หากคุณกำลังผ่อนบ้านและรู้สึกว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่สูงเกินไป หรืออยากได้เงื่อนไขการผ่อนที่ช่วยให้สบายกระเป๋ามากขึ้น การรีไฟแนนซ์บ้าน คือคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมหรือการเปลี่ยนธนาคารใหม่ ลองนึกภาพการผ่อนบ้านที่สบายกระเป๋าขึ้น พร้อมดอกเบี้ยที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเคล็ดลับในการเลือกรีไฟแนนซ์บ้านให้ได้ผลดีที่สุด ให้คุณผ่อนบ้านได้อย่างเบาใจและคุ้มค่ากว่าที่เคย
รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร
ใครที่สนใจกู้ซื้อบ้านควรรู้จักกับคำว่า ‘รีไฟแนนซ์บ้าน’ ว่าคืออะไร บ้านยังผ่อนไม่หมดรีไฟแนนซ์ได้ไหม หรือรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมได้ไหม ลองไปอ่านกันเลย
รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอสินเชื่อใหม่เพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อบ้านเดิม โดยผู้กู้สามารถเลือกที่จะรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ แต่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่รีไฟแนนซ์บ้าน ได้แก่สถาบันการเงินใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าของสินเชื่อบ้านเดิม เพื่อช่วยลดภาระค่าผ่อนชำระต่อเดือนหรือช่วยให้ผ่อนหมดได้เร็วขึ้นนั่นเองหากเลือกรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม จะเรียกว่าเป็นการลดดอกเบี้ยหรือ Retention การรีไฟแนนซ์บ้านจึงเป็นวิธีหนึ่งในการลดภาระทางการเงินได้อย่างมาก
ตัวอย่างคำนวณการรีไฟแนนซ์บ้าน
เช่น สมมติ ปัจจุบันนาย ก. ผ่อนบ้านราคาสองล้านบาท เป็นเวลา 20 ปี รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญาเท่ากับสองล้านห้าแสนบาท นั่นคือเงินต้น (2,000,000 บาท) + ดอกเบี้ย (2,500,000 บาท) = 4,500,000 บาท จึงตัดสินใจเลือกรีไฟแนนซ์ โดยเลือกให้ระยะเวลาการผ่อนสิ้นสุดตามสัญญาเดิม (17 ปี) ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นเงินต้น + ดอกเบี้ย = 3,750,000 บาท
ทั้งหมดนี้ เป็นตัวเลขสมมติแต่คงช่วยให้คุณเห็นภาพได้แล้วว่าการรีไฟแนนซ์นั้น สามารถช่วยให้เรามีเงินเหลือเก็บมากขึ้น มีโอกาสประหยัดเงินได้นับแสนบาท
สมการข้างต้นอาจดูเรียบง่าย แต่ถ้าสนใจรีไฟแนนซ์บ้านจริงๆ จะยุ่งยากหรือไม่และต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาทำความเข้าใจขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านกันดีกว่า
ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน
1. ตรวจสอบสัญญากู้บ้าน
บ้านยังผ่อนไม่หมด อยากรีไฟแนนซ์ทำได้ไหม คำตอบคือ ได้แน่ ๆ โดยขั้นแรกควรตรวจสอบสัญญากู้บ้านว่าผ่อนไปแล้วกี่ปี ซึ่งส่วนใหญ่ธนาคารจะกำหนดให้สามารถเริ่มรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อผ่อนไปแล้ว 3 ปี
2. เลือกธนาคารที่ใช่
เป็นข่าวดี เพราะการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นมีให้เลือกมากกว่า 100 โปรโมชั่น ซึ่งเรื่องของดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับแต่ธนาคาร เราไม่ต้องกังวลว่าบ้านยังผ่อนไม่ไหมดจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม จะผ่านหรือเปล่าในตอนนี้ ให้เราต้องนำข้อมูลการยื่นขอลดดอกเบี้ยเงินกู้ของหลาย ๆ ธนาคารมาเทียบกัน ถ้าเลือกดี ๆ จะได้ธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด และช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้นับแสนบาทเลยทีเดียว และอีกเรื่องที่สำคัญ คือธนาคารที่เราจะเลือกใช้บริการ Refinance นั้น เราสะดวกในการเข้าไปติดต่อทำธุรกรรมหรือไม่
ลงทุนใช้เวลาสักหน่อยในการเลือกธนาคารที่จะรีไฟแนนซ์ ลองดู
โปรโมชันจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นทางเลือกในการตัดสินใจ เพื่อจะได้เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด
สำหรับคำถามที่ว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม? คำตอบคือสามารถทำได้ หากไม่ต้องเปลี่ยนธนาคาร เราสามารถยื่นขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการลดดอกเบี้ยบ้านโดยไม่ต้องเปลี่ยนธนาคาร
3. เตรียมเอกสาร
สิ่งสำคัญที่จะทำให้การรีไฟแนนซ์สำเร็จ คือการเตรียมเอกสารที่ครบถ้วน เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บ้าน นั้นคล้ายการยื่นกู้บ้านใหม่อีกรอบ ซึ่งเอกสารที่แต่ละธนาคารต้องการมักจะคล้ายกัน มาดูกันว่าต้องเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านมีอะไรบ้าง
1. เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล
เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลของผู้กู้ ใช้เพื่อยืนยันตัวตนกับธนาคาร
- สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ของคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า/ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาใบมรณะบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
2. เอกสารแสดงหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์
- สำเนาแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ห้องชุด
- ใบอนุญาติปลูกสร้าง/หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่นสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 หรือสัญญาให้ที่ดิน ทด.14
- สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน
- สำเนาสัญญากู้เงินธนาคารเดิม
- สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด
- แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
3. เอกสารแสดงรายได้
แบ่งประเภทของผู้มีรายได้เป็น 2 แบบด้วยกัน ซึ่งถ้ามี
บัญชีเงินเดือนกับธนาคารกรุงศรีก็จะมีสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมด้วย
- สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน(ตัวจริง)
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
- สำหรับบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจส่วนตัว
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม
- สำเนารายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
- สำเนา ภ.พ. 30 (ถ้ามี)
*ในทั้ง 2 ประเภท ถ้ามีผู้กู้ร่วมก็ต้องให้ผู้กู้ร่วมเตรียมเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารแสดงรายได้ดังกล่าวด้วยเช่นกัน สำหรับการ รีไฟแนนซ์บ้าน สิ่งสำคัญคือการเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการรีไฟแนนซ์ผ่านไปได้อย่างราบรื่น และช่วยให้คุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดจากธนาคาร
4. ยื่นขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
หลังจากที่คุณยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์แล้ว ทางธนาคารก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาหลักประกันของเราเพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่ที่เราเลือกเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้เราติดต่อธนาคารเดิมเพื่อสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอน
สำหรับขั้นตอนการไถ่ถอน แม้ว่าเราจะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมไม่ได้ แต่ธนาคารเดิมอาจจะเสนอการลดดอกเบี้ยให้เรา แต่จะเปลี่ยนใจเราได้ไหม เราจะต้องเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและข้อเสนอทั้งหมดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจด้วยว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านต่อหรือไม่
5. ทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน
เมื่อคุณตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ เจ้าหน้าที่ธนาคารใหม่จะนำสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน ในวันเดียวกับการไปทำสัญญาจำนอง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่เสร็จสิ้นการรีไฟแนนซ์บ้าน
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้าน
หากว่าบ้านยังผ่อนไม่หมด แต่ต้องการรีไฟแนนซ์ และเลือกธนาคารได้แล้ว และได้ผลการขอสินเชื่อว่ารีไฟแนนซ์ได้ไหมมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งควรทำต่อไปคือ คำนวณค่าใช้จ่ายหักลบกับเงินที่ประหยัดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์บ้าน ว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่คุณประหยัดได้จากดอกเบี้ยที่ลดลงหรือเปล่า โดยส่วนมากค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านใหม่ มาดูว่าปกติแล้วมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
- ค่าประเมินราคา (อาจมีค่าใช้จ่าย หรือไม่มี ขึ้นอยู่กับโปรโมชัน)
- ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้
- ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน(ไม่เกิน 10,000 บาท)
- ประกันอัคคีภัย (โดยปกติต้องทำทุก 1-3 ปี ตามกฎหมาย)
- ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร
เคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยรีไฟแนนซ์กับธนาคารเป็นเรื่องง่าย
หากคุณบ้านยังผ่อนไม่หมด และต้องการลดค่าใช้จ่าย การรีไฟแนนซ์บ้านอาจเป็นทางออกที่ดีแต่กังวลว่าจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม ควรเริ่มจากการพิจารณารายได้ของเราว่ามี้เพียงพอที่พอผ่อนชำระในแต่ละเดือนหรือไม่ นอกจากนี้ หากคุณมีหลักทรัพย์เพิ่มจากเดิมและยังมีการผ่อนชำระอยู่ อาจทำให้ให้การรีไฟแนนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่สามารถทำได้ไม่ง่ายนัก และที่สำคัญที่ต้องไม่ลืมคือ การตรวจสอบสถานะเครดิตบูโรของเรายังดีอยู่หรือเปล่า ซึ่งสิ่งนี้มีผลโดยตรงต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ของธนาคาร
นอกจากนั้นเราก็สามารถนำบ้านที่กำลังผ่อนอยู่กับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร มาทำการรีไฟแนนซ์บ้านผ่อนกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่ายังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากจะทำให้เราผ่อนบ้านได้หมดไวแล้วยังมีเงินเหลือเอาไป
ต่อยอดในการลงทุนได้อีกด้วย ดังนั้น ใครกำลังมองหาวิธีลดดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน อยากประหยัดเงิน บ้านยังผ่อนไม่หมด ไม่ต้องกังวลว่าจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม มาปรึกษาเราเลย
บทความโดย
ปริตา ธิติปรีชาพล
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา