หลังจากที่คุณซื้อบ้านหลังใหม่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำก็คือ “การย้ายทะเบียนบ้าน” ซึ่งเป็นกระบวนการทางทะเบียนราษฎรที่มีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย เช่น สิทธิเลือกตั้ง สวัสดิการต่าง ๆ จากภาครัฐ ไปจนถึงการทำธุรกรรม
เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว Krungsri The COACH ได้สรุปทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการย้ายทะเบียนบ้านมาให้แล้วในบทความนี้
3 เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนทำการย้ายทะเบียนบ้าน
เพื่อให้การย้ายทะเบียนบ้านของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น มี 3 เรื่องที่คุณต้องทำความเข้าใจก่อนย้ายบ้าน ดังนี้
1. กฎหมายกำหนดให้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านภายใน 15 วันหลังเข้าอยู่
หลังจากที่ซื้อบ้าน และย้ายเข้าที่อยู่อาศัยใหม่แล้ว เจ้าบ้านมีหน้าที่ต้องแจ้งย้ายเข้าภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ย้ายเข้าอยู่อาศัยจริงตามที่กฎหมายทะเบียนราษฎรกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงโทษปรับ และรักษาสิทธิประโยชน์ของตัวเอง
2. สถานที่ติดต่อเพื่อดำเนินการย้ายทะเบียนบ้าน
การดำเนินการย้ายทะเบียนบ้าน สามารถทำได้ที่สำนักทะเบียนในท้องที่ที่บ้านหลังใหม่ตั้งอยู่ โดยหากที่อยู่ใหม่นั้นอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ติดต่อที่ “สำนักงานเขต” แต่ถ้าอยู่ในจังหวัดอื่น ๆ ให้ติดต่อที่ “ที่ว่าการอำเภอ” หรือสำนักงานเทศบาลในพื้นที่นั้น ๆ
3. เลือกรูปแบบการย้ายทะเบียนบ้านที่เหมาะกับตัวเอง
การย้ายทะเบียนบ้านสามารถทำได้ 2 รูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. การย้ายทะเบียนบ้านแบบปกติ (ย้ายออกก่อน แล้วค่อยย้ายเข้า)
การย้ายทะเบียนแบบปกติจะมีอยู่ 2 ขั้นตอนหลัก ๆ คือ เจ้าบ้าน หรือผู้ย้ายออกต้องไปทำเรื่อง “แจ้งย้ายออก” ที่สำนักงานเขต/อำเภอของทะเบียนบ้านหลังเก่าก่อน เพื่อรับใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (ทร. 6) จากนั้นจึงนำใบนี้ไปทำเรื่อง “แจ้งย้ายเข้า” ที่สำนักงานเขต/อำเภอของทะเบียนบ้านหลังใหม่
ผู้ที่เหมาะกับการย้ายทะเบียนบ้านแบบปกติ
- ผู้ที่มีเจ้าบ้านของบ้านหลังเก่า เป็นคนไปเดินเรื่องแจ้งย้ายออกให้
- ผู้ที่ต้องการมอบอำนาจให้คนอื่นไปทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้านแทนเราทั้งหมด ทั้งย้ายออก และย้ายเข้า
- ผู้ที่ต้องย้ายออกจากที่เก่าแล้ว แต่ยังไม่ได้ย้ายเข้าที่อยู่ใหม่ในทันที
2. การย้ายทะเบียนบ้านแบบแจ้งย้ายปลายทาง (ย้ายออกและย้ายเข้าพร้อมกัน)
การแจ้งย้ายปลายทาง คือ บริการแบบ “One Stop Service” ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย และรวดเร็ว เพราะสามารถไปทำเรื่องย้ายออกและย้ายเข้าที่สำนักงานเขต/อำเภอของทะเบียนบ้านหลังใหม่ได้เลยในที่เดียว
ผู้ที่เหมาะกับการย้ายทะเบียนบ้านแบบแจ้งย้ายปลายทาง
- ผู้ที่ต้องการเดินเรื่องย้ายทะเบียนบ้านด้วยตัวเองให้จบในครั้งเดียว เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
- ผู้ที่เพิ่งซื้อบ้าน หรือคอนโดใหม่เป็นของตัวเอง และต้องการย้ายชื่อเข้าเป็นเจ้าบ้าน
- ผู้ที่ต้องการย้ายทะเบียนบ้านพร้อมกันทั้งครอบครัว (ที่ย้ายมาจากบ้านหลังเดียวกัน)
- ผู้ที่ย้ายเข้าไปเป็น “ผู้อาศัย” โดยมีเจ้าบ้านของบ้านหลังใหม่เป็นคนพาไปทำเรื่องให้
เมื่อได้เห็นภาพรวมและข้อดีของแต่ละรูปแบบแล้ว หลายคนอาจตัดสินใจได้แล้วว่า วิธีไหนที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด เพื่อให้การดำเนินการจริงเป็นไปอย่างราบรื่น และไม่ต้องเสียเวลาไปหลายรอบ Krungsri The COACH สรุปขั้นตอน และเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับแต่ละวิธีมาให้แบบละเอียดแล้ว ไปดูกันเลย
คู่มือย้ายทะเบียนบ้านแบบปกติ ฉบับเข้าใจง่าย
ขั้นตอนการย้ายทะเบียนบ้านแบบปกติ จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ การแจ้งย้ายออกจากทะเบียนบ้านเดิม และการแจ้งย้ายเข้าทะเบียนบ้านหลังใหม่ โดยแต่ละขั้นตอนจะมีรายละเอียด และเอกสารที่ต้องใช้แตกต่างกันไป ดังนี้
การย้ายออกจากทะเบียนบ้านเก่า
เป็นการแจ้งต่อนายทะเบียนในท้องที่ของบ้านหลังเดิม เพื่อนำชื่อออกจากทะเบียนบ้านนั้น ๆ หลังจากนั้นจะได้รับใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (ท.ร. 6) ไว้ใช้เป็นหลักฐานในการทำเรื่องย้ายเข้าทะเบียนบ้านหลังใหม่ต่อไป
เอกสารสำหรับใช้ย้ายออกจากทะเบียนบ้านเก่า
- สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
- บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ต้องการย้ายที่อยู่
- หนังสือมอบอำนาจจากเจ้าบ้าน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าบ้าน (กรณีที่เจ้าบ้านไม่สามารถมาดำเนินการได้ด้วยตนเอง)
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ
ขั้นตอนการย้ายออกจากทะเบียนบ้านเก่า
- ยื่นเอกสารและหลักฐานทั้งหมดต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอของทะเบียนบ้านเดิม
- นายทะเบียนจะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และประทับคำว่า “ย้าย” ในทะเบียนบ้าน พร้อมระบุรายละเอียดการย้าย
- นายทะเบียนจะมอบใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (ท.ร. 6) ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญให้แก่ผู้แจ้ง เพื่อนำไปใช้ในขั้นตอนการย้ายเข้าต่อไป
การย้ายเข้าทะเบียนบ้านใหม่
หลังจากได้รับเอกสารการย้ายออกจากทะเบียนบ้านเดิมเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแจ้งย้ายเข้าทะเบียนบ้านหลังใหม่ ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 15 วันนับจากวันที่แจ้งย้ายออก เพื่อเพิ่มชื่อเข้าไปในทะเบียนบ้านของบ้านหลังใหม่ให้สมบูรณ์
เอกสารที่ใช้ในการย้ายเข้าทะเบียนบ้าน
- สัญญาซื้อขายบ้าน หรือโฉนดที่ดิน
- เอกสารที่แสดงกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของบ้าน เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง (ท.ด.13), โฉนดที่ดิน หรือสัญญาจำนองกับธนาคารในกรณีที่ซื้อบ้านผ่านสินเชื่อ โดยควรเตรียมทั้งเอกสารตัวจริง และสำเนา พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
- เอกสารประจำตัว ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ที่ต้องการย้ายเข้า
- สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน) ของบ้านที่จะย้ายเข้า
- ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (ท.ร. 6) ที่ได้รับจากการแจ้งย้ายออก
- หนังสือมอบอำนาจ พร้อมบัตรประชาชนของผู้มอบ และผู้รับมอบ (กรณีมอบอำนาจ)
ขั้นตอนการย้ายเข้าทะเบียนบ้านใหม่
- ยื่นเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอที่บ้านหลังใหม่ตั้งอยู่
- นายทะเบียนจะทำการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด และดำเนินการเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้าน
- เมื่อนายทะเบียนเพิ่มชื่อในฐานข้อมูลและในเล่มทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านเรียบร้อยแล้ว จะมอบเอกสารคืนให้ ถือเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอน
คู่มือการย้ายทะเบียนบ้านแบบแจ้งย้ายปลายทาง ฉบับเข้าใจง่าย
การย้ายทะเบียนบ้านปลายทาง คือ รูปแบบการแจ้งย้ายที่อยู่อาศัยที่มีความสะดวกสบายอย่างมาก ผู้ย้ายสามารถทำเรื่องแจ้งย้ายออกจากทะเบียนบ้านเดิม และแจ้งย้ายเข้าทะเบียนบ้านใหม่ ได้พร้อมกันที่สำนักทะเบียนของที่อยู่ปลายทางเลย
เอกสารสำหรับใช้ย้ายทะเบียนบ้านปลายทาง
- ทะเบียนบ้านของบ้านที่จะย้ายเข้า
- บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้านที่จะย้ายเข้า
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ต้องการย้ายที่อยู่
- หนังสือยินยอมให้แจ้งย้ายเข้าจากเจ้าบ้าน (กรณีเจ้าบ้านไม่สามารถมาด้วยตนเอง)
- หนังสือมอบอำนาจ (หากมีการมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน)
ขั้นตอนการย้ายทะเบียนบ้านปลายทาง
- ผู้แจ้งย้ายและเจ้าบ้าน (หรือผู้รับมอบอำนาจ) เดินทางไปยื่นเอกสารที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอของทะเบียนบ้านปลายทาง
- นายทะเบียนจะตรวจสอบเอกสาร และดำเนินการแจ้งย้ายออกจากทะเบียนบ้านเดิมผ่านระบบออนไลน์
- จากนั้นนายทะเบียนจะทำการเพิ่มชื่อผู้ย้ายเข้าในทะเบียนบ้านใหม่ทันที
- ชำระค่าธรรมเนียม 20 บาท และรับทะเบียนบ้านที่ปรับปรุงข้อมูลแล้วคืน
FAQ รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการย้ายทะเบียนบ้าน
นอกเหนือจากขั้นตอนการย้ายทะเบียนบ้านที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีคำถามย่อย ๆ อีกหลายประเด็นที่หลายคนสงสัย Krungsri The COACH ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยมาตอบให้แบบชัด ๆ แล้ว
มีบ้านหลายหลังต้องทำอย่างไรกับทะเบียนบ้าน ?
ตามกฎหมาย บุคคลหนึ่งคนสามารถมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นในกรณีที่มีบ้านหลายหลัง เจ้าของบ้านจำเป็นต้องเลือกว่าจะให้ชื่อของตนอยู่ในทะเบียนบ้านหลังไหน ส่วนบ้านหลังอื่น ๆ จะกลายเป็นทะเบียนบ้านที่ไม่มีชื่อเจ้าของ และผู้อยู่อาศัย ซึ่งอาจมีผลต่อการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% หากต้องการขายบ้านหลังนั้นก่อนถือครองครบ 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่ครบ 1 ปี เจ้าของบ้านอาจพิจารณาให้ชื่อญาติหรือบุคคลที่ไว้ใจย้ายเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านหลังอื่น ๆ แทนได้
หากย้ายทะเบียนบ้านช้ากว่าที่กำหนด จะมีโทษอะไรไหม ?
กฎหมายกำหนดให้เจ้าบ้านต้องแจ้งย้ายเข้า หรือย้ายออกภายใน 15 วัน นับจากวันที่มีการย้ายเข้าหรือย้ายออกจริง หากฝ่าฝืนหรือไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีโทษเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 1,000 บาท ดังนั้น ควรดำเนินการให้เรียบร้อยตามเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับดังกล่าว
เช่าบ้าน หรือคอนโดอยู่ สามารถย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านได้ไหม ?
สามารถย้ายได้ แต่ต้องให้ “เจ้าบ้าน” (เจ้าของบ้าน หรือผู้มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน) เป็นคนเซ็นยินยอม และพาไป หรือทำหนังสือมอบอำนาจให้เราไปดำเนินการเอง
ย้ายทะเบียนบ้านแล้ว ต้องทำบัตรประชาชนใหม่ไหม ?
ควรทำใหม่ เพื่อให้ที่อยู่บนบัตรตรงกับที่อยู่ปัจจุบัน จะได้ไม่เกิดปัญหาเวลายื่นเอกสาร หรือติดต่อธุรกรรมต่าง ๆ โดยสามารถทำบัตรใหม่ได้เลยหลังจากย้ายทะเบียนบ้านเสร็จ
เจ้าบ้านสามารถเอาชื่อคนอื่นออกจากทะเบียนบ้านได้ไหม ?
สามารถทำได้ โดยเจ้าบ้านสามารถไปทำเรื่อง “จำหน่ายชื่อ” ออกได้เลย แต่จะต้องมีหลักฐานว่า บุคคลนั้นไม่ได้อาศัยอยู่จริงเกิน 180 วัน และอาจต้องมีพยานบุคคลไปยืนยันด้วย
มีลูกเกิดใหม่ ต้องแจ้งชื่อเข้าทะเบียนบ้านอย่างไร ?
ใช้ใบรับรองการเกิด (สูติบัตร) ที่โรงพยาบาลออกให้ ไปแจ้งเกิด และขอเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้านที่เขต/อำเภอภายใน 15 วันนับจากวันเกิดได้เลย
“เจ้าของบ้าน” กับ “เจ้าบ้าน” เหมือนกันไหม ?
ไม่เหมือนกัน เจ้าของบ้านจะเป็นผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ตามโฉนดที่ดิน ส่วนเจ้าบ้าน คือหัวหน้าครอบครัวที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ได้
การย้ายทะเบียนบ้านเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าของบ้านและผู้ที่ย้ายที่อยู่อาศัย ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 15 วัน การทำความเข้าใจขั้นตอนและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ อย่าลืมวางแผนเรื่องสินเชื่อและค่าใช้จ่ายให้พร้อมไปด้วยนะ เพราะเรื่องพวกนี้มักมากับ “บ้านใหม่” เสมอ โดยกรุงศรีมีตัวช่วยด้านสินเชื่อบ้าน พร้อมที่ปรึกษาที่เข้าใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่การซื้อบ้าน
รีไฟแนนซ์ ไปจนถึงวางแผนผ่อนสบาย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ได้อย่างมีความสุข
อ้างอิง