8 เหตุผลที่ Blockchain จะพลิกวงการการเงิน

8 เหตุผลที่ Blockchain จะพลิกวงการการเงิน

By Krungsri Plearn Plearn

บล็อกเชน (Blockchain) คำนี้คงเป็นที่คุ้นหูของใครหลาย ๆ คนในยุคปัจจุบัน แต่สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่า บล็อกเชน คืออะไร? เราก็จะขออธิบายคร่าว ๆ ก่อนว่าบล็อกเชน คือ รูปแบบการเก็บข้อมูลและส่งต่อแบบไม่มีคนกลาง แต่ข้อมูลที่ได้รับการปกป้องจะถูกแชร์และจัดเก็บเป็นสำเนาไว้ในเครื่องของทุกคนที่ใช้ฐานข้อมูลเดียวกันเหมือนห่วงโซ่ โดยทุกคนจะรับทราบร่วมกัน ว่าใครเป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลตัวจริง ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยค่อนข้างสูง เพราะไม่ต้องพึ่งพาคนกลางมาคอยทำหน้าที่ประสานงาน

และสำหรับคนที่รู้จักบล็อกเชนคงคุ้นเคยกับการมาคู่กันกับ Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลที่ว่ากันว่าเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกสู่อนาคตใหม่ แต่นอกจากนี้บล็อกเชนก็ได้มีการพัฒนาควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมและกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Music Streaming อุตสาหกรรมแฟชั่นที่ช่วยยืนยันสินค้าแท้ รวมไปถึงการเลือกตั้ง และยังไม่หมดเพียงแค่นี้เพราะในอนาคตบล็อกเชนจะพลิกวงการการเงินของโลกเราอีกด้วย เพราะธนาคารกลางของหลาย ๆ ประเทศต่างซื้อตัวคนเก่ง ๆ มาพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างจริงจัง แต่จะเพราะเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ธนาคารกลางของแต่ละประเทศให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมาดูกันเลย

1. เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบและระบบติดตามการโอนเงินได้มากขึ้น

อุตสาหกรรมบริการทางการเงินยังคงเผชิญกับข้อมูลขนาดใหญ่และการละเมิดความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตใต้ดินหรือส่วนที่ไม่สามารถเชื่อมถึงผู้ให้บริการโฮสติ้งได้บนอินเทอร์เน็ต (Dark Internet) ดังนั้น เทคโนโลยีบล็อกเชนจะมาช่วยบริการทางการเงิน เพื่อช่วยทำให้เครือข่ายและระบบคลาวด์มีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้นสำหรับธนาคารและลูกค้าของธนาคาร เพราะในบางครั้งการขาดความโปร่งใสในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ ซึ่งการให้รายละเอียดของการทำธุรกรรมอย่างชัดเจนจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับกระบวนการ แถมยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้มั่นคงยิ่งขึ้นตามระดับความโปร่งใสที่มีอยู่อีกด้วย

2. ลดความเสี่ยงในการปลอมแปลงบัญชี

อย่างที่เราทราบกันเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเนื่องจากมีระบบค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นถ้าหากมีใครที่ต้องการปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูล จะไม่ทราบว่าปลอมแปลงหรือแก้ไขได้ภายในข้อมูลเดียวหรือคอมพิวเตอร์เดียว แต่ต้องทำกับคอมพิวเตอร์อีกมากมายหลายเครื่องในเครือข่าย แถมยังต้องเจอกับด่านการเข้ารหัสระดับสูงอีกด้วย เพราะฉะนั้นมั่นใจแน่นอนว่าข้อมูลของคุณจะปลอดภัย แม้แต่สถานทูตอังกฤษก็ยังให้การสนับสนุนงบประมาณและทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และมหาวิทยาเกษตรศาสตร์การใช้เทคโนโลยีในบล็อกเชนการยกระดับเศรษฐกิจการค้าของไทย

3. ลดค่าใช้จ่ายของ Back Office

อย่างที่รู้กันว่า เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาช่วยนั้นจะช่วยให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการทำงานของธนาคารได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระยะเวลา หรือทรัพยากรบุคคลภายในองค์กร ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นผลดีอย่างมากกับองค์กร ไม่ใช่แค่กับองค์กรการเงินเท่านั้น ยังรวมถึงองค์กรอื่น ๆ อีกด้วย การที่ Front Office, Mid Office และ Back Office ของคู่ค้า สามารถเห็นธุรกรรมไปพร้อม ๆ กันจะช่วยลดขั้นตอน และเวลาในการดำเนินการและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมระหว่างบัญชีทั้งระหว่างฝ่ายงานในสถาบันการเงินและคู่ค้า และลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้มาก

4. ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ

เนื่องจากการแลกเปลี่ยนเงินตราหรือการโอนเงินระหว่างประเทศในรูปแบบปัจจุบันจะต้องผ่านคนกลาง และต้องใช้เวลาดำเนินการที่ค่อนข้างนานและเสียค่าใช้จ่าย การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้นั้น สามารถลดระยะเวลาในการดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังไม่ต้องผ่านคนกลาง ช่วยลดความเสี่ยงในการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี
8 เหตุผลที่ Blockchain จะพลิกวงการการเงิน

5. ทำให้ธนาคารสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่กว้างขวางขึ้น (decentralization)

เนื่องจากว่าบล็อกเชนคือคลังของเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายอำนาจ ไม่ได้กระจุกอยู่เพียงจุดเดียว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินได้มากขึ้นและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งสำหรับประเทศและพื้นที่อยู่ห่างไกลหรือประเทศที่มีปัญหาขาดแคลนทรัพยากรทางด้านนี้ ก็จะได้ผลประโยชน์กับเทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ด้วย เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แบบไม่จำกัดพื้นที่

6. สามารถทำสัญญาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ด้วย smart contract

Smart contract ถูกนำมาใช้ในโลกดิจิทัลมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ถ้าหากได้มีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น บล็อกเชนจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีเลยว่า ทุกอย่างตรงตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน smart contract หรือไม่ ถ้าหากตรงตามเงื่อนไขก็จะดำเนินการตามกำหนดแบบอัตโนมัติ แถมยังช่วยเร่งความเร็วในกระบวนการจัดการต่าง ๆ ทำให้เราไม่ต้องคอยนานเหมือนแต่ก่อน และยังมีความปลอดภัยในด้านข้อมูลของคู่สัญญาอีกด้วย

7. พัฒนา identity management การตรวจสอบข้อมูลของผู้ถือบัญชีจะง่ายขึ้น

Identity Management หรือแปลตรง ๆ เป็นภาษาไทย คือ ระบบการจัดการด้านเอกลักษณ์ หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า IdM คือระบบที่เอาไว้บริหารจัดการชื่อผู้ใช้งาน (User Name) และรหัสผ่าน (Password) ในระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อน และเมื่อ Blockchain เข้ามาช่วยในระบบตรงนี้ ผู้ใช้ (User) ก็สามารถเลือกวิธียืนยันตัวตนได้ทันที ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน ที่ในบางครั้งเราต้องมานั่งกรอกเอกสารใหม่ แถมยังต้องรอเวลาการตรวจสอบที่นานแสนนาน

8. เปิดโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่มากขึ้น

ในปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย สิงคโปร์ หรือไทยนั้น ต่างผลักดันการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วยเหลือในการสร้างนวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบาย ปลอดภัย รวดเร็วและลดต้นทุน ซึ่งในแต่ละประเทศนั้นก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องของนวัตกรรมเป็นอย่างมาก เพื่อรองรับกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ในโลกอนาคตของเรา
จะเห็นได้ว่าในอนาคตไม่เกิน 4 ปี นี้เราคงได้เห็นบล็อกเชนเข้ามามีบทบาทต่ออุตสาหกรรมการเงินมากยิ่งขึ้นและอาจเป็นหนึ่งในโครงสร้างที่สำคัญกับอุตสาหกรรมทางการเงินไม่แพ้กันกับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตที่มีความสำคัญแทบจะขาดไม่ได้ในทุกอุตสาหกรรม และบล็อกเชนอาจจะกลายเป็นเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ที่สามารถสร้างนวัตกรรมมาปฏิวัติโลกการเงินธนาคารได้ ซึ่งต้องคอยจับตาดูกันต่อไป
และอีกหนึ่งนวัตกรรมของกรุงศรีฯ ที่ต้องจับตาดูก็คือ นวัตกรรม Krungsri Blockchain Interledger ที่ร่วมมือกับ Ripple และได้รับการสนับสนุนจากมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป หรือ MUFG 1 ใน 5 กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยการนำเทคโนโลยี Blockchain’s Interledger ที่เป็นวิวัฒนาการล่าสุดที่ให้ความสำคัญในเรื่อง Privacy ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำธุรกิจ โดยทางกรุงศรีฯ ได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการโอนเงินระหว่างประเทศภายใต้กรอบ BOT Regulatory Sandbox ที่ช่วยลดระยะเวลาในการเงินระหว่างประเทศจากหลักวัน เหลือเพียงหลักวินาทีเท่านั้น! นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมการเงินทั้งของลูกค้าธนาคารและธุรกิจต้นน้ำปลายน้ำตลอดห่วงโซ่ธุรกิจซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมบล็อกเชนในอุตสาหกรรมการเงินภายในประเทศไทยที่ต้องจับตามอง
และหลังจากนี้ไม่เพียงแค่อุตสาหกรรมทางด้านการเงินเท่านั้น อุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการแพทย์ ดนตรี หรือเกษตรกรรม บล็อกเชนก็จะมาเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมแน่นอน เพราะฉะนั้นเราต้องตื่นตัวและปรับให้ทันกับเทคโนโลยีต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วบล็อกเชนนั้น ก็จะมีผลกระทบต่อโลกและตัวเราไม่มากก็น้อยแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก: techtalkthai.com ,forbes.com ,deloitte.com ,startupthailand.org ,gov.uk
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Follow us on
ลงทะเบียนรับข่าวสาร
บริการส่งข้อมูลความรู้ ให้ลูกค้าธุรกิจผ่านอีเมล์
บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทาง E-mail
  • บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์จากศูนย์วิจัยกรุงศรี
  • ผลการสำรวจดัชนีภาวะธุรกิจ SME รายไตรมาส โดยกรุงศรี
  • ข่าวสาร และกิจกรรมของธนาคาร
  • บริการทางการเงิน และโปรโมชั่นใหม่ๆ ของธนาคาร
Powered by
© 2564 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
Follow