5 เรื่องที่จะบอกเราว่า “สมัครงานที่ใหม่เถอะ”

5 เรื่องที่จะบอกเราว่า “สมัครงานที่ใหม่เถอะ”

By Krungsri Plearn Plearn
“เช้าอีกแล้วไม่อยากลุกจากที่นอนเลย”
“เมื่อไหร่จะเลิกงานเนี่ย อยากเลิกงานไว ๆ ”
ในชีวิตปกติของการทำงาน มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เกิดความรู้สึกแบบนี้ในแต่ละวัน ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนงานนี้คืองานในฝันของเรา แต่เมื่อเวลาผ่านไปงานที่ทำอาจสร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเราให้ย่ำแย่ลง ไม่ว่าเราจะทำงานในองค์กรใหญ่ หรือโฮมออฟฟิศ ก็อาจมีปัญหาเรื่องการทำงานด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า สัญญาณแบบไหนที่บอกเราว่าถึงเวลาแล้วที่จะลาออกแล้วไปสมัครงานที่ใหม่ หรือไปฮีลตัวเองให้สุขภาพจิตกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ถ้าอยากรู้ว่าจะมีเรื่องไหนบ้าง มาดูลิสต์ที่เรารวบรวมมาให้กันก่อนเลย
สุขภาพทรุดโทรม จากงานหนัก

1. สุขภาพทรุดโทรมจากงานหนัก

แน่นอนว่าสุขภาพต้องเป็นเรื่องแรกที่เราควรให้ความสนใจ และยิ่งวัยทำงานร่างกายยิ่งซ่อมแซมได้ยากจากอายุมากขึ้นทุกวัน และยิ่งต้องเจอกับการทำงานที่เครียด กดดัน และนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน ๆ ตั้งแต่เช้า กว่าจะเลิกก็ดึกดื่น อาจส่งผลเสียให้เกิดอาการป่วย เช่น อาการนิ้วล็อก, ปวดคอ บ่า ไหล่ มีอาการชาบริเวณแขนและมือจากโรค Office Syndrome ที่แย่สุดคือโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรืออาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ที่เกิดจากการทำงานหนัก ผสมกับความเครียด ทั้งหมดนี้ก็เป็นสัญญาณแล้วว่า งานที่เราทำอยู่อาจไม่เหมาะกับตัวเราแล้วคงต้องมองหาโอกาสสมัครงานใหม่ได้แล้วเพื่อให้เราได้มี Work Life Balance ได้จริง ๆ
เจอเพื่อนร่วมงาน Toxic

2. เจอเพื่อนร่วมงาน Toxic

เป็นเรื่องปกติที่การทำงานต้องพบเจอคนมากมาย ทั้งเพื่อน ๆ ในแผนก ต่างแผนก รวมถึงการทำงานกับหัวหน้า ยิ่งถ้าเจอกับปัญหาโยนงานให้เราทำฝ่ายเดียว โดนเอาเปรียบ หรือถูกพูดจาไม่ดีใส่เราทุก ๆ วันส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมแย่ลง เจอแบบนี้สุขภาพจิตเสียได้ง่าย ๆ และบางเรื่องหากเราพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด อาจพาให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลง โดนกลั่นแกล้งในเรื่องของการทำงานได้ง่าย ๆ หากใครเจอสถานการณ์แบบนี้ ควรรีบปรึกษากับ HR ของบริษัท หรือผู้ใหญ่ในทีม เพื่อขอคำปรึกษาในการทำงานว่าต้องรับมือในสถานการณ์แบบนี้ยังไง แต่ถ้าที่สุดแล้วก็ยังโดนพฤติกรรม Toxic รังควานไม่จบคงต้องเลือกทางออกสุดท้าย คือการสมัครงานใหม่ เพื่อใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่าจมอยู่กับบรรยากาศที่เป็นมลพิษแบบนี้
งานที่ทำไม่ช่วยเพิ่มสกิล ความรู้

3. งานที่ทำไม่ช่วยเพิ่มสกิลความรู้

ในโลกของการทำงานทุกวันนี้มีอาชีพ และสายงานเกิดใหม่แทบจะทุกวัน หากว่าเราทำงานในสายอาชีพเดิมมาสักพัก งานเริ่มจำเจ ทำงานลักษณะเดิมซ้ำ ๆ อาจทำให้คุณพลาดได้รู้จักกับสกิล หรือความรู้ในการทำงานใหม่ ๆ เมื่อเห็นแล้วว่างานที่ทำอยู่ไม่ได้ตอบโจทย์สิ่งที่ตลาดการทำงานต้องการ อย่าปล่อยให้โอกาสเราหมดลงไปเฉย ๆ รีบหาบริษัทใหม่ งานใหม่ที่ให้เราได้เพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง ได้เรียนรู้สกิลการทำงานใหม่ ๆ ตัวอย่าง ถ้าเราทำงานเกี่ยวกับการขาย หรือการตลาด หากอยากเติบโตในบริษัทใหญ่ ๆ การรู้จักเครื่องมือ CRM เช่น Salesforce หรือ HubSpot เป็นต้น เพียงแค่มีสกิลความรู้ในการทำงานเพิ่มขึ้น ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการสมัครงานมากกว่าคนอื่น ๆ แล้ว
เงินเดือน ไม่คุ้มกับชีวิตที่ต้องเสีย

4. เงินเดือนไม่คุ้มกับชีวิตที่ต้องเสีย

งานหนักก็ต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ยิ่งตอนนี้ที่บ้านเราต้องเจอกับสภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ทุกอย่างรอบตัวราคาแพงขึ้น แต่ถ้าเงินเดือนของเรายังอยู่ที่เดิม ไม่ได้เพิ่ม คงใช้ชีวิตอยู่ลำบาก หรือบางคนอาจเจอกับงานที่ต้องเผชิญกับความเครียดอยู่ทุกวัน ให้ลองคิดว่างานที่ต้องรับผิดชอบทุกวันนี้ กับเงินเดือนที่ได้มันคุ้มกันหรือไม่ ถ้าเราต้องเสียสละบางอย่าง เช่น มีเวลาให้ตัวเอง หรือครอบครัวน้อยลง หรือต้องทำงานล่วงเวลาในวันพักผ่อน ถ้าเราได้ผลตอบแทนเยอะ ชนิดที่ว่าการเสียสละมันคุ้มค่า งานนี้อาจทำให้เราสร้างฐานะที่ดีได้ แต่ถ้าคิดว่างานที่ต้องทำ ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เราสูญเสียไปเลย ช่วงต้นปีแบบนี้ ลองสมัครงานใหม่เพื่ออัพเงินเดือนก็เป็นทางออกที่ดีนะ เพราะหลายบริษัทมักเปิดรับพนักงานใหม่ แถว ๆ ช่วงเวลาแบบนี้เยอะเลย
หมดไฟ หมดใจ ในการทำงาน

5. หมดไฟ หมดใจ ในการทำงาน

ถึงแม้ว่าบริษัทที่ทำอยู่จะดีแค่ไหน ได้เงินเดือนที่น่าพอใจ หรือเจอเพื่อนร่วมงานนิสัยดี แต่การหมดไฟ และหมดใจเกิดขึ้นได้เสมอ และนั่นอาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนอยากลาออก เพราะหมด Passion เหตุผลของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป เช่น เบื่อการ WFH นาน ๆ หรือเบื่อที่ต้องประชุมตลอดทั้งวัน หรือแค่อยากลาออกไปทำตามความฝันในวัยเด็ก สารพัดเหตุผลล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เราหมดไฟ และหมดใจในการทำงานได้ทั้งนั้น ถ้าลองปรับการทำงานแล้วยังไงมันก็ยังไม่มีใจที่จะทำงานต่อไป ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองสมัครงานใหม่ เพื่อปลุกไฟ ฟื้นพลังใจในการทำงานกลับมาอีกครั้ง
ถ้าวันนี้เราตัดสินใจจะออกจากงานที่ทำแล้ว สิ่งสำคัญคือการมองหาทางออกของเรื่องนี้คือการเตรียมสมัครงานที่ใหม่ เราอาจใช้วิธีสมัครงานออนไลน์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น LinkedIn, เว็บไซต์สมัครงาน JobDB, JOBTOPGUN หรือการมองหาในโพสต์รับสมัครงานใน Facebook Group ต่าง ๆ เป็นต้น และเรื่องเกี่ยวกับการเงินที่ต้องจัดการก่อนลาออก เช่น เอกสารการยื่นภาษี จากทางบริษัทเก่า หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่ต้องจัดการหากว่าเราต้องลาออกจริง ๆ เพื่อให้การลาออกจากงานเก่าได้อย่างหมดห่วง และเตรียมตัวสมัครงานใหม่ได้อย่างสบายใจที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา