มนุษย์เงินเดือน หรือคนทำงานส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกันดี กับ "สิทธิประกันสังคม" เพราะนั่นเป็นสิ่งคนทำงานกินเงินเดือนอย่างเรา ๆ ต้องส่งจ่ายในทุก ๆ เดือนเพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับ นำไปสร้างหลักประกันที่ดีเป็นเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในยามที่เราเกษียณ
หลายคนเริ่มสงสัยว่าเงินที่เราส่งไปทุกเดือน เมื่อเราเกษียณแล้วจะได้เงินชราภาพประกันสังคมเป็นจำนวนเท่าไร แล้วเงินที่หักไปมันคุ้มจริงหรือไม่ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเช็กสิทธิเงินเกษียณประกันสังคมที่ควรรู้ และการคำนวณชราภาพกัน
มาดูสิทธิที่ควรรู้เมื่อเราเกษียณไปแล้วว่าเงินชราภาพประกันสังคม มีกี่แบบ และได้ตอนไหน ข้อมูลจากประกันสังคมใน
ประกันสังคมมาตรา 33 เมื่อผู้ประกันตนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง มีสิทธิ์ที่จะยื่นขอรับเงินบำเหน็จ หรือเงินบํานาญตามประกันสังคม ม.33 ได้
โดยการยื่นขอสิทธิ์เงินชราภาพประกันสังคมมีเงื่อนไข ดังนี้
- หากผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 180 เดือน จะได้รับ “เงินบำเหน็จ”
- ส่วนผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน (15ปี ) ขึ้นไป จะได้รับ “เงินบำนาญ” ที่ประกันสังคมจ่ายให้เป็นรายเดือนตลอดชีวิต
ดังนั้นเกณฑ์แรกที่จะรู้ว่าเราจะได้รับเงินเกษียณประกันสังคมเป็นบำเหน็จ หรือบำนาญ นั่นก็คือ “ระยะเวลาที่เราส่งเงินจ่ายสมทบในประกันสังคม” นั่นเอง ทีนี้เรามาดูกันในรายละเอียดปลีกย่อยในการได้รับเงินแต่ละแบบกัน
กรณีบำเหน็จชราภาพ แบ่งย่อยเป็น 2 กรณี
จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน
จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตนที่จ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม
จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 180 เดือน
จะจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบส่วนของผู้ประกันตน และส่วนของนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบให้กับสำนักงานประกันสังคม เพื่อจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี
กรณีบำนาญชราภาพ แบ่งย่อยเป็น 2 กรณี
จ่ายเงินสมทบมา 180 เดือนพอดี
จะได้รับเงินบํานาญจากประกันสังคม เป็นรายเดือนตลอดชีวิต คิดเป็นอัตราร้อยละ 20 ของเงินค่าจ้าง (ไม่เกิน 15,000 บาท) เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
จะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินบำนาญประกันสังคมม.33 ให้อีก ร้อยละ 1.5 ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก ๆ 12 เดือน
เราจะได้เงินหลังเกษียณกี่บาท?
ส่วนนี้จะพาทุกคนไปดู
วิธีคำนวณเงินชราภาพประกันสังคมหลังเกษียณกัน ผ่านตารางคํานวณเงินชราภาพ ประกันสังคม ในที่นี้จะแบ่งเป็น 2 กรณี
1. คำนวณกรณีบำเหน็จชราภาพ
(สำหรับผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน) กรณีที่จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จแค่ในส่วนที่เราสมทบมาเพียงฝ่ายเดียว ไม่รวมส่วนของนายจ้าง
ตัวอย่าง เราอายุ 55 ปี และสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ขณะส่งเงินสมทบได้ 10 เดือน และสมมติว่าส่งเงินสมทบเดือนละ 300 บาท ในที่นี้จะได้เงินบำเหน็จชราภาพประกันสังคม จำนวน 3,000 บาท (300 บาท x 10 เดือน)
กรณีที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินชราภาพจากประกันสังคมแบบบำเหน็จ จาก 3 ส่วน คือ จำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตน + ส่วนของนายจ้าง + ผลประโยชน์หมายถึงกำไรจากที่ประกันสังคมเอาเงินไปลงทุน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด ดังนั้นผลประโยชน์ หรือกำไรจากที่ประกันสังคมเอาเงินไปลงทุน ต้องดูจากที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
ทั้งนี้อัตราผลประโยชน์ตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี มีดังนี้
ตัวอย่าง: ผู้ประกันตนมาตรา 33 เกษียณอายุที่ 55 ปี ทำงานมา 57 เดือน โดยที่ผ่านมาสมทบเข้าประกันสังคมเดือนละ 450 บาท โดย 1 ปี จ่ายประกันสังคม เท่ากับ
หมายเหตุ: 9/12 หมายถึง ผู้ประกันตนนําส่งเงินสมทบมาแค่ 9 เดือน ภายใน 1 ปี
เงินบำเหน็จชราภาพที่จะได้รับประกอบด้วย = เงินสมทบส่วนของตนเอง (A) + เงินสมทบส่วนของนายจ้าง (B)+ ผลประโยชน์ตอบแทน (C) = 25,650 + 25,650 + 4,762.40 = 56,062.40 บาท
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ (
prachachat.net/csr-hr/news-1238675#google_vignette)
2. คำนวณกรณีเงินบำนาญชราภาพ
2.1 สำหรับผู้ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วเป็นเวลา 180 เดือนพอดี เมื่อครบอายุ 55 ปี และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคมในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
ตัวอย่าง: ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้ายรวมกันหาร 60) แล้วนำไปคุณ 20% จะได้เงินบำนาญชราภาพที่จะได้รายเดือน เช่น ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายได้ 13,000 บาท คูณ 20% = 13,000 x 20% = 2,600 บาท กรณีนี้ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละ 2,600 บาท ไปจนตลอดชีวิต
2.2 กรณีที่จ่ายเงิน สมทบเกิน 180 เดือน บํานาญประกันสังคม ม.33 จะปรับเพิ่มอัตราเงินบำนาญชราภาพขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน
ตัวอย่างเช่น นาย A ผู้ประกันตนทำงานได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท มาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละเท่าใด
คำนวณโดยแบ่งดังนี้
ดังนั้นนาย A จะได้รับเงินบำนาญรายเดือน = 27.5% ของ 15,000 บาท = 4,125 บาท/เดือนจนตลอดชีวิต
(ที่มา:
tnnthailand.com/news/social/124963/)
เปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย เงินชราภาพประกันสังคม
การรับเงินบำเหน็จ
ข้อดี ได้เงินเกษียณจากประกันสังคมเป็นก้อนใหญ่มาเลยทีเดียว เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เงินก้อน
ข้อเสีย จะได้บำเหน็จน้อยกว่าบำนาญ และมีโอกาสที่จะใช้เงินหมดก่อน หากอายุยืนอาจไม่มีเงินเพียงพอใช้ในบั้นปลายชีวิต
การรับเงินบำนาญ
ข้อดี ได้เงินชราภาพจากประกันสังคมมากกว่าและมีเงินใช้รายเดือนไปจนเสียชีวิต
ข้อเสีย ไม่มีเงินก้อนสำหรับการลงทุนหากมีความต้องการ
เป็นอย่างไรกันบ้างหลังจากที่เห็นตัวเลขจากการคำนวณบำเหน็จบำนาญประกันสังคมม.33 แบบนี้แล้ว แม้ว่าเงินที่เราจ่ายสมทบในประกันสังคมถือว่าเป็นหนึ่งใน
หลักประกันยามเกษียณ แต่จำนวนเงินชราภาพที่ได้จากประกันสังคมอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณของเรา ลองคิดดูว่า อีก 10 ปี อีก 20 ปี ข้าวของเครื่องใช้จะแพงขึ้นเพราะเงินเฟ้อขนาดไหน
จะดีกว่าไหม ถ้าเรามีทางเลือกในการออมเงินเพื่อเกษียณอย่างมีความสุขได้อีก โดยธนาคารกรุงศรี มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายที่จะช่วยให้คุณสามารถเกษียณได้อย่างสบายใจ หนึ่งในนั้นคือกรุงศรีประกันบํานาญ แฮปปี้ รีไทร์ หรือกรุงศรีประกันบำนาญ แฮปปี้ ไลฟ์ สนใจสามารถคลิกดูลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย
กรุงศรีประกันบํานาญ แฮปปี้ รีไทร์ A85/1, A85/5, A85/10, A85/A60
กรุงศรีประกันบำนาญ แฮปปี้ ไลฟ์