได้
- ไทย - ญี่ปุ่น : คำว่า “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” ถ้าแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบตรงตัว บางแอปพลิเคชันอาจแปลเป็น 私の体をあなたに預けます (Watashi no karada o anata ni azukemasu) ที่หมายถึง “ฉันขอมอบร่างกายของฉันไว้กับคุณ” แทนที่จะเป็นคำว่า よろしくお願いします (Yoroshiku onegaishimasu) ที่มีความหมายว่า “ขอความกรุณาด้วย” เป็นต้น
- คุณภาพเสียงและภาพ : สำหรับการแปลด้วยเสียง หรือรูปภาพ คุณภาพของเสียงที่อัดเข้าไป หรือความคมชัดของรูปภาพ ก็มีผลต่อความแม่นยำในการแปลเช่นกัน
7 แอปแปลภาษา แค่ส่องกล้องก็แปลได้ พิมพ์ข้อความก็สะดวก
เมื่อรู้รูปแบบการใช้งาน และข้อจำกัดกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่น้องเพลินเพลินจะแนะนำ 7 แอปแปลภาษาที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง มีทั้งแบบที่แปลภาษาถ่ายรูปฟรี แปลข้อความก็ง่าย ใช้งานสะดวก พกติดเครื่องไว้ รับรองว่าทริปไหน ๆ ก็อุ่นใจ
1. Google Translate
ยืนหนึ่งเรื่องแอปแปลภาษา ต้องยกให้ Google Translate ที่รองรับภาษามากมายกว่า 100 ภาษาทั่วโลก ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์ครบครันทั้งการแปลจากข้อความ เสียง รูปภาพ (ผ่านกล้องแบบเรียลไทม์) หรือแม้แต่ลายมือเขียน สามารถดาวน์โหลดชุดภาษาไว้ใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วย ทำให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่นักเดินทางส่วนใหญ่นึกถึงและมีติดเครื่องไว้เสมอ
2. Google Lens
ถึงแม้ Google Lens จะไม่ได้เป็นแอปแปลภาษาโดยตรง แต่เป็นเครื่องมืออัจฉริยะจาก Google ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผ่านกล้องโทรศัพท์ ซึ่งหนึ่งในฟังก์ชันเด่นก็คือการแปลภาษาจากรูปภาพ หรือข้อความที่กล้องจับภาพได้ทันที เพียงแค่ส่องกล้องไปที่ป้าย เมนู หรือเอกสาร ก็สามารถแปลเป็นภาษาที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการความสะดวก และใช้งานร่วมกับฟังก์ชันอื่น ๆ ของ Google Lens เช่น ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุนั้น ๆ
3. Microsoft Translator
อีกหนึ่ง App แปลภาษาคุณภาพจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ที่มีความสามารถไม่แพ้กัน รองรับการแปลหลากหลายรูปแบบทั้งข้อความ เสียง รูปภาพ และการสนทนา จุดเด่นคือสามารถแปลบทสนทนาแบบกลุ่มได้หลายคนพร้อมกัน แม้แต่ละคนจะพูดคนละภาษาก็ตาม และยังมีโหมดออฟไลน์ให้ดาวน์โหลดภาษาเก็บไว้ใช้งานได้ในที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตด้วย
4. iTranslate
iTranslate เป็นแอปแปลภาษาที่ได้รับความนิยมอีกตัว มีหน้าตาสวยงาม ใช้งานง่าย รองรับการแปลมากกว่า 100 ภาษา มีทั้งการแปลข้อความ เสียง และมีฟีเจอร์ iTranslate Lens สำหรับการแปลผ่านกล้อง นอกจากนี้ยังมีพจนานุกรมในตัว และสามารถฟังการออกเสียงคำแปลได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม บางฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การแปลแบบออฟไลน์ อาจมีให้ใช้งานเฉพาะในเวอร์ชัน Pro ที่ต้องเสียค่าบริการ
5. Longdo Dictionary
สำหรับคนไทยที่ต้องการโปรแกรมแปลภาษาที่เน้นภาษาไทยเป็นหลัก หรือต้องการพจนานุกรมคุณภาพดี Longdo Dictionary คือตัวเลือกที่น่าสนใจมาก แอปนี้รวบรวมคำศัพท์ และข้อมูลจากพจนานุกรมหลายแหล่ง ทำให้มีความแม่นยำสูง สามารถแปลได้ทั้งคำศัพท์และประโยค รองรับหลายภาษา เช่น ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน และฝรั่งเศส ใช้งานง่าย และเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มคนไทย
6. Thai Fast Dictionary
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “Fast” แอปแปลภาษานี้สามารถค้นหาคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการแปลระหว่างภาษาไทย และภาษาอังกฤษ มีฐานข้อมูลคำศัพท์ที่ครอบคลุมคำที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาความหมายของคำอย่างรวดเร็ว หรือต้องการพจนานุกรมติดเครื่องไว้ใช้งานแบบออฟไลน์ได้สะดวก
7. CM Thai Dict
CM Thai Dict เป็นอีกหนึ่งแอปแปลภาษา และพจนานุกรมสัญชาติไทยที่ใช้งานง่าย ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาคำศัพท์ และความหมายได้อย่างรวดเร็ว มีฐานข้อมูลคำศัพท์ภาษาไทย และอังกฤษที่ค่อนข้างสมบูรณ์ รวมถึงมีสำนวน และวลีที่ใช้กันบ่อย ๆ สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ และบางครั้งอาจมีฟีเจอร์เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เกมคำศัพท์ ให้ได้ฝึกฝนภาษาอีกด้วย
“AI แปลภาษา” อีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้การแปลภาษาต่างประเทศง่ายกว่าเดิม
นอกจากการใช้ App แปลภาษาแบบดั้งเดิมแล้ว เทคโนโลยีที่กำลังมาแรง และเข้ามาพลิกโฉมการสื่อสารข้ามพรมแดนก็คือ Generative AI หรือ “การใช้ AI แปลภาษา” โดยข้อดีที่โดดเด่นของ AI ก็คือ ความสามารถในการแปลภาษาได้สละสลวย และเป็นธรรมชาติมาก เพราะ AI ไม่ได้แค่แปลคำต่อคำ แต่ยังเรียนรู้ และเข้าใจบริบท สำนวน หรือแม้แต่น้ำเสียงของข้อความ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความใกล้เคียงกับภาษาที่มนุษย์ใช้จริงมากที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือแปลภาษาที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเลย
แล้วควรเลือกใช้ AI แปลภาษาตัวไหนดี ? น้องเพลินเพลิน มี 3 AI ยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่นำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยแปลภาษามาแนะนำ จะน่าสนใจแค่ไหน ตามไปดูกันเลย!
ChatGPT
ChatGPT คือ AI Chatbot ยอดนิยมจากบริษัท OpenAI ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี จุดเด่นของ ChatGPT คือความสามารถในการสนทนา และเข้าใจภาษาที่ซับซ้อนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแปลที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ หรือความเป็นกันเอง เหมาะสำหรับการใช้งานแปลภาษาที่หลากหลาย ตั้งแต่การแปลอีเมลเพื่อติดต่อสื่อสาร ช่วยเรียบเรียงประโยคในบทความ ไปจนถึงช่วยคิดแคปชันสำหรับโซเชียลมีเดียเป็นภาษาต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว
Gemini
Gemini คือ AI อัจฉริยะจาก Google ที่โดดเด่นด้วยการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลมหาศาล และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์จากอินเทอร์เน็ตได้โดยตรง ทำให้การแปลภาษากับ Gemini มีความแม่นยำ และทันสมัยอยู่เสมอ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแปลข่าวสาร สรุปเนื้อหาจากบทความ หรือเว็บไซต์ภาษาต่างประเทศ หรือเมื่อต้องการข้อมูลประกอบบริบทที่ถูกต้อง และเป็นปัจจุบันที่สุด เพื่อให้เข้าใจความหมายได้อย่างลึกซึ้ง
Claude
Claude เป็น AI จากบริษัท Anthropic ที่มีจุดเด่นในเรื่องการประมวลผล และจดจำข้อความขนาดยาวได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถรักษาความต่อเนื่องของเนื้อหา และบริบทได้ตลอดการแปล เหมาะสำหรับการแปลเอกสารที่มีความยาวมาก ๆ เช่น รายงานการประชุม บทความวิชาการ หรือหนังสือทั้งเล่ม โดยที่เนื้อหาแปลยังคงความสอดคล้อง และแม่นยำ ไม่หลุดจากบริบทเดิม
ไม่ว่าจะเลือกใช้ AI ตัวไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ AI เหล่านี้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็คือ การเขียน
Prompt AI หรือคำสั่งที่เราป้อนเข้าไปนั่นเอง ยิ่งเราเขียน Prompt ได้ละเอียด และชัดเจนมากเท่าไร เช่น ระบุว่า ต้องการให้แปลเป็นภาษาทางการ หรือไม่ทางการ หรือให้คงสำนวนแบบใดไว้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งแม่นยำ และตรงใจเรามากขึ้นเท่านั้น การเรียนรู้ที่จะสั่งงาน AI ให้เก่ง จึงเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของเครื่องมือเหล่านี้ได้นั่นเอง
สรุปบทความ
การมีแอปแปลภาษาติดตัวไว้ ช่วยทลายกำแพงภาษา ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ไม่ว่าจะถามทาง สั่งอาหาร ชอปปิ้ง หรือพูดคุยกับคนท้องถิ่นก็ทำได้อย่างมั่นใจ ทั้ง 7 แอปที่แนะนำมานี้ล้วนมีจุดเด่นแตกต่างกัน ตั้งแต่แปลภาษาถ่ายรูปฟรี ไปจนถึงการแปลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการใช้ AI ช่วยแปลที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เลือกแอปที่ใช่กับสไตล์การเดินทางของคุณ แล้วออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้เลย รับรองว่าทริปไหน ๆ ก็สนุก และราบรื่นแน่นอน!