เซฟภาษีด้วยกองทุน Thai ESG หรือ SSF RMF แบบไหนคุ้มสุด
รอบรู้เรื่องภาษี
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เซฟภาษีด้วยกองทุน Thai ESG หรือ SSF RMF แบบไหนคุ้มสุด

icon-access-time Posted On 25 ธันวาคม 2566
by Krungsri The COACH
ใกล้สิ้นปี 2566 แล้วเตรียมวางแผนลดหย่อนภาษีกันหรือยัง? วิธีลดหย่อนภาษีที่นิยมมากที่สุด คือ การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี เพราะได้ประโยชน์ 2 ต่อ ทั้งลดหย่อนภาษีได้แถมเพิ่มโอกาสสร้างกำไรให้เงินงอกเงย วันนี้เรามัดรวม 3 ตัวเลือก น่าสนใจ ได้แก่ กองทุน SSF, RMF และ Thai ESG มาให้เลือกสรรตามความเหมาะสมของแต่ละคน
 
วิธีลดหย่อนภาษี 2566
 

“กองทุน Thai ESG” คืออะไร?

กองทุน Thai ESG คือ กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund เป็นกองทุนรวมที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมจากกองทุน SSF และ RMF

โดยกองทุนจะเปิดขายครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของมาตรการภาษีใหม่นี้เพื่อช่วยให้การลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้มีเงินออมมีทางเลือกในการออมและการลงทุนระยะยาว อีกทั้งยังช่วยให้กิจการของไทยให้ความสำคัญต่อเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย โดยเริ่มซื้อกองทุน ThaiESG ได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 และใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีปี 2566 ได้หากซื้อกองทุนดังกล่าวภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ภายในเวลาทำการของกองทุน

กองทุน Thai ESG นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อะไรได้บ้าง?

  1. หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET ว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน ตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance)
  2. หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  3. ตราสารหนี้ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเสนอขายตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน
  4. โทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืนที่มีมาตรฐานในทำนองเดียวกันกับตราสารหนี้

เปรียบเทียบความแตกต่าง กองทุน SSF vs RMF vs ThaiESG

ลดหย่อนภาษี 2566 ด้วยการลงทุน
 

1. สัดส่วนเงินลงทุนซื้อ และจำนวนสูงสุดเพื่อลดหย่อนภาษี 2566

  • Thai ESG : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 100,000 บาท
  • SSF : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  • RMF : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
 

2. ระยะเวลาการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษี 2566

  • Thai ESG : ถือลงทุน 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
  • SSF : ถือลงทุน 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
  • RMF : ต้องถือจนถึงอายุ 55 ปี และครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปีหรือปีเว้นปี
 

3. เงื่อนไขการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี 2566

  • Thai ESG : ไม่กำหนดเงินลงทุน ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
  • SSF : ไม่กำหนดเงินลงทุน ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
  • RMF : ไม่กำหนดเงินลงทุน แต่เมื่อซื้อแล้วต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรือปีเว้นปี
 

4. สินทรัพย์ที่ลงทุนได้

  • Thai ESG : หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
  • SSF และ RMF : ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
 

5. ปีที่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

  • Thai ESG : ปี 2566 ถึงปี 2575
  • SSF : ปี 2563 ถึงปี 2567
  • RMF : ไม่กำหนด
 
  Thai ESG SSF RMF
สัดส่วนสูงสุดที่ลดหย่อนได้ ไม่เกิน 30% ของรายได้ ไม่เกิน 30% ของรายได้ ไม่เกิน 30% ของรายได้
จำนวนสูงสุดที่ลดหย่อนได้ 100,000 200,000 และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท 500,000 และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ระยะเวลาการลงทุน ไม่น้อยกว่า 8 ปี ไม่น้อยกว่า 10 ปี ไม่น้อยกว่า 5 ปี และขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
เงื่อนไขการซื้อ ไม่กำหนดเงินลงทุน ไม่กำหนดเงินลงทุน ไม่กำหนดเงินลงทุน แต่เมื่อซื้อแล้วต้องซื้อต่อเนื่องทุกปีหรือปีเว้นปี
สินทรัพย์ที่ลงทุน หุ้นและตราสารหนี้ได้
“SET ESG Rating”
สินทรัพย์ทุกประเภท สินทรัพย์ทุกประเภท
ปีที่สามารถใช้สิทธิได้ 2566-2575 2563-2567 2563 เป็นต้นไป
ลงทุนกองทุนไทยช่วยลดหย่อนภาษี 2566
 
กองทุนลดหย่อนภาษี SSF, RMF หรือ TESG เลือกกองทุนไหนดี
 

อัปเดตรายชื่อกองทุนทั้งของ SSF, RMF และ Thai ESG ที่น่าซื้อ

1. KFAFIXSSF กองทุนกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้-เพื่อการออม

  • นโยบายการลงทุน : กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางคุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศ
  • วัตถุประสงค์การลงทุน : เพื่อการออม โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง : ระดับ 4 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)
รายละเอียดเพิ่มเติม
 

2. KFGBRANSSF กรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ปันผลเพื่อการออม

  • นโยบายการลงทุน : ลงทุนในหุ้นแบรนด์เด่นของบริษัทชั้นนำทั่วโลก ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ Morgan Stanley investment fund-Global Brands fund (Class Z) (กองทุนหลัก)
  • วัตถุประสงค์การลงทุน : เพื่อการออม โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก (Passive Management)
  • ระดับความเสี่ยง : ระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
รายละเอียดเพิ่มเติม
 

3. PRINCIPAL VNEQRMF พรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ

  • นโยบายการลงทุน : ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีพื้นฐานดี และมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว
  • วัตถุประสงค์การลงทุน : เพื่อการเกษียณอายุ โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง : ระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
รายละเอียดเพิ่มเติม
 

4. KFTHAIESG กรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ทไทยเพื่อความยั่งยืน

  • นโยบายการลงทุน : ลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนจากองค์กรหรือสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ
  • วัตถุประสงค์การลงทุน : เพื่อการออม โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
  • ระดับความเสี่ยง : ระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
รายละเอียดเพิ่มเติม

ก่อนอื่นเลยในการลดหย่อนภาษี หลัก ๆ คือ เราต้องรู้จักเลือกให้ซื้อตามความเหมาะสมกับความต้องการและความจำเป็นของตัวเอง ดูจากสภาพคล่องทางการเงิน โดยหากเรามีเงินจำกัดเราควรเลือกจากเป้าหมายการลงทุนเป็นอันดับแรกหากเป้าหมายในการลงทุนของเราคือ เน้นการออมเงินระยะยาวประมาณ 10 ปี ควรเลือกลงทุนใน ThaiESG และ SSF เพราะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อครบ 8 ปี หรือ 10 ปี

โดยไม่ต้องรอจนอายุถึง 55 ปี เหมือน RMF แต่ถ้าเรามีเป้าหมายเพื่อเตรียมเงินสำหรับการเกษียณอายุ ควรเลือก RMF เพราะนอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีแล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการทยอยเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ เนื่องจากเป็นการลงทุนต่อเนื่องทุกปี (หรือปีเว้นปี) เพราะการลงทุนตั้งแต่อายุน้อย ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้เงินงอกเงยในระยะยาว แต่ถ้าเรามีอายุ 50 ปีขึ้นไปการเลือกลงทุนในกองทุน RMF จะใช้ระยะเวลาในการลงทุนที่สั้นกว่า เพียง 5 ปีก็สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ ไม่ต้องถือจนครบกำหนด 8 หรือ 10 ปีเหมือน ThaiESG และ SSF นอกจากนี้อยากให้คำนึงถึงระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่รับได้ควบคู่ไปด้วย ถ้าเราเป็นนักลงทุนระดับความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง แนะนำกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลางในสัดส่วนที่สูง เช่น พันธบัตร เงินฝาก หรือตราสารหนี้ เป็นต้น
 
ลดหย่อนภาษี 2566 ด้วยการลงทุนในกองทุน TESG

ถ้าเราเป็นนักลงทุนระดับความเสี่ยงสูง สามารถเลือกลงทุนได้ทั้ง SSF หรือ RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่สูงขึ้นได้ เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือทองคำ เป็นต้น

ทั้งนี้ ควรศึกษาข้อมูล เงื่อนไข และผลการดำเนินงานของแต่ละกองทุนให้เข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อ รวมทั้งติดตามปรับพอร์ตการลงทุนของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุนที่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตามแต่ละช่วงเวลา

คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • SSF เป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการออม
  • RMF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการลงทุนระยะยาวเพื่อเกษียณอายุ
  • กองทุน Thai ESG เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาว และสนับสนุนการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
  • ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
  • กองทุน KFGBRANSSF และ PRINCIPAL VNEQRMF มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา