วิธีคำนวณภาษีขั้นบันได 2568
รอบรู้เรื่องภาษี
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

วิธีคำนวณภาษีขั้นบันได 2568 พร้อมแผนรับมือเมื่อรายได้สูงขึ้น

icon-access-time Posted On 07 สิงหาคม 2568
By Krungsri The COACH
หลายคนอาจคิดว่า “เงินเดือนออกก็โดนหักภาษีไปแล้วนี่ ทำไมต้องรู้วิธีคำนวณภาษีขั้นบันไดด้วยนะ ?” จริงอยู่ว่าบริษัทหักภาษีของเราไปแล้ว แต่ถ้าเรารู้หลักการคำนวณไว้บ้าง เราจะสามารถตรวจสอบได้ว่าตัวเลขในใบหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ถูกต้องหรือไม่ ไม่ต้องนั่ง งง ตอนปลายปี หรือ เจอเซอร์ไพรส์ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มก้อนใหญ่

Krungsri The COACH จะพาไปดูวิธีคำนวณภาษีขั้นบันไดแบบง่าย ๆ ยิ่งเงินเดือนสูงขึ้น ฐานภาษีก็จะสูงตามไปด้วย เสมือนการเดินขึ้นบันไดไปแต่ละขั้น พร้อมวิธีรับมือเมื่อมีรายได้ที่สูงขึ้นลดหย่อนภาษีได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ทุกคนเห็นภาพมากขึ้นว่าในแต่ละปีเราต้องเสียภาษีเท่าไร และวางแผนลดหย่อนภาษีได้ดียิ่งขึ้น

วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีกี่แบบ ?

กรมสรรพากรได้กำหนดวิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้ 2 รูปแบบ คือ วิธีคำนวณภาษีขั้นบันได และวิธีคำนวณภาษีแบบเหมาจ่าย ซึ่งทั้ง 2 วิธีมีสูตรการคำนวณที่แตกต่างกัน เพื่อให้สอดคล้องกับที่มาของรายได้ที่ต่างกัน
 

วิธีที่ 1 การคำนวณภาษีแบบเหมาจ่าย

เป็นวิธีคำนวณภาษีสำหรับคนที่มีรายได้จากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินเดือน เช่น รายได้จากงานฟรีแลนซ์ ค่าเช่า ค่าขายลิขสิทธิ์ หรือรายได้จากวิชาชีพอิสระ และเมื่อรวมกันแล้วจะต้องเกิน 1,000,000 บาทขึ้นไป โดยจะคำนวณในอัตราร้อยละ 0.5 ของเงินได้ทั้งหมดที่ไม่ใช่เงินเดือน
  • สูตรคำนวณ : (รายได้ทุกประเภทยกเว้นเงินเดือน) x 0.005 = ภาษีที่ต้องชำระ

อย่างไรก็ตาม ถ้าคำนวณแล้วได้ค่าภาษีไม่เกิน 5,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษีในส่วนนี้
 

วิธีที่ 2 การคำนวณภาษีแบบขั้นบันได

เป็นวิธีคำนวณภาษีขั้นพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน หรือผู้มีรายได้จากการจ้างงานเป็นหลัก โดยเราจะนำ “เงินได้สุทธิ” (รายได้ทั้งหมด หลักหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน) มาคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กำหนดเป็นขั้นบันได ยิ่งเรามีเงินได้สุทธิสูงเท่าไร อัตราภาษีที่ต้องเสียก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

เลือกคำนวณภาษีด้วยวิธีไหนดี ?

มาถึงคำถามสำคัญว่า แล้วเราควรเลือกคำนวณภาษีด้วยวิธีไหนดี ? คำตอบคือ เราไม่สามารถเลือกได้ แต่ต้องดูตามประเภทของรายได้ที่มีเป็นหลัก โดยมีหลักเกณฑ์ง่าย ๆ คือ สำหรับผู้มีรายได้ประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินเดือนเกิน 1 ล้านบาท กฎหมายกำหนดให้คุณต้องคำนวณภาษีทั้ง 2 วิธี แล้วนำยอดภาษีที่คำนวณได้มาเปรียบเทียบกัน โดยให้ชำระภาษีจากวิธีที่คำนวณได้ยอดสูงกว่า

ส่วนผู้ที่มีเงินเดือนเพียงอย่างเดียว หรือมีรายได้อื่น ๆ ไม่ถึงเกณฑ์ ก็ให้ใช้วิธีที่ 2 คือการคำนวณภาษีแบบขั้นบันไดเพียงวิธีเดียว กล่าวโดยสรุปคือ การคำนวณแบบเหมาจ่าย 0.5% มีไว้เพื่อเป็นฐานภาษีขั้นต่ำสำหรับผู้มีรายได้สูงจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินเดือน เพื่อให้การเสียภาษีเป็นไปอย่างเป็นธรรม และครอบคลุมนั่นเอง
 
ขั้นตอนคำนวณภาษีขั้นบันได 2568

5 ขั้นตอนคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได

สำหรับชาวออฟฟิศที่อยากเข้าใจการคำนวณภาษีเงินได้แบบขั้นบันไดให้มากขึ้น Krungsri The COACH ได้สรุป 5 ขั้นตอนคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได มาให้แล้ว ลองทำตามไปทีละสเต็ป รับรองว่าคุณจะเห็นภาพชัดขึ้นทันทีว่าต้องเสียภาษีเท่าไหร่ และมีเงินเหลือในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้ยังไง
 

ขั้นตอนที่ 1 : สรุปรายได้ตลอดทั้งปีของตัวเอง

ให้คุณรวบรวมรายได้ทุกประเภทที่ได้รับตลอดทั้งปีภาษีที่ต้องจ่าย เช่น ถ้าต้องยื่นภาษีปี 2568 ให้รวบรวมรายได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 - 31 ธันวาคม 2568 ให้เรียบร้อย และต้องตรวจสอบเอกสารแสดงรายได้อย่างใบ 50 ทวิ หรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้ถูกต้องด้วย
 

ตัวอย่างรายได้ที่ต้องเสียภาษี

  • เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง และโบนัส
  • เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ให้
  • รายได้จากงานฟรีแลนซ์ หรือวิชาชีพอิสระ
  • เงินได้จากทรัพย์สิน เช่น ค่าเช่าบ้าน
  • เงินได้จากการลงทุน เช่น เงินปันผล (สามารถเลือกยื่น หรือไม่ยื่นรวมก็ได้)
 

ขั้นตอนที่ 2 : เช็กรายการลดหย่อนภาษีที่ตัวเองมี

หลังจากทราบรายได้ทั้งหมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปให้รวบรวมรายการลดหย่อนภาษีที่ตนเองมีทั้งหมด เพื่อนำไปหักลบกับเงินได้ ซึ่งจะช่วยให้เงินได้สุทธิของเราลดลง และเสียภาษีน้อยลงตามไปด้วย
 

ตัวอย่างรายการลดหย่อนภาษี 2568

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส (ที่ไม่มีเงินได้) 60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 - 60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนบิดามารดา (ที่อายุเกิน 60 ปี) คนละ 30,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
  • ค่าฝากครรภ์ และทำคลอด จ่ายตามจริงไม่เกินท้องละ 60,000 บาท
  • เงินสมทบกองทุนประกันสังคม ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท
  • เบี้ยประกันชีวิต และประกันสะสมทรัพย์ ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาท
  • เบี้ยประกันสุขภาพของตัวเอง ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าซื้อกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ Thai ESGX ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนจากการสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไปที่ Thai ESGX ไม่เกิน 500,000 บาท โดยในปี 2568 จะลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท และส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งไปลดหย่อนในปีถัด ๆ ไป ปีละ 50,000 บาท
  • ค่าลดหย่อน Easy E-Receipt 2.0 (2568) จ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท
 

ขั้นตอนที่ 3 : คำนวณเงินได้สุทธิของตัวเอง

ให้นำตัวแรกจากข้อแรกมาเข้าสูตรคำนวณ เพื่อหา “เงินได้สุทธิ” ซึ่งเป็นฐานที่แท้จริงในการคำนวณภาษี
  • สูตรคำนวณ : เงินได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
  • หมายเหตุ : สำหรับผู้มีเงินได้ประเภทเงินเดือน สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
 

ขั้นตอนที่ 4 : เช็กขั้นบันไดภาษีของตัวเอง

เมื่อได้จำนวนเงินได้สุทธิแล้ว ให้นำตัวเลขดังกล่าวไปเทียบกับตารางอัตราภาษีขั้นบันได เพื่อดูว่าเงินได้ของเราตกอยู่ในขั้นไหน และจะต้องเสียภาษีในอัตราเท่าไรบ้าง
 

ตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได ปี 2568

 
เงินได้สุทธิตั้งแต่ เงินได้สุทธิจำนวนสูงสุดของขั้น อัตราภาษี ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้นเงินได้ ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น
0 - 150,000 บาท 150,000 บาท 5 ยกเว้น* 0 บาท
เกิน 150,000 - 300,000 บาท 150,000 บาท 5 7,500 บาท  7,500 บาท
เกิน 300,000 - 500,000 บาท 200,000 บาท 10 20,000 บาท 27,500 บาท
เกิน 500,000 - 750,000 บาท  250,000 บาท 15 37,500 บาท 65,000 บาท
เกิน 750,000 - 1,000,000 บาท  250,000 บาท 20 50,000 บาท 115,000 บาท
เกิน 1,000,000 - 2,000,000 บาท  1,000,000 บาท 25 250,000 บาท 365,000 บาท
เกิน 2,000,000 - 5,000,000 บาท 3,000,000 บาท  30 900,000 บาท 1,265,000 บาท
เกิน 5,000,000 บาท ขึ้นไป    35    

5. คำนวณภาษีขั้นบันไดของตัวเองได้เลย

ขั้นตอนสุดท้ายคือ การคำนวณจำนวนภาษีที่ต้องชำระจริง โดยนำเงินได้สุทธิในแต่ละขั้นมาคูณกับอัตราภาษีของขั้นบันไดนั้น ๆ แล้วนำผลลัพธ์ของทุกขั้นมารวมกัน

ตัวอย่าง : นาย A มีเงินเดือน 50,000 บาท/เดือน (รายได้ทั้งปี 600,000 บาท) มีค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และประกันสังคม 9,000 บาท สามารถคำนวณภาษีแบบอัตราขั้นบันไดได้ดังนี้
  1. เงินได้ทั้งปี : 600,000 บาท
  2. หักค่าใช้จ่าย : 100,000 บาท (50% ของ 600,000 คือ 300,000 แต่หักได้สูงสุด 100,000)
  3. หักค่าลดหย่อน : 60,000 (ส่วนตัว) + 9,000 (ประกันสังคม) = 69,000 บาท
  4. เงินได้สุทธิ : 600,000 - 100,000 - 69,000 = 431,000 บาท
  5. คำนวณภาษี :
    • ขั้นที่ 1 (0 - 150,000) : ได้รับการยกเว้น = 0 บาท
    • ขั้นที่ 2 (150,001 - 300,000) : (300,000 - 150,000) x 5% = 7,500 บาท
    • ขั้นที่ 3 (300,001 - 500,000) : (431,000 - 300,000) x 10% = 13,100 บาท
    • รวมภาษีที่ต้องชำระ : 0 + 7,500 + 13,100 = 20,600 บาท
เงินเดือนเท่านี้ เสียภาษีเท่าไหร่

เงินเดือนเท่านี้ ต้องเสียภาษีเท่าไร ?

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราได้คำนวณภาษีเบื้องต้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนในแต่ฐานเงินเดือนมาให้แล้ว โดยจะมีการหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และลดหย่อนภาษีพื้นฐาน (ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และประกันสังคม 9,000 บาท) ไปแล้ว ได้จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายดังนี้
 
ฐานเงินเดือน (บาท) รายได้ต่อปี (บาท) เงินได้สุทธิ (บาท) ภาษีที่ต้องจ่าย (บาท)
15,000 180,000 11,000 ยกเว้นภาษี
20,000 240,000 71,000 ยกเว้นภาษี
30,000 360,000 191,000 2,050
40,000 480,000 311,000 8,600
50,000 600,000 431,000 20,600
60,000 720,000 551,000 35,150
70,000 840,000 671,000 51,650
80,000 960,000 791,000 75,700
90,000 1,080,000 911,000 100,700
100,000 1,200,000 1,031,000 125,700
หมายเหตุ : จำนวนภาษีที่ต้องชำระจริงอาจน้อยลง หากคุณมีสิทธิลดหย่อนภาษีอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าลดหย่อนบุตร/บิดามารดา, เบี้ยประกัน, กองทุน SSF/RMF, หรือดอกเบี้ยบ้าน เป็นต้น

FAQs รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคำนวณภาษีขั้นบันได

นอกจากวิธีคำนวณภาษีแบบขั้นไดแล้ว เรายังได้รวมคำถามที่คนส่วนใหญ่สงสัยเกี่ยวกับการคำนวณภาษีเงินได้แบบขั้นบันได พร้อมคำตอบมาให้ด้วย
 

ใครบ้างที่ต้องยื่นภาษี ?

ผู้มีเงินได้ทุกคนมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี หากมีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าจะเสียภาษี หรือไม่เสียภาษีก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น
  • คนโสดที่มีรายได้เป็นเงินเดือน ตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาทต่อปี ส่วนคนที่สมรสแล้ว จะต้องมีรายได้ที่เป็นเงินเดือน ตั้งแต่ 18,333 บาท ต่อเดือน หรือ 220,000 บาทต่อปี
  • คนโสดที่มีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน ตั้งแต่ 5,000 บาทต่อเดือน หรือ 60,000 บาทต่อปี ส่วนคนที่สมรสแล้ว จะต้องมีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน ตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาทต่อปี
 

บุคคลธรรมดาต้องยื่นแบบภาษีเมื่อไร ?

โดยปกติแล้ว การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91) สำหรับปีภาษี 2568 จะต้องยื่นภายในวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม พ.ศ. 2569 ซึ่งการยื่นผ่านช่องทางออนไลน์ อาจได้รับการขยายเวลาออกไปอีก
 

สามารถยื่นภาษีออนไลน์ 2568 ได้ที่ไหน ?

สามารถยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ E-Filing ของกรมสรรพากรได้เลย มีข้อดีตรงที่สะดวก รวดเร็ว และสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย
 

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับยื่นภาษี มีอะไรบ้าง ?

ก่อนยื่นภาษี ควรเตรียมเอกสารสำคัญเหล่านี้ให้พร้อม เพื่อความรวดเร็ว และถูกต้องในการกรอกข้อมูล
  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
  • เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี เช่น ใบรับรองการซื้อหน่วยลงทุน SSF/RMF/Thai ESG, หนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกัน, ใบเสร็จรับเงินบริจาค
  • เอกสารเกี่ยวกับรายได้อื่น ๆ (ถ้ามี)
 
วิธีรับมือภาษีขั้นบันไดเมื่อมีรายได้สูงขึ้น

Krungsri The COACH แนะนำ : ทริควางแผนจัดการภาษี พร้อมรับมือเมื่อรายได้สูงขึ้น

เมื่อรายได้สูงขึ้น สิ่งที่ตามมาคือฐานภาษีขั้นบันไดที่สูงขึ้นด้วย กลยุทธ์ที่สำคัญคือการตรวจสอบว่า “เงินได้สุทธิ” ของเราอยู่ใกล้เพดานของขั้นภาษีใดหรือไม่ เช่น หากเงินได้สุทธิของคุณอยู่ที่ 510,000 บาท นั่นหมายความว่ามีเงิน 10,000 บาทที่ถูกนำไปคำนวณในอัตราภาษี 15% แทนที่จะเป็น 10%

หากคุณสามารถหาค่าลดหย่อนเพิ่มอีกเพียง 10,001 บาท (เช่น ซื้อกองทุน SSF, RMF หรือ Thai ESG) เพื่อดึงเงินได้สุทธิให้กลับลงมาต่ำกว่า 500,000 บาทได้ จะช่วยให้ประหยัดภาษีได้มาก ดังนั้นการวางแผนซื้อผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษีโดยอิงจากขั้นบันไดของตัวเอง จึงเป็นวิธีรับมือภาษีเมื่อรายได้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี หรืออยากได้ผู้ช่วยวางแผนภาษีอย่างยั่งยืน สามารถติดต่อทีมที่ปรึกษาด้านการลงทุน ผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น.- 17.00 น. หรือกรอกฟอร์มให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้เลย

การทำความเข้าใจวิธีคำนวณภาษีขั้นบันได ถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารการเงินส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมภาระภาษีของตนเอง และสามารถวางแผนเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่ เมื่อรายได้ของคุณเพิ่มขึ้น การวางแผนภาษีล่วงหน้าจะยิ่งทวีความสำคัญ และเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน


อ้างอิง
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา