ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินออม เก็บสะสมทุกเดือน ก็ถือว่าเยี่ยมมาก มีวินัยที่ดี เป็นคนที่รู้จักวางแผนทางการเงิน เพราะรู้ที่จะใช้ในวันนี้ และมีเงินเก็บไว้ใช้ในวันหน้า แต่หลายๆ คนก็ยังทำไม่ได้ มีเงินใช้ในวันนี้ แล้วเอาไปใช้หนี้จนหมดไม่มีเหลือในวันหน้า เจอแบบนี้เข้าไปต้องรีบดึงสติกลับมา ต้องทำให้รายจ่ายลดลงให้จงได้ มันก็มี 2 แนวทาง คือ ลดรายจ่าย กับเพิ่มรายได้ ดูเหมือนจะง่าย ลองทำอาจไม่ง่ายเท่าไหร่ แต่ก็ควรจะลงมือทำ ก่อนที่จะกลับตัวไม่ทัน
"สิ่งไหนที่มองว่าฟุ่มเฟือย ก็ลองตัดออกไปบ้าง อาจจะไม่ตัดให้ขาดทีเดียว แต่ลองลดทอนลงไป"
ในส่วนของการลดรายจ่าย ก็สำรวจดูว่ามีรายจ่ายอะไรบ้างต่อเดือน สิ่งไหนที่มองว่าฟุ่มเฟือย ก็ลองตัดออกไปบ้าง อาจจะไม่ตัดให้ขาดทีเดียว แต่ลองลดทอนลงไป เพราะหักดิบเลย คงจะทำได้ไม่นาน ยกตัวอย่างสิ่งที่หลายๆ คนชอบ ผมพุ่งเป้าไปที่กาแฟ ที่ซื้อทุกวันทำงานตอนเช้าบ้าง พักเที่ยงบ้าง เราจะลดโดยไม่ใช่เลิกดื่ม แต่ถามตัวเองว่าดื่มเพราะแก้ง่วง ผมต้องการคาเฟอีน ไม่ใช่ความหวาน ผมจึงหันมาดื่มกาแฟดำ ตรงนี้ถ้าดื่มแบบใส่น้ำตาล ใส่นม ใส่ครีม ก็จะแพงกว่าและไม่ดีต่อสุขภาพ ยิ่งเป็นกาแฟเย็นแล้วน้ำตาลเพียบ พอมาดื่มแบบนี้เฉลี่ยก็ตกแก้วละ 50 บาทต่อวัน ต่อเดือนก็ 1,000 บาท (คิดเฉพาะวันทำงาน วันหยุดอาจจะมีไปนั่งที่ร้าน เพื่อพักผ่อนจริงๆ อันนี้ไม่นับ) แล้วสเต็ปต่อไป ผมเปลี่ยนไปซื้อกาแฟขวดจากห้าง เอามาชงเองที่โต๊ะทำงาน ตกขวดละ 200-400 บาท กินได้ประมาณ 1 เดือน โดยมีน้องๆ มาแจมบ้าง ผ่านมา 4 เดือน แทนที่จะจ่ายไป 4,000 บาท ผมจ่ายไป 1,600 บาท ก็มีเงินเหลือเก็บไปใช้จ่ายอย่างอื่น
บางคนอาจจะบอกว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ อะไรกันนักหนา ถ้าเรื่องนี้มันคือความสุข ลดทอนไม่ได้ก็ทำเหมือนเดิมไป ดื่มกาแฟแพงๆ ต่อไป แล้วไปปรับเรื่องอื่นแทน แต่ถ้าลองดูแล้วอะไรก็เลิกไม่ได้ความสุขทั้งนั้น อันนี้ก็ลำบากแล้ว โครงการลดรายจ่ายก็จะพังลง แต่ผมเชื่อว่าน่าจะทำได้ บางอย่างเราลืมใส่ใจรายละเอียดแล้วเพลินกับมัน ลองปรับตัวเองดู ไปเที่ยวให้น้อยลง กินอาหารแพงๆ ให้น้อยครั้ง สิ้นเดือนพอคุณเห็นมีเงินเหลือไว้ออม คุณก็มีกำลังใจมากขึ้น
ต่อไปมามองที่รายได้ นอกจากมีรายได้จากเงินเดือนแล้วมีรายได้เสริมช่องทางอื่นอีกไหม มีธุรกิจอะไรที่ทำอยู่ ยิ่งมีหลายทางก็ยิ่งดี จะได้สู้รบกับรายจ่ายได้ น้องที่ออฟฟิศที่ผมรู้จักหลายคน วันหยุดเขาไปทำสิ่งที่เขารัก ไม่ว่าจะไปเป็นช่างภาพ ไปเป็นอาจารย์สอน ไปเป็นช่างแต่งหน้า ล้วนแล้วแต่สร้างรายได้เพิ่มและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ ตรงนี้สำคัญมาก ใครยังหาไม่เจอ รีบค้นหาให้เจอนะครับ
"และอีกช่องทางหนึ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนอยากมีรายได้เพิ่ม คือ การลงทุน เอาเงินก้อน เงินออมที่สะสม ไปลงทุนให้กำไรงอกเงย"
และอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาจำกัด แต่อยากมีรายได้เพิ่ม ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการลงทุน เอาเงินก้อน เงินออมที่สะสมไปลงทุนให้กำไรงอกเงย โดยที่ตัวเรายังนั่งทำงานปกติ
ทำอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากประจำ โดยที่ไม่ต้องการเสี่ยงมาก เพราะเรามีเงินทุนน้อย แต่ก็อยู่ที่แต่ละคนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน เสี่ยงมากก็จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า เสี่ยงน้อยก็จะได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่า
สำหรับใครที่ชอบความเสี่ยงสูง
ก็ต้องเอาไปลงในหุ้นและบริหารจัดการให้ได้กำไร และวางแผนให้ดีว่าจะเป็นนักลงทุนแนวเก็งกำไร หรือจะถือยาว แต่ถ้าเล่นหุ้นไม่เป็น ไม่มีเวลาศึกษา การที่หันไปมอง กองทุนรวม ให้ผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการให้โดยเน้นไปที่กองทุนที่ลงทุนในหุ้น ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับใครที่ชอบความเสี่ยงระดับกลาง
ก็นำเงินไปลงทุนประเภท หุ้นกู้ หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีเงินลงทุนไม่เยอะ แม้จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ แต่ก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละกองทุนจะมีกระจายความเสี่ยง ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้เอกชน รวมถึงเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน แล้วแต่จะลงทุนแต่ละประเภทสัดส่วนเท่าใด
สำหรับใครที่ชอบความเสี่ยงระดับต่ำ
ก็จะเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น หรือจะเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี
ทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ลองสำรวจตัวเอง ปรับลดรายจ่าย เพื่อมีเงินเก็บมากขึ้น และหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น การลงทุนเป็นทางเลือกที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน เพราะเราทำงานประจำ แต่ก็สามารถให้เงินออมทำกำไรให้เราได้ไปพร้อมๆ กัน