อยากเกษียณเร็ว (Early Retire) ทำไมต้องเข้าใจ Passive Income ให้ถูกต้อง
เพื่อยามเกษียณ
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

อยากเกษียณเร็ว (Early Retire) ทำไมต้องเข้าใจ Passive Income ให้ถูกต้อง

icon-access-time Posted On 28 กรกฎาคม 2564
By Krungsri The COACH
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยเรื่องของ "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" ไม่เคยตกกระแสไปไหนเลย เพราะการที่เรามีอิสรภาพทางการเงินได้ก็จะหมายความว่าเราสามารถ “เกษียณเร็ว (Early Retire)” ได้ และเมื่อเราเกษียณได้เร็วก็จะสามารถใช้ชีวิตที่อยากใช้ หรือทำงานที่อยากทำ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องรายได้หรือตัวเงินมากนัก
 
ประกอบกับยิ่งยุคที่สื่อโซเซียลต่าง ๆ เติบโตอย่างก้าวกระโดด เรียกได้ว่าแทบทุกคนต้องเช็กมือถือตลอดเวลาเพื่อติดตามข่าวสารของโลกอย่างใกล้ชิด ทำให้ภาพของการที่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องทำงานอีกต่อไป ยิ่งเป็นภาพที่หลาย ๆ คน อยากได้ อยากมีกันมากขึ้น วันนี้เรามาดูกันว่าถ้าเราอยาก “เกษียณเร็ว (Early Retire)” ด้วยวิธีการสร้าง "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" ต้องทำอย่างไร มีอะไรที่เราต้องเข้าใจกันบ้าง
 
ก่อนที่เราจะไปดูว่า "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" คืออะไร จะต้องเข้าใจเรื่องประเภทของรายได้ว่าจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ Active Income และ Passive Income โดยจุดต่างของรายได้ทั้ง 2 ประเภทก็คือเรื่องของ "เวลา"
อยากเกษียณเร็ว (Early Retire) ทำไมต้องเข้าใจ Passive Income ให้ถูกต้อง

Active Income คืออะไร?

Active Income เป็นประเภทของรายได้ที่เราต้องเอาเวลาเข้าไปแลกถึงมีรายได้กลับมา เช่น การเข้างาน 8 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็น หรืออย่างการรับจ้างทำงานของฟรีแลนซ์ เรียกได้ว่าถ้าเราไม่ทำงานก็จะไม่มีรายได้เข้ามา

Passive Income คืออะไร?

รายได้แบบ Passive Income เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ต้องเอาเวลาลงไปแลก ไม่ว่าจะนอน เล่น เที่ยว หรือทำงานอื่น ๆ อยู่ก็ตาม รายได้จากแหล่งนี้ก็ยังสร้างให้เราเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น รายได้จากการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ เงินปันผลจากการลงทุนในหุ้น ค่าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ หรือสิ่งที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างการเป็น Youtuber ที่ถือว่าเป็นอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้เลยก็ว่าได้
สำหรับใครที่มี "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" จะต้องมีรายได้แบบ Passive Income มากกว่า "รายจ่าย" ก็ถือว่าเราสามารถใช้ชีวิตแบบที่ใจต้องการ โดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะมีเงินใช้หรือไม่ พอมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนก็เริ่มตั้งเป้าอยากมีรายได้แบบ Passive Income เท่านั้นเท่านี้กันอย่างเต็มที่ แต่รู้หรือไม่ ในความเป็นจริงการมี "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ เหตุผลก็เพราะว่า

1. รายได้แบบ Passive Income ไม่ใช่รายได้ที่นั่งกินนอนกินก็มีเงินใช้

ภาพที่หลาย ๆ คนกำลังจินตนาการ คือ การนั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีรายได้ไหลเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว รายได้แบบ Passive Income คือ รายได้ที่ไม่ต้องเอาเวลาเข้าไปแลกเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องทำงานอะไรเลยแบบที่หลาย ๆ คนคิด
การลงทุนเพื่อปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ ก็จำเป็นที่จะต้องเดินดูทำเล ตกแต่งห้องให้น่าสนใจ หาผู้เช่า ทำสัญญาเช่า ถ้าผู้เช่าคนเดิมไม่อยู่ต่อก็ต้องหาผู้เช่าใหม่ ตกแต่งห้องให้ใหม่เสมอ หรือถ้าเป็นการลงทุนในหุ้นเพื่อรอรับปันผลเองก็ต้องทำการบ้านหาหุ้นที่น่าสนใจ เติบโตได้ในระยะยาว จ่ายปันผลในระดับที่น่าสนใจ ต้องติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง ติดตามงบการเงินอย่างน้อยทุกไตรมาส พร้อมวิเคราะห์ว่าหุ้นที่เราถือยังเป็นหุ้นที่ดีมีการเติบโตในอนาคตหรือไม่
หรือถ้าใครฝันว่าอยากจะเป็น Youtuber ไม่ใช่ว่าทำคลิปทิ้ง ๆ ไว้ แล้วก็หยุดทำได้ คนที่เป็น Youtuber เองก็จำเป็นต้องขยันทำคลิปใหม่ ใช้ความคิดในการสร้างคอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง ต้องหาทีมตัดต่อที่เข้าใจงานของเรา พร้อมคุมคุณภาพการผลิต จะเห็นได้ว่าแทบจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้เลย
ดังนั้น รายได้แบบ Passive Income จึงไม่ใช่รายได้ที่อยู่เฉย ๆ ก็มีรายได้เข้ากระเป๋าสตางค์ของเรา แต่เป็นรายได้ที่ต้องดูแล บริหารและจัดการให้สินทรัพย์ของเรานั้นสามารถสร้างรายได้ออกมาให้เราได้อย่างต่อเนื่องด้วย

2. "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" ไม่จำเป็นต้องมี Passive Income เยอะ ๆ

อีกหนึ่งเรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเลยก็คือ ถ้าคนที่จะมี "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" ได้จะต้องเป็นคนที่มีรายได้แบบ Passive Income ในระดับหลาย ๆ แสน หรือหลาย ๆ ล้านต่อเดือน เพื่อให้สามารถใช้เงินได้อย่างสบาย ๆ แบบไม่ต้องกังวล หรือภาพในหัวหลาย ๆ คนอาจจะเป็นคนที่นั่งอยู่บนกองเงินกองทองที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด
ถ้าถามว่าการมี Passive Income เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ คำตอบคือดีแน่นอน แต่ปัญหาจะอยู่ที่ว่า เวลาที่เราตั้งเป้าหมายการมี "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" แล้วตั้งเป้าไว้ว่าให้มีรายได้ได้เยอะ ๆ อาจจะทำให้เป้าหมายนั้นไกลเกินเอื้อม เพราะเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถเดินไปได้ใกล้ถึงฝั่งฝันหรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ก็อาจจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “การเท” อิสรภาพทางการเงินก็จะถูกล้มเลิกความคิดไป
แต่ถ้าเรากลับมาที่ความหมายของคำว่า "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" จะเห็นว่า มันคือ การมีรายได้จากส่วน Passive Income มากกว่า "รายจ่าย" ไม่ใช่การมีรายได้แบบ Passive Income เยอะ ๆ อย่างที่เราเข้าใจในตอนแรก ซึ่งปัจจัยที่สำคัญที่เราควรให้ความสนใจ คือ เราจะมีรายจ่ายเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเราควรมีรายได้เท่าไหร่มากกว่า
ในความเป็นจริงแล้ว หากเราลองกลับมาตรวจสอบตัวเอง อาจจะมีรายจ่ายต่อเดือนเพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น เช่น 20,000 บาทหรือ 30,000 บาท ดังนั้น การตั้งเป้าหมายเพื่อมี "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" ก็คือ การมีรายได้จาก Passive Income ที่มากกว่า 20,000 บาทหรือ 30,000 บาท ตามสัดส่วนรายจ่ายของเรา เพียงเท่านี้เราจะสามารถเกษียณอายุได้อย่างสบายใจ
อยากเกษียณเร็ว (Early Retire) ทำไมต้องเข้าใจ Passive Income ให้ถูกต้อง
การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดี แต่เป้าหมายที่ดีจะต้องเป็นหมายที่เราสามารถไปถึงได้ รวมถึงรู้วิธีการในการที่จะเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นด้วย ไม่ใช่เป้าหมายตั้งเพื่อเอาสะใจ เอาสนุก แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป เราไม่สามารถขยับใกล้เป้าหมายนั้นได้ก็จะล้มเลิกเป้าหมายนั้นไป การมี "อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom)" ไม่ใช่เรื่องที่ยากถ้าเราเข้าใจความหมายที่แท้จริง การ “เกษียณเร็ว (Early Retire)” ก็เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็สามารถมีได้ ขอแค่ตั้งใจในการเดินทางสู่เป้าหมายนั้นอย่างรับผิดชอบและมีวินัย
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา