ใช้ชีวิต Slow life อย่างไรให้กระเป๋าเงินตุง
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ใช้ชีวิต Slow life อย่างไรให้กระเป๋าเงินตุง

icon-access-time Posted On 06 สิงหาคม 2558
By Krungsri Guru
ปัจจุบัน เราคงคุ้นหูกับเทรนด์การใช้ชีวิตแนวใหม่มาแรง “Slow Life” ซึ่งเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ ยึดหลักพอเพียง มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น แต่จริง ๆ แล้วการใช้ชีวิตแบบ “Slow Life” เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยสำหรับโลกเทคโนโลยีที่สับสนวุ่นวายอย่างในปัจจุบันนี้เลยใช่ไหมครับ?

“Slow Life” คืออะไร?

“Slow Life” คือ เทรนด์การใช้ชีวิตสไตล์ใหม่ ที่มีคนให้ความสนใจกันอย่างมาก เป็นการใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป มีสาระทุกก้าว ทำทุกอย่างให้ช้าลง ตั้งสติให้มากขึ้น
ผู้บุกเบิกการใช้ชีวิตแนวนี้ คือ ลีโอ บาบัวต้า บล็อกเกอร์ และนักเขียนชื่อดัง เจ้าของเว็บบล็อก Zen Habits ที่ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 240,000 คน ได้รับการจัดอันดับเป็นเว็บบล็อกยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกประจำปี 2010 โดยนิตยสารไทม์ เขายังมีผลงานหนังสือหลายเล่มด้วยกัน แต่เล่มที่ติดเบสต์เซลเลอร์มีชื่อว่า “The Power of Less” ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม

ความหมายของ “Slow Life”

S - Sustainable คือ การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
L - Local คือ การปรับเปลี่ยนชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น อุดหนุนสินค้าท้องถิ่น
O - Organic คือ มีความพอใจกับสิ่งที่ไม่ปรุงแต่ง เลือกใช้สินค้าที่ไม่มีสารเคมี ลดความเสี่ยงการเป็นโรคจากสารเคมีต่าง ๆ
W - Wholesome คือ การรักษาสุขภาพของตัวเอง อยู่ในที่ ๆ อากาศบริสุทธิ์
L - Learning คือ การเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่อคติทำในสิ่งยังไม่เคยทดลอง เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น
I - Inspiring คือ มีแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต ตั้งเป้าหมายสิ่งที่จะต้องทำสำเร็จภายใน 1 ปี แล้วทำให้สำเร็จตามเป้าหมายนั้น ๆ
F - Fun คือ การมองโลกในแง่ดี ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ลดความกังวล มีความสุขกับปัจจุบัน กับสิ่งที่เรามี
E - Experience คือ การฝึกทักษะที่ตัวเองถนัด จนเชี่ยวชาญกลายเป็นประสบการณ์ที่สามารถบอกต่อ ถ่ายทอดต่อคนอื่น ๆ
หากเราอยากจะใช้ชีวิต “Slow Life” แบบกระเป๋าตุง ๆ อยู่ได้สบาย ๆ ด้วย เราจะต้องทำยังไงล่ะ

การลงทุนแบบ “Slow Life”

1. Money Market Fund

การลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน หรือ Money Market Fund เพราะว่าการลงทุนชนิดนี้ ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ไม่อยากให้เงินต้นหาย ไม่ชอบความเสี่ยง ลงทุนระยะสั้น หรือปานกลาง และย้ายเปลี่ยนกองทุนได้ง่ายเพราะว่ากองทุนมีสภาพคล่องสูงนั่นเอง
การลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน มักจะเป็นการนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี เพื่อเป็นการเลี่ยงความเสี่ยง โดยผู้จัดการกองทุนจะมีนโยบายนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารหนี้ที่ค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง ทำให้เกิดความมั่นคง มีความผันผวนต่ำ หรือเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชนผสมผสานกัน แต่ว่าเป็นหุ้นกู้ระยะสั้น มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนตลาดเงินในตราสารหนี้ภาครัฐแต่อย่างเดียว
อีกอย่างที่อาจจะเป็นประโยชน์จากการลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน คือ การลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินนั้นไม่ต้องเสียภาษีรายได้จากดอกเบี้ย 15% หากลงทุนแล้ว ต้องการขายออกก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่หากฝากเงินไว้กับธนาคารคุณจะต้องเสียภาษีที่ได้จากดอกเบี้ย หัก ณ ที่จ่ายอีก 15%

2. การลงทุนในกองทุนรวม

กองทุนรวมมี 2 ประเภท
กองทุนรวมปิด : กองทุนที่สถาบันการเงินเปิดขายครั้งเดียว มีการตั้งระยะเวลา หรืออายุของกองทุน (2, 3, 5 ปี) หลังจากระยะเวลาครบกำหนด ผู้ซื้อจึงจะสามารถขายคืน หรือรับเงินปันผลได้ การลงทุนในกองทุนแบบนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินก้อน เงินเย็น และต้องการซื้อครั้งเดียว และไม่ต้องการติดตามเทรนด์ตลาด
กองทุนรวมเปิด : กองทุนที่ผู้ซื้อสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน แต่ทั่วไปมือใหม่จะเลือกซื้อกองทุนปิด เพราะมีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดลงทุน มีพื้นฐานมั่นคง อัตราเสี่ยงต่ำ
กองทุนทั้งสองแบบนี้ สามารถนำไปเป็นส่วนลดภาษีเงินได้รายปีได้อีกด้วย

3. LTF/RMF

LTF หรือ Long-Term Equity Fund กองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนรวมที่เกิดมาจากแนวคิดของส่งเสริมการลงทุนในตลาดรอง (SET และ MAI) เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุนไทย ช่วยสร้างวินัยในการออมเงินระยะยาวให้คนไทยได้อีกด้วย
RMF หรือ Retirement Mutual Fund กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่เกิดจากแนวคิดที่ต้องการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างวินัยในการออมระยะยาว เพื่อวัยเกษียณ เมื่อไม่มีรายได้ประจำ และไม่ได้ทำงานแล้วนั่นเอง
การลงทุนประเภทนี้ นอกจากจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุน นอกจากนั้นยังสามารถนำเงินที่ลงทุนไปเป็นส่วนลดหย่อนภาษีเงินได้รายปีได้อีกด้วย
การใช้ชีวิต “Slow Life” แม้จะเป็นเทรนด์ใหม่ แต่หากดูดีๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น หากเราต้องการใช้ชีวิตตามเทรนด์ “Slow Life” ไม่เพียงแค่เราจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตวันต่อวันของเราใหม่ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสร้างความมั่งคั่ง เพื่อที่เราจะได้มีความมั่นคงมากพอจะสร้างและใช้ชีวิต “Slow Life” ได้ในอนาคตนะครับ
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา