เป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้วที่สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ จากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ไม่มีท่าทีว่าจะจบในระยะเวลาใกล้ ๆ นี้ ส่งผลให้หลายประเทศขาดแคลนวัตถุดิบ ทรัพยากรต่าง ๆ ในทุกอุตสาหกรรมทั้งภาคการผลิต ไปจนภาคการเงินเกิดความไม่มั่นคง จากปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ราคาของใช้ในชีวิตประจำวันมีราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างเช่น สินค้าประเภทพลังงานน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, สินค้าอุปโภคบริโภค, สินค้าเกษตร และนี่ยังไม่รวม
ปัญหาเงินเฟ้อ ที่อาจมีการขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้า
และไม่นานมานี้บ้านเรายังต้องเผชิญกับสภาวะเงินบาทอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แล้วพวกเราจะรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร? ทางออกของพวกเราในตอนนี้คือ “
การบริหารความเสี่ยง” กับทุก ๆ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ยิ่งเป็นเรื่องของการเงิน ไม่จำเป็นต้องรอให้มันเกิดวิกฤตขึ้นแล้วค่อยทำ เพราะถ้าถึงเวลานั้น เราจะเตรียมตัวไม่ทัน
เพื่อที่เราจะบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หลายคนกำลังเริ่มมองหาทางออกด้วยการนำเงินไปลงทุน กับสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มมูลค่าขึ้นทุกวัน เพื่อช่วยเพิ่มความมั่งคั่ง สร้างฐานะให้ดีขึ้นเพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ รอบตัว และวันนี้เรามีขั้นตอนการบริหารความเสี่ยงมาฝากเพื่อเป็นแนวทางใช้รับมือกับความเสี่ยงเรื่องการเงิน
1. แบ่งเงินไปลงทุนทองคำ
เมื่อใกล้จะเกิดวิกฤตสินทรัพย์แรกที่หลายคนต้องนึกถึง หนีไม่พ้นทองคำอย่างแน่นอน นั่นเพราะว่ายิ่งมีวิกฤตเกิดขึ้นทองคำจะมีมูลค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ สามารถใช้แลกเปลี่ยนได้ทั่วโลก และทองคำจะมีแต่ความต้องการมากขึ้นตลอดไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมมีข่าวเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใด เราจะเห็นผู้คนไปจับจ่ายซื้อ-ขายทองกันอย่างมากมาย เพื่อความไม่ประมาท เราอาจแบ่งเงินเก็บมา
ลงทุนในทองคำบ้าง หากวันใดที่เราเกิดความเสี่ยงทางการเงิน ทองคำที่เราเก็บออมเอาไว้ จะเป็นฮีโร่ช่วยเราได้ทุกวิกฤต
2. แบ่งเงินไปลงทุนหุ้นพื้นฐาน
เป็นธรรมดาที่ตลาดหุ้นจะดิ่งลงเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดความเสี่ยงอะไรบ้าง แต่รู้ไหมว่าช่วงที่ผู้คนเทขายหุ้นเพราะกลัวความเสี่ยง นี่อาจเป็นโอกาสทองของเราได้เลย ทำไมเราถึงบอกแบบนี้ เพราะช่วงแรก ๆ ของทุกวิกฤตตลาดหุ้นมักจะร่วง เราจะสามารถเข้าไปซื้อหุ้นได้ในราคาถูกลง และมั่นใจได้เลยหุ้นประเภทพื้นฐาน กลุ่มสาธารณูปโภค หรือสินค้าจำเป็นจะยิ่งเติบโตขึ้นเพราะไม่ว่าใครก็ต้องการสินค้าเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งเกิดวิกฤตนานเท่าไหร่ ราคาของ
หุ้นพื้นฐานจะวิ่งขึ้นตามไป ดังที่พวกเราเห็นว่าตอนนี้สินค้าประเภทอาหาร หรือพลังงานมีความต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด หากอยากลดความเสี่ยงจากการลงทุนแบบอื่น ๆ การเข้าไปลงทุนในหุ้นพื้นฐาน เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงจากปัจจัยรอบด้าน
- ลด ละ เลิกก่อหนี้บริโภค
ทุกวันนี้ปัญหาหนี้บริโภคที่มากขึ้นทุกวัน ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิต ยิ่งสมัยนี้การมีบัตรเครดิตสำหรับคนทำงานอยากรูดซื้อ รูดผ่อนอะไรก็ได้แบบชิลล์ ๆ เมื่อรูดบัตรมันง่ายแต่ถ้าเราขาดความยับยั้งชั่งใจมันอาจมากเกินควบคุมส่งผลให้หนี้ในแต่ละเดือนของเรามีมากกว่ารายได้ ส่งผลให้เราต้องจ่ายแบบขั้นต่ำทุกเดือน ดอกเบี้ยก็เหมือนดินพอกหางหมูไปเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกเราอาจต้องขึ้นศาลเพื่อไกล่เกลี่ยหนี้ส่วนนี้กับทางเจ้าหนี้ ในช่วงนี้อะไรที่ยังพอใช้ได้ ก็ให้ใช้ไปก่อน ไม่จำเป็นต้องรูดบัตรเครดิตซื้อทุกอย่างก็ได้ เพราะการมีหนี้ในช่วงวิกฤตไม่ใช่เรื่องน่าสนุกหรอก เพราะไม่รู้การเงินของเราจะหยุดชะงักลงเมื่อไหร่
- ใช้เงินให้น้อยลง แล้วแบ่งไปฝากในบัญชีออมทรัพย์
หลายคนบอกเศรษฐกิจช่วงวิกฤตแบบนี้จะเอาเงินที่ไหนมาเก็บออม แค่ที่มีก็ไม่พอใช้ เชื่อเราสิว่า เราเก็บออมได้เพราะเรื่องแบบนี้เราสามารถทำให้มันเป็นนิสัยได้ เก็บก่อนใช้ ไม่จำเป็นต้องเก็บจำนวนเยอะ ๆ ก็ได้ในช่วงเริ่มต้นเอาแค่เพียง 3% หรือ 5% ของรายรับก่อนก็ได้ยิ่งเราทำแบบนี้ได้บ่อย ๆ เข้าทุกเดือนเราจะพบความเปลี่ยนแปลงคือ เงินเก็บของเราจะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นแล้วต่อจากนี้ตัวเราเองนี่ล่ะที่อยากให้เงินมันเพิ่มมากกว่าเดิม และหากใครคิดว่าเงินออมที่มี เติบโตเริ่มช้าลง เราอาจนำเงินไปออมไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยโอเคในระดับหนึ่งอย่าง บัญชีออมทรัพย์มีแต่ได้ ออนไลน์ จากธนาคารกรุงศรี ที่เราสามารถเปิดบัญชีได้เองเลยในแอปฯ KMA (Krungsri Mobile App) ไม่ต้องเดินทางไปยื่นเอกสารถึงสาขา ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็สามารถโอนเงินเข้ามาฝากเพื่อรับดอกเบี้ยได้เลย และถ้าช่วงไหนสภาพคล่องเราสะดุด ก็สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ทันที หากใครที่อยากมีที่พักเงิน แบบความเสี่ยงต่ำการเก็บเงินไว้ในบัญชีฝากออมทรัพย์ นี่ล่ะใช่เลย
แล้วเชื่อเถอะเงินออมก้อนนี้แหละ เป็นตัวช่วยที่ดีเวลาเราต้องพบวิกฤตการเงินจะได้ไม่ต้องไปยืมใคร กู้เงินจากที่ไหนให้เสียดอกเบี้ยเยอะ ๆ ใช้วิธีกู้เงินเก็บของตัวเราเองแต่สำคัญต้องจ่ายคืนด้วยนะ แล้วแบบนี้ไม่ว่าชีวิตจะพบความเสี่ยงรูปแบบใด ก็ไม่มีความเศร้าเพราะเรามีเงินสำรองเตรียมพร้อมไว้เสมอ
เมื่อเราเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานี้ เราอาจเห็นความเสี่ยง และความไม่แน่นอนหลาย ๆ อย่างที่อาจทำให้เราต้องพบทางที่ลำบากได้ แต่ถ้าเราจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้ได้ เราจะพบโอกาสดี ๆ อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น โอกาสที่เราจะได้มีนิสัยทางการเงินที่ดีขึ้น หรือโอกาสจะเปลี่ยนฐานะของเราที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นจากการลงทุนที่เหมาะสม โดยใช้ความเสี่ยงให้เป็นประโยชน์ หากใครกำลังรู้สึกว่าใกล้จะพบความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโลก สามารถเอาความรู้ดี ๆ จากเราไปปรับใช้กับชีวิตได้เลย แล้วเราจะพบว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้น บางทีก็ไม่ใช่เรื่องแย่ไปทั้งหมด