เช็กสิทธิเงินชราภาพประกันสังคม เกษียณแล้วได้เงินเท่าไร
เพื่อยามเกษียณ
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เช็กสิทธิเงินชราภาพประกันสังคม เกษียณแล้วได้เงินเท่าไร

icon-access-time Posted On 07 ธันวาคม 2566
By Krungsri The COACH
มนุษย์เงินเดือนหลายคนคงสงสัยว่าเงินสมทบกองทุนประกันสังคมที่เราส่งไปทุกเดือน เมื่อเราเกษียณแล้วจะได้เงินชราภาพประกันสังคมเป็นจำนวนเท่าไร แล้วเงินที่หักไปมันคุ้มจริงหรือไม่ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเช็กสิทธิเงินเกษียณประกันสังคมที่ควรรู้ และการคำนวณชราภาพกัน
ผู้สูงอายุนั่งคำนวณเงินชราภาพจากประกันสังคม
 

เงินบำนาญประกันสังคม คืออะไร ใครมีสิทธิ์ได้บ้าง ?

เงินบำนาญประกันสังคม หรือเงินชราภาพประกันสังคม คือ เงินที่เก็บสะสมจากเงินสมทบที่ผู้ประกันตน (ลูกจ้าง), นายจ้าง และรัฐบาล นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือนในส่วนของเงินออมกรณีชราภาพ เพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินให้แก่ผู้ประกันตนเมื่อมีอายุมากขึ้น และไม่สามารถประกอบอาชีพได้ โดยผู้ประกันตนจะได้รับเงินก้อนนี้คืนเมื่อเข้าสู่เงื่อนไขการรับประโยชน์ทดแทน ซึ่งผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินกรณีชราภาพจะต้องเป็นผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งเกณฑ์บำนาญชราภาพจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการส่งเงินสมทบเป็นหลัก
 

เช็กเงื่อนไขการได้รับ “เงินบำเหน็จ” หรือ “เงินบำนาญ”

มาดูสิทธิที่ควรรู้เมื่อเราเกษียณไปแล้วว่าเงินชราภาพประกันสังคม มีกี่แบบ และได้ตอนไหน ข้อมูลจากประกันสังคมในประกันสังคมมาตรา 33 เมื่อผู้ประกันตนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง มีสิทธิ์ที่จะยื่นขอรับเงินบำเหน็จ หรือเงินบํานาญตามประกันสังคม ม.33 ได้

โดยการยื่นขอสิทธิ์เงินชราภาพประกันสังคมมีเงื่อนไข ดังนี้
  1. หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 180 เดือน จะได้รับ “เงินบำเหน็จ”
  2. ส่วนผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน (15 ปี) ขึ้นไป จะได้รับ “เงินบำนาญ” ที่ประกันสังคมจ่ายให้เป็นรายเดือนตลอดชีวิต

ดังนั้นเกณฑ์แรกที่จะรู้ว่าเราจะได้รับเงินเกษียณประกันสังคมเป็นบำเหน็จ หรือบำนาญ นั่นก็คือ “ระยะเวลาที่เราส่งเงินจ่ายสมทบในประกันสังคม” นั่นเอง ทีนี้เรามาดูรายละเอียดปลีกย่อยในการได้รับเงินแต่ละแบบกัน
 

กรณีบำเหน็จชราภาพ แบ่งย่อยเป็น 2 กรณี

จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน

จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตนที่จ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม
 

จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 180 เดือน

จะจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบส่วนของผู้ประกันตน และส่วนของนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบให้กับสำนักงานประกันสังคม เพื่อจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี
 

กรณีบำนาญชราภาพ แบ่งย่อยเป็น 2 กรณี

จ่ายเงินสมทบมา 180 เดือนพอดี

จะได้รับเงินบํานาญจากประกันสังคม เป็นรายเดือนตลอดชีวิต คิดเป็นอัตราร้อยละ 20 ของเงินค่าจ้าง (ไม่เกิน 15,000 บาท) เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
 

จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน

จะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินบำนาญประกันสังคม ม.33 ให้อีก ร้อยละ 1.5 ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก ๆ 12 เดือน
 
รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเงินเกษียณประกันสังคม เกษียณอายุ 55 ได้เงินเท่าไหร่บ้าง

จะได้เงินชราภาพประกันสังคมตอนอายุเท่าไร สามารถขอคืนได้เท่าไร ?

ผู้ประกันตนจะสามารถยื่นขอรับเงินชราภาพประกันสังคมได้เมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และได้สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนลงแล้ว (ลาออก หรือเกษียณจากงาน) โดยไม่สามารถขอรับเงินคืนก่อนอายุ 55 ปีได้

สำหรับคำถามที่ว่าเงินบํานาญประกันสังคมได้เท่าไรนั้น จะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินสมทบที่จ่ายสะสมมาตลอดอายุการทำงาน ซึ่งจะถูกแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ “บำเหน็จ” ที่จ่ายเป็นเงินก้อนครั้งเดียว และ “บำนาญ” ที่จ่ายเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ตามเงื่อนไขระยะเวลาการส่งเงินสมทบที่ได้กล่าวไปข้างต้น
 

เอกสารที่ต้องใช้ในการรับเงินบํานาญประกันสังคม

เมื่อผู้ประกันตนมีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถยื่นเรื่องขอรับเงินชราภาพได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ที่สะดวก โดยควรเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อความรวดเร็ว ดังนี้
  • แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01) สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ประกันสังคม หรือขอรับที่สำนักงานฯ
  • บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
  • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อ และเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ
  • กรณีขอรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน ไม่ต้องใช้สำเนาสมุดบัญชี
 

วิธีการเช็กสิทธิบํานาญประกันสังคม

ในปัจจุบัน การตรวจสอบยอดเงินสะสมชราภาพของตนเองนั้นทำได้ง่าย และสะดวกมาก ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ด้วยตนเองผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อประเมินสิทธิประโยชน์ และวางแผนการเงินในอนาคต โดยมีขั้นตอนดังนี้

ผ่านเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม
  • เข้าไปที่เว็บไซต์ www.sso.go.th และเลือกเมนู “เข้าสู่ระบบผู้ประกันตน”
  • หากยังไม่เคยลงทะเบียน ให้ทำการ “สมัครสมาชิก” ก่อน
  • กรอกเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ
  • เลือกเมนู “ตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตน” และไปที่ “การคำนวณเงินสงเคราะห์ชราภาพ”
  • ระบบจะแสดงยอดเงินสมทบกรณีชราภาพที่สะสมไว้ทั้งหมด ทั้งในส่วนของผู้ประกันตน นายจ้าง และยอดรวมรายปี

ผ่านแอปพลิเคชัน SSO Connect
  • ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “SSO Connect” ได้ทั้งระบบ iOS และ Android
  • เข้าสู่ระบบด้วยเลขบัตรประชาชน และรหัสผ่านเดียวกันกับที่ใช้ในเว็บไซต์
  • เลือกเมนู “เงินสมทบชราภาพ” เพื่อตรวจสอบยอดเงินสะสม
 

เราจะได้เงินหลังเกษียณกี่บาท ?

ส่วนนี้จะพาทุกคนไปดูวิธีคำนวณเงินชราภาพประกันสังคมหลังเกษียณกัน ผ่านตารางคํานวณเงินชราภาพ ประกันสังคม ในที่นี้จะแบ่งเป็น 2 กรณี
 

1. คำนวณกรณีบำเหน็จชราภาพ

(สำหรับผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน) กรณีที่จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จแค่ในส่วนที่เราสมทบมาเพียงฝ่ายเดียว ไม่รวมส่วนของนายจ้าง

ตัวอย่างวิธีคำนวณเงินบำเหน็จชราภาพ : เราอายุ 55 ปี และสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ขณะส่งเงินสมทบได้ 10 เดือน และสมมติว่าส่งเงินสมทบเดือนละ 300 บาท ในที่นี้จะได้เงินบำเหน็จชราภาพประกันสังคม จำนวน 3,000 บาท (300 บาท x 10 เดือน)
 
วัยรุ่นชายศึกษาเรื่องเงินบำเหน็จชราภาพและวางแผนการเงิน

กรณีที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินชราภาพจากประกันสังคมแบบบำเหน็จ จาก 3 ส่วน คือ จำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตน + ส่วนของนายจ้าง + ผลประโยชน์หมายถึงกำไรจากที่ประกันสังคมเอาเงินไปลงทุน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด ดังนั้นผลประโยชน์ หรือกำไรจากที่ประกันสังคมเอาเงินไปลงทุน ต้องดูจากที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด

ทั้งนี้อัตราผลประโยชน์ตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี มีดังนี้
 
ปี อัตราผลประโยชน์ตอบแทน กรณีบำเหน็จชราภาพ มาตรา 33 และมาตรา 39 (ร้อยละ)
2561 3.16
2562 4.52
2563 2.75
2564 2.83
2565 3.46
ตัวอย่าง : ผู้ประกันตนมาตรา 33 เกษียณอายุที่ 55 ปี ทำงานมา 57 เดือน โดยที่ผ่านมาสมทบเข้าประกันสังคมเดือนละ 450 บาท โดย 1 ปี จ่ายประกันสังคม เท่ากับ
 
ปี เงินผู้ประกันตน
(A)
เงินสมทบนายจ้าง
(B)
เงินสมทบสะสม x อัตราผลประโยชน์ตอบแทน ผลประโยชน์ตอบแทน (C)
2561 5,400 5,400 10,800 x 3.16% 341.28
2562 5,400 5,400 (10,800+10,800) = 21600 x 4.52% 976.32
2563 5,400 5,400 (10,800+10,800+10,800) x 2.75% 891.00
2564 5,400 5,400 (10,800+10,800+10,800+10,800) x 2.83% 1,222.56
2565 4,050 4,050 [(10,800+10,800+10,800+10,800+8,100) x 3.46%] x 9/12 1,331.24
รวม 25,650 25,650   4,762.40
หมายเหตุ : 9/12 หมายถึง ผู้ประกันตนนําส่งเงินสมทบมาแค่ 9 เดือน ภายใน 1 ปี

เงินบำเหน็จชราภาพที่จะได้รับประกอบด้วย = เงินสมทบส่วนของตนเอง (A) + เงินสมทบส่วนของนายจ้าง (B)+ ผลประโยชน์ตอบแทน (C) = 25,650 + 25,650 + 4,762.40 = 56,062.40 บาท

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ (prachachat.net)
 

2. คำนวณกรณีเงินบำนาญชราภาพ

2.1) สำหรับผู้ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วเป็นเวลา 180 เดือนพอดี เมื่อครบอายุ 55 ปี และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคมในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย

ตัวอย่างวิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพ : ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้ายรวมกันหาร 60) แล้วนำไปคูณ 20% จะได้เงินบำนาญชราภาพที่จะได้รายเดือน เช่น ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายได้ 13,000 บาท คูณ 20% = 13,000 x 20% = 2,600 บาท กรณีนี้ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละ 2,600 บาท ไปจนตลอดชีวิต

2.2) กรณีที่จ่ายเงิน สมทบเกิน 180 เดือน บํานาญประกันสังคม ม.33 จะปรับเพิ่มอัตราเงินบำนาญชราภาพขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน

ตัวอย่างเช่น นาย A ผู้ประกันตนทำงานได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท มาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และ

คำนวณโดยแบ่งดังนี้
 
ระยะเวลาที่สมทบ ได้อัตราเงินบำนาญ
15 ปี หรือ 180 เดือน (แรก) 20%
5 ปี (หลัง) 7.5% (1.5% (ปรับเพิ่ม) × 5 ปี
รวมอัตราเงินบำนาญ 20 ปี 27.5%
ดังนั้นนาย A จะได้รับเงินบำนาญรายเดือน = 27.5% ของ 15,000 บาท = 4,125 บาท/เดือนจนตลอดชีวิต
(ที่มา: tnnthailand.com)
 

เปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย เงินชราภาพประกันสังคม

การรับเงินบำเหน็จ

ข้อดี ได้เงินเกษียณจากประกันสังคมเป็นก้อนใหญ่มาเลยทีเดียว เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เงินก้อน
ข้อเสีย จะได้บำเหน็จน้อยกว่าบำนาญ และมีโอกาสที่จะใช้เงินหมดก่อน หากอายุยืนอาจไม่มีเงินเพียงพอใช้ในบั้นปลายชีวิต
 

การรับเงินบำนาญ

ข้อดี ได้เงินชราภาพจากประกันสังคมมากกว่า และมีเงินใช้รายเดือนไปจนเสียชีวิต
ข้อเสีย ไม่มีเงินก้อนสำหรับการลงทุนหากมีความต้องการ
 

เงินชราภาพประกันสังคมที่ได้หลังเกษียณแล้วต้องเสียภาษีหรือไม่

เงินชราภาพประกันสังคมที่ได้หลังเกษียณไม่ต้องเสียภาษี ไม่ว่าผู้ประกันตนจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จ (เงินก้อน) หรือเงินบำนาญ (รายเดือน) เงินได้ในส่วนนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั้งจำนวน

อย่างไรก็ตาม หากผู้เกษียณมีรายได้จากแหล่งอื่น ๆ เช่น เงินปันผล, ค่าเช่า, หรือเงินได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ไม่เข้าเงื่อนไขการยกเว้นภาษี ก็จำเป็นต้องนำรายได้เหล่านั้นมายื่นภาษีตามปกติ
 
ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พร้อมเงินบำเหน็จและบํานาญประกันสังคม ม.33

เป็นอย่างไรกันบ้างหลังจากที่เห็นตัวเลขจากการคำนวณบำเหน็จบำนาญประกันสังคม ม.33 แบบนี้แล้ว แม้ว่าเงินที่เราจ่ายสมทบในประกันสังคมถือว่าเป็นหนึ่งในหลักประกันยามเกษียณ แต่จำนวนเงินชราภาพที่ได้จากประกันสังคมอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณของเรา ลองคิดดูว่า อีก 10 ปี อีก 20 ปี ข้าวของเครื่องใช้จะแพงขึ้นเพราะเงินเฟ้อขนาดไหน

จะดีกว่าไหม ถ้าเรามีทางเลือกในการออมเงินเพื่อเกษียณอย่างมีความสุขได้อีก โดยธนาคารกรุงศรี มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายที่จะช่วยให้คุณสามารถเกษียณได้อย่างสบายใจ หนึ่งในนั้นคือกรุงศรีประกันบํานาญ แฮปปี้ รีไทร์ หรือกรุงศรีประกันบำนาญ แฮปปี้ ไลฟ์สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.krungsri.com ได้เลย
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา