ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Thai ESGX
รอบรู้เรื่องภาษี
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

5 ข้อควรรู้ ก่อนสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไป กองทุน Thai ESGX

icon-access-time Posted On 04 เมษายน 2568
By ปริตา ธิติปรีชาพล
ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ การตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) ขึ้นมา โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รองรับเงินลงทุนใหม่ และการสับเปลี่ยนมาจาก LTF สำหรับผู้ที่กำลังถือกองทุน LTF อยู่ตอนนี้ คงมีคำถามในใจว่าควรทำอย่างไรดี? วันนี้ Krungsri The COACH เรามี 5 ข้อควรรู้ ก่อนสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไป กองทุน Thai ESGX

1. กองทุน Thai ESGX คืออะไร?

กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund : Thai ESGX) เป็นกองทุนที่ลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV เช่นเดียวกับ Thai ESG เดิม แต่มีกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า ต้องลงทุนหุ้นกลุ่มความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV

กองทุน Thai ESGX เป็นกองทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยสำหรับในปี 2568 จะเปิดให้ลงทุนระยะเวลา 2 เดือนเท่านั้น คาดว่าจะเป็นช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 และจะกลับมาเปิดให้ลงทุนได้อีกครั้งในปี 2569 ในวงเงินลดหย่อนเดียวกับ Thai ESG

2. กองทุน Thai ESGX แตกต่างจาก Thai ESG ปกติอย่างไร?

สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ Thai ESGX มีข้อกำหนดเพิ่มเติมที่เข้มงวดมากขึ้น โดยจะต้องลงทุนในหุ้นยั่งยืนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV และหุ้นเหล่านี้ต้องเป็นหุ้นของบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ด้านความยั่งยืนเท่านั้น

ในขณะที่ Thai ESG ปกติไม่ได้กำหนดว่า ต้องลงทุนในตราสาร หรือหลักทรัพย์ประเภทใดโดยเฉพาะ แต่เพียงแค่กำหนดให้ตราสาร หรือหลักทรัพย์ที่ลงทุน จะต้องผ่านเกณฑ์ด้านความยั่งยืนอย่างน้อย 80% ของ NAV เท่านั้น

สำหรับเงินลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น เงินสด หรือหลักทรัพย์ต่างประเทศ Thai ESGX จะสามารถจัดสรรได้ไม่เกิน 20% ของ NAV เท่านั้น ซึ่งทำให้กองทุนนี้มีความเข้มข้นในการลงทุนหุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนมากกว่า Thai ESG ทั่วไปนั่นเอง
 
สิทธิลดหย่อนภาษี TESGX

3. กองทุน Thai ESGX ให้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างไร?

กองทุน Thai ESGX แบ่งวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 2 ส่วน คือ
 

ส่วนที่ 1 วงเงินลดหย่อนสำหรับเงิน LTF เก่า

ณ วันที่ ครม. มีมติอนุมัติ (11 มี.ค. 68) เปิดให้ผู้ที่ถือกองทุน LTF อยู่ในปัจจุบันสามารถสับเปลี่ยนมาที่กองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีรวม 5 ปี สูงสุด 500,000 บาท โดยที่

ปีที่ 1 (2568) : รับสิทธิ์ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท
ปีที่ 2 – 5 : รับสิทธิ์ลดหย่อนสูงสุดปีละ 50,000 บาท
 

ส่วนที่ 2 วงเงินลดหย่อนสำหรับเงินลงทุนใหม่ ปี 2568

สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท (ถือเป็นวงเงินใหม่ ไม่นำไปนับรวมกับกองทุน Thai ESG)

ส่วนในปีถัด ๆ ไป สิทธิลดหย่อนภาษีที่จะได้รับจาก Thai ESGX จากวงเงินลงทุนใหม่ จะถูกนำมารวมกับ สิทธิลดหย่อนภาษีในกองทุน Thai ESG ซึ่งสามารถใช้ลดภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และต้องไม่เกิน 300,000 บาท ในปี 2567 – 2569 หรือไม่เกิน 100,000 บาท ในปี 2570 - 2572 ตามตารางด้านล่าง
 
ปี 2568 2569 2570 2571 2572
เงินลงทุนสูงสุด Thai ESG 300,000 300,000 100,000 100,000 100,000
Thai ESGX (เงินใหม่) 300,000
Thai ESGX
(เงิน LTF เก่า)
ไม่กำหนดเพดานสูงสุด - - - -
RMF 500,000 500,000 500,000 500,000 500,000
รวมเงินลงทุน 1,100,000 บาท
(ไม่รวมเงินที่สับเปลี่ยนมาจาก LTF)
800,000 600,000 600,000 600,000
วงเงินสูงสุดในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี Thai ESG 300,000 300,000 100,000 100,000 100,000
Thai ESGX - เงินใหม่ 300,000
Thai ESGX -
 เงิน LTF เก่า
300,000 50,000 50,000 50,000 50,000
RMF 500,000 500,000 500,000 500,000 500,000
รวมเงินลงทุน 1,400,000 850,000 650,000 650,000 650,000
หมายเหตุ: การใช้สิทธิได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุนจริง แต่ไม่เกินกำหนด ตัวเลขในตารางนี้เป็นตัวเลขสูงสุดที่ใช้สิทธิได้

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกอลทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
 
กองทุน Thai ESGX เงื่อนไข

4. เงื่อนไขการสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไปกองทุน Thai ESGX มีอะไรบ้าง?

หากต้องการรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากวงเงิน LTF เดิม มีเงื่อนไขสำคัญที่ผู้ลงทุนควรทราบ ดังนี้

3.1. สิทธิ์ลดหย่อนภาษีนี้ สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ไม่ขายคืน และไม่สับเปลี่ยน LTF ไม่ว่าจะเป็นการสับเปลี่ยนไปยัง LTF อื่น ทั้งภายใต้ บลจ. เดียวกัน หรือข้าม บลจ. รวมถึงการสับเปลี่ยนไปยังกองทุนประเภทอื่น ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 68 เป็นต้นไป

3.2. ถ้าหากต้องการเปลี่ยนกองทุน LTF ไปเป็นกองทุน Thai ESGX ต้องโอนหน่วยลงทุนที่มีใน LTF ทุกกองทุน ทุกบลจ. (ยกเว้นหน่วยใน class SSF) ณ วันที่ 11 มี.ค. 68 ไปยังกองทุน Thai ESGX

5. ถ้าลงทุนกองทุน Thai ESGX ต้องถือครองนานเท่าไร?

ระยะเวลาการถือครองจะต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแบบวันชนวัน กรณีสับเปลี่ยนไปมากกว่า 500,000 บาท เงินลงทุนส่วนที่เกิน 500,000 บาท ก็จะต้องถือครองตามเงื่อนไขข้างต้นเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ถือกองทุน LTF อยู่แล้ว เรามี 3 ตัวอย่างทางเลือกมาแนะนำ

ทางเลือกที่ 1 ถือลงทุนกองทุน LTF ต่อไป

เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการลดหย่อนภาษีอีก หรือมีอายุเกิน 60 ปี และไม่มีรายได้จากการทำงานแล้ว
 

ทางเลือกที่ 2 สับเปลี่ยนกองทุน LTF ไปยังกองทุน Thai ESGX

ซึ่งมีข้อดีคือสามารถนำเงินลงทุนก้อนเดิมไปลดหย่อนภาษีได้

ทางเลือกนี้เหมาะสำหรับคนที่รายได้สูง และฐานภาษีสูง มีเงินลงทุนใน กองทุน RMF และกองทุน Thai ESG เต็ม Max และต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีในกองทุน Thai ESGX เพิ่มเติมอีก
 

ทางเลือกที่ 3 สับเปลี่ยนกองทุน LTF ไปยังกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่น

เช่น Thai ESGX หรือ กองทุน RMF ซึ่งมีข้อดีคือมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายกว่า เหมาะสำหรับคนมีกองทุน LTF ที่ลงทุนหุ้นไทยอยู่ และไม่ได้อยากลงทุนในหุ้นไทยต่อ หรือไม่ต้องการสิทธิ์ลดหย่อนเพิ่มเติมจาก Thai ESGX และสำหรับใครที่ยังลังเลตอนนี้ ไม่รู้ว่าควรตัดสินใจกับกองทุน LTF ที่ลงทุนอยู่อย่างไรดี ตอนนี้ที่ธนาคารกรุงศรีฯ มีบริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวมโดยเฉพาะ สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางฮอตไลน์ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านวางแผนภาษี ติดต่อกลับ

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน | Thai ESG/ Thai ESGX เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาวและสนับสนุนการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน


บทความโดย
ปริตา ธิติปรีชาพล
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา