เงินเดือนต่ำกว่า 20,000 ซื้อบ้านได้ไหม ในยุคหลังไวรัสโควิด-19
รอบรู้เรื่องบ้าน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เงินเดือนต่ำกว่า 20,000 ซื้อบ้านได้ไหม ในยุคหลังไวรัสโควิด-19

icon-access-time Posted On 21 เมษายน 2559
By Krungsri the COACH
“มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ จงมักน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน” ขอยกคำกลอนที่ได้ยินกันมานานให้เพื่อน ๆ ได้คิดกันนะครับว่า ถึงแม้เราจะมีเงินน้อย รายได้น้อยกว่าคนอื่น ก็อย่าน้อยใจในโชควาสนา เพราะถึงมีเงินเดือนน้อย ถ้ารู้จักใช้อย่างพอเพียงเราก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขนะครับ เพื่อน ๆ ที่มีรายได้จำกัดคงจะเคยสงสัยกันใช่ไหมว่าถ้าเรามีเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท จะซื้อบ้านได้ไหม ต้องบอกกันก่อนเลยว่าได้ครับ และเพื่อเป็นการทำให้ทุกคนเห็นภาพวันนี้เราจึงได้ทำการรวบรวมเคล็ดลับดีๆ ที่คุณสามารถมีวิมานหลังน้อยเป็นของตัวเองได้มาฝากทุกคนกัน
รวม 4 เคล็ดลับที่จะช่วยตอบคำถามที่ว่าถ้าเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท ในยุคหล้งสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด จะซื้อบ้านได้ไหม?

เคล็ดลับที่ 1 คำนวณหาจำนวนเงินที่เราจะมีกำลังในการกู้ซื้อบ้านได้


จากหลักของการกู้ทั่วไปมีอยู่ว่า “ผู้กู้สามารถแบกรับภาระได้ไม่เกิน 40% ของรายได้เท่านั้น”
ตัวอย่างเช่น ผู้กู้มีเงินเดือน 15,000 บาท จะสามารถผ่อนบ้านสูงสุดได้ 15,000 x 40% = 6,000 บาท
ซึ่งก็คือหากผู้กู้มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนจะสามารถผ่อนบ้านเป็นจำนวนเงินได้ 6,000 บาท ที่สำคัญเราต้องไม่มีหนี้สินผ่อนชำระสินค้าอื่น ๆ หากเรามีหนี้สินอื่น ๆ เช่น ผ่อนรถอยู่ เดือนละ 5,000 บาท ก็ทำให้ผู้กู้เหลือความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลง (6,000 – 5,000) เหลือเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ถ้าเราสามารถผ่อนบ้านเป็นจำนวนเงินได้ 6,000 บาท จะสามารถกู้ซื้อบ้านได้วงเงินตามนี้
 
ระยะเวลาในการผ่อนชำระ วงเงินที่สามารถกู้ได้
15 ปี 647,000 บาท
20 ปี 744,000 บาท
25 ปี 811,000 บาท
30 ปี 858,000 บาท
35 ปี 889,000 บาท
โดยคิดจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5

เคล็ดลับที่ 2 หาโครงการบ้านที่อยู่ในวงเงินที่เราสามารถกู้ได้เมื่อคำนวณจากเคล็ดลับที่ 1


สมมติว่า เราเลือกจะผ่อนชำระที่ 30 ปี จะสามารถกู้ได้ 858,000 บาท ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีโครงการที่ราคาต่ำกว่าล้านอยู่หลายโครงการเลย เช่น คอนโดแถบชานเมือง หรือในแถบปริมณฑลก็ยังมีราคาไม่ถึงล้านอยู่เยอะ หรือถ้าหากอยู่ที่ต่างจังหวัดก็ยิ่งมีโครงการราคาต่ำกว่าล้านมากมาย หรือถ้าเพื่อน ๆ สนใจเป็นบ้านมือสองก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะบ้านมือสองสภาพดีราคาไม่ถึงล้านก็มีอยู่ในตลาดมือสองให้เลือก (คลิกที่นี่เพื่ออ่านวิธีการจัดการเงินกู้บ้านแบบยิ้มได้)

เคล็ดลับที่ 3 ทำประวัติเครดิตบูโรของเราให้ดี


ถ้าเพื่อน ๆ มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และบัตรผ่อนชำระต่าง ๆ หนี้สินของบัตรต่าง ๆ ตรงนี้จะไปแสดงที่เครดิตบูโรของเรา หากมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ไม่ตรงต่อเวลา ผิดนัดจ่ายหนี้กับธนาคาร หรือเบี้ยวหนี้ไม่จ่ายเลย เครดิตบูโรก็จะขึ้น Blacklist ซึ่งหมายความว่า เมื่อเราไปยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคารแล้วทางธนาคารไปตรวจสอบเครดิตบูโรของเราก็จะเห็น Blacklist ของเรา ซึ่งอาจทำให้กู้ซื้อบ้านได้ยากขึ้น เพราะธนาคารก็ไม่มั่นใจว่า เราจะจ่ายค่างวดให้เค้าได้หรือไม่ และยังมีอีกกรณีหนึ่งหากเป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะเกินไป ซึ่งหมายความว่าเราไม่ได้ติด Blacklist แต่เมื่อธนาคารทำการประเมินรายได้ของเราแล้วปรากฏว่า แค่ยอดที่ต้องชำระในแต่ละเดือนสำหรับบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดแต่ละใบของเราในแต่ละเดือน ก็ไม่พอที่จะส่งค่างวดสำหรับสินเชื่อบ้านแล้ว แบบนี้ธนาคารก็คงอนุมัติให้ผ่านยาก ดังนั้น ควรทำประวัติเครดิตบูโรของเราให้ดี เช่น ชำระหนี้ให้ตรงต่อเวลา ไม่ผิดนัดจ่ายหนี้ ไม่เป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดมากเกินไป หรือทางที่ดีที่สุดคือไม่ก่อหนี้เลย เหมือนคำพระที่ว่า “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” (อ่านวิธีเลือกสินเชื่อบ้านให้ผ่อนได้สบาย ๆ ได้ที่นี่)

เคล็ดลับที่ 4 หาผู้กู้ร่วม


ในกรณีที่ฝันว่าอยากจะมีวิมานในฝันที่หลังใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ลำพังแค่เงินเดือนของเราอาจจะได้ยอดเงินกู้ไม่เพียงพอ เราก็จำเป็นต้องหาผู้กู้ร่วม เพื่อเพิ่มวงเงินกู้ให้มากขึ้น ในกรณีที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่กู้คนเดียวไม่ผ่านหรือรายได้ไม่พอ การกู้ร่วมก็เป็นทางออกหนึ่งของปัญหาที่นิยมเลือกใช้กันมาก โดยความหมายของผู้กู้ร่วม หมายถึง ลูกหนี้ร่วม ในทางกฎหมายลูกหนี้ร่วมจะต้องรับผิดชอบหนี้เป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และในบางสถาบันการเงินจะกำหนดให้ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้ในฐานะที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันหรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตรและสามีภรรยา หรือถ้าแต่งงานกันแล้วและยังไม่ได้จดทะเบียน ผู้กู้ร่วมก็ต้องแสดงหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ เช่น ทะเบียนบ้านที่แสดงว่าปัจจุบันอยู่ด้วยกัน หรือถ้ามีบุตรก็ต้องแสดงใบเกิดที่ระบุชื่อพ่อแม่
ในการซื้อบ้านแบบการกู้ร่วมสามารถทำได้ 2 แบบ คือ
  • กรรมสิทธิ์บ้านเป็นชื่อของคน ๆ เดียว แต่เวลากู้ยืมใช้คนหลายคนมากู้ร่วม
  • การกู้ร่วมโดยใส่ชื่อผู้กู้ทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม
ซึ่งการกู้ร่วมนั้น สถาบันการเงินจะพิจารณารายได้ของทุกคนที่ขอกู้ร่วม โดยจะหักภาระค่าใช้จ่ายของทุกคน หลังจากนั้นก็ดูว่า เหลือเงินที่จะสามารถผ่อนชำระได้ต่อเดือนเท่าไหร่ แล้วพิจารณาให้สินเชื่อไปตามสัดส่วน ซึ่งจะทำให้เพื่อน ๆ ที่มีผู้กู้ร่วม สามารถกู้วงเงินได้สูงขึ้นมากอีกพอสมควร
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความที่เราได้นำเสนอไปคงจะช่วยตอบคำถามที่ว่าเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาทซื้อบ้านได้ไหม? หากได้ลองทำตามเคล็ดลับที่ได้แนะนำไปในข้างต้น มั่นใจเลยว่าพนักงานเงินเดือนน้อยๆ ก็สามารถฝันที่จะมีบ้านหลังน้อยไว้เป็นที่พักผ่อนได้เหมือนกับทุกๆ คน อย่างแน่นอน
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา