ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา บางคนอาจจะต้องหยิบเงินเก็บขึ้นมาใช้สำหรับอะไรหลายๆอย่าง ทำให้เงินที่เก็บไว้ค่อย ๆ หมดไป แต่วันนี้เริ่มเก็บใหม่ก็ยังไม่สาย หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องยากเพราะอาจจะกำลังหมดกำลังใจ ลองปรับแนวคิดใหม่แล้วตั้งเป้าหมายว่าเราจะเก็บเงินเพื่ออะไรดู คิดซะว่าเป็นการวางแผนเก็บเงินระยะยาว จากการเริ่มออมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละเดือน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้หากเกิดสถากานการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวคุณเองหรือคนรอบข้างอีกครั้ง เมื่อคุณมีแรงกระตุ้นที่จะเก็บเงิน เรามีทริกที่ช่วยให้คุณเก็บเงินได้เร็วขึ้นบางเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้ามไป
รวม 10 ทริกเก็บเงินง่าย ๆ แต่ทำได้จริง ดังนี้
1. ลด ละ เลิก การใช้แบงก์ 50 บาท
จริง ๆ แล้วเทคนิคการเก็บเงินด้วยแบงก์ 50 บาท ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย หลายคนอาจจะเก็บเงินด้วยแบงก์ 50 กันอยู่แล้ว แต่คนที่ยังไม่เคยลองวิธีนี้ หรือลองเก็บแล้วไม่คืบหน้าไปไหน เราขอแนะนำให้ลองเก็บโดยการเพิ่มกิมมิคเข้าไปด้วย ไม่ยุ่งยากอะไร แค่ตั้งเป้าหมายให้กับการเก็บแบงก์ 50 เป็นการกระตุ้นให้คุณไปให้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น
เก็บได้ 150 ใบ ได้ไปเที่ยวภูเก็ตได้
เก็บได้ 400 ใบ ได้ไปเที่ยวได้ไกลถึงไทเป
เก็บได้ 600 ใบ ได้ถอยโทรศัทพ์มือถือระดับไฮเอนด์เครื่องใหม่
เก็บได้ 1,800 ใบ ได้ดาวน์รถยนต์ป้ายแดงได้หนึ่งคัน
เมื่อคุณเก็บแบงก์ 50 บาทได้จำนวนหนึ่งแล้ว จากนี้คุณจะเลือกทำตามเป้าหมาย หรือจะเลือกนำเงินไปลงทุนเพื่อต่อยอดเงินก็ได้
2. ทานข้าวที่บ้านให้บ่อยขึ้น
บางคนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ต้องหาเรื่องออกไปทานอาหารนอกบ้านกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนัดเดท นัดเพื่อน หรือใช้เวลากับครอบครัวก็ตาม ลองเปลี่ยนใหม่ไหม? ชวนเพื่อนหรือนัดแฟนมาทานข้าวที่บ้าน หรือทำอาหารจากบ้านแล้วไปหาสวนสาธารณะนั่งทานอาหารกับครอบครัวก็ได้ เพราะการไปทานอาหารนอกบ้านนอกจากจะเปลืองงบค่าอาหาร แต่ยังรวมถึงงบเอนเตอร์เทนด้วย แถมการทำกิจกรรมด้วยกันที่บ้านยังช่วยคุณเซฟเวลาในการเดินทางและได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น มีกิจกรรมให้ทำมากมายเลย เช่น ดูหนัง เล่นเกม
การงดทานอาหารฟาสฟู้ดหรือซื้ออาหารจากร้านสะดวกซื้อ ก็ช่วยคุณประหยัดเงินได้ด้วย การที่คุณทำอาหารทำเองคุณควบคุมค่าใช้จ่ายได้ แล้วยังเลือกทำเมนูที่ดีต่อสุขภาพได้ด้วย เช่น สลัดผัก หุงข้าวกล้อง แล้วคุณยังเตรียมอาหารเองเพื่อไปทานที่ทำงานได้ด้วย บอกได้เลยว่า
ประหยัดเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยนะแต่ละเดือน มีเงินให้เหลือเก็บแน่
3. ปิดให้หมด ประหยัดค่าไฟได้เยอะ
เราต้องผจญกับหน้าร้อนสุดหฤโหดกันมาแล้วเมื่อเดือนเมษายน หลายบ้านคงแทบกระอักกับค่าไฟที่พุ่งสูงปรี๊ด และอากาศร้อนจะยังคงอยู่กับเราไปอีกสักพัก แม้จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เรื่องการเปิดแอร์ หรือเปิดพัดลม แต่เราสามารถประหยัดไฟในส่วนอื่น ๆ ได้ เช่น ปิดไฟทุกครั้งเมื่อออกจากห้องหรือออกจากบ้าน กลางวันถ้ามีแสงสว่างมากให้งดเปิดไฟในบ้าน ก็ช่วยเซฟเงินค่าไฟได้เยอะทีเดียว บริเวณไหนในบ้านที่เราไม่ได้อยู่ก็ให้ปิดไฟ ปิดโทรทัศน์ เราไม่ได้ให้คุณงดดูทีวี แต่ให้ลดจำนวนเครื่องที่เปิดทีวี ถ้าบ้านคุณมีทีวี 3 เครื่อง คุณควรดูทีวีด้วยกันเพียงเครื่องเดียว นอกจากช่วยประหยัดไฟแล้ว ยังได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันกับครอบครัวอีกด้วย อีกวิธีคือการลดระดับแพคเกจเคเบิลที่คุณดู เช่น จากระดับพรีเมียม มาเป็นระดับโกลด์ หรือซิลเวอร์ ก็ได้ ช่วยคุณประหยัดเงินในแต่ละเดือนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
4. สมัครสมาชิกร้านออนไลน์ได้ส่วนลดเพียบ
ยุคดิจิทัลอย่างปัจจุบันนี้ คุณจะอยู่ที่ไหน เวลาใด ก็สามารถชอปปิ้งออนไลน์ได้ แต่จะซื้อทั้งที ซื้อให้ได้รับประโยชน์และประหยัดสูงสุดเลยดีกว่าไหม เดี๋ยวนี้ร้านค้าออนไลน์หรือร้าน E-commerce ต่าง ๆ พร้อมใจกันทำการตลาด มอบส่วนลด ของแถมให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา แนะนำว่าคุณควรสร้างอีเมลใหม่เลย เพื่อไว้รับจดหมายข่าวหรือจดหมายแจ้งเตือนจากร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ นอกจากนี้คุณควรตรวจสอบเมื่อจะทำการชำระเงินทุกครั้งว่า บัตรเครดิตใดที่ได้รับส่วนลดสูงสุด หรือบัตรไหนมีโปรโมชั่นใดบ้างกับทางร้านค้า รวมไปถึงคูปองส่วนลดที่ร้านค้ามักมีให้ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ แล้วให้คุณเก็บไว้ใช้เมื่อไรก็ได้ บางร้านค้าหรือบางบัตรเครดิตสามารถแลกคืนเป็นเงินสด หรือแลกคะแนนสะสม ได้อีกเพียบเลย บางทีคุณอาจได้ประหยัดเงินกว่าครึ่งในการซื้อของออนไลน์
อีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยประหยัดได้เมื่อจะทำการชอปปิ้งคือ ทำลิสต์รายการของที่จะซื้อ ช่วยให้คุณใช้เงินได้ตามบัดเจ็ทที่วางไว้ได้ เพราะบางคนถ้าไม่ได้ทำลิสต์รายการ บางทีก็เผลอซื้อของเกินงบอยู่บ่อยครั้ง คุณก็เป็นหนึ่งในนั้นใช่ไหมละ
5. ซ่อมเองได้ไม่ง้อร้าน
เดี๋ยวนี้การซ่อมแซมของใช้เองเบื้องต้นใคร ๆ ก็ทำได้ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้คุณหาวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทางอินเทอร์เน็ต แล้วที่สำคัญคือ ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน คุณสามารถเสิร์ชหาข้อมูลได้ในกูเกิล หรือยูทูปได้สบาย ๆ การซ่อมแซมที่คุณทำได้เองแบบง่ายที่สุด ก็คือการซ่อมเสื้อผ้าที่ขาดหรือชำรุด แทนที่โละทิ้งลงถังขยะ แค่คุณแก้ไขด้วยการเย็บ หรือเปลี่ยนกระดุมใหม่ ก็กลับมาใส่ได้เหมือนใหม่แล้ว
ถ้าเพิ่มสเต็ปความยากขึ้นมาหน่อย ก็คือการตรวจสอบซ่อมบำรุงเบื้องต้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น เครื่องดูดฝุ่นมีผงอุดตันไหม นำออกมาเคาะฝุ่นทำความสะอาดก่อนที่จะใช้งานไม่ได้ หรือจะเป็นการตรวจสอบเครื่องทำความเย็น เช่น แอร์ ตู้เย็น โดยการตรวจสอบแผ่นกรองอากาศหรือแผ่นกรองฝุ่น นำออกมาล้างปัดฝุ่นให้สะอาด ก็ช่วยยืดอายุเครื่องใช้ไฟฟ้าได้นาน ช่วยคุณประหยัดค่าซ่อมบำรุงได้มากทีเดียวนะ
6. แจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดชำระหนี้
เป็นเทคนิคในการควบคุมการ
ชำระหนี้เพื่อให้ง่ายในการทำความเข้าใจ คุณสามารถสร้างเป็นกราฟเพื่อดูความคืบหน้าในแต่ละเดือน และดูได้ว่าอีกกี่เดือนคุณจะชำระหมด ยกตัวอย่างเช่น คุณมีหนี้สินเชื่อ เพื่อซ่อมแซมบ้าน จำนวนเงินสินเชื่อ 200,000 บาท ระยะเวลาการชำระเงินคือ 24 เดือน แต่คุณสามารถชำระเพื่อโปะหนี้ได้ภายในสิ้นปีแรก คุณสามารถทำกราฟโดยแบ่งออกเป็นรายเดือน 24 เดือน แล้วดูว่าคุณผ่อนชำระไปได้กี่เดือน และกี่บาท แล้วเหลืออีกจำนวนเท่าไหร่ที่คุณต้องชำระ วิธีนี้จะช่วยให้คุณปิดหนี้ได้เร็วขึ้น และลดดอกเบี้ยลงได้ด้วยนะ หลักการแจ้งเตือนชำระหนี้สามารถใช้ได้กับการผ่อนชำระเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด ทำให้คุณตรวจสอบความก้าวหน้าในการชำระหนี้ และยังเป็นการกระตุ้นให้คุณปิดหนี้ได้เร็วขึ้นด้วย
7. ของมือสองดีและประหยัด
หยุดก่อน ถ้าคุณจะบอกว่าคุณไม่ใส่เสื้อผ้ามือสอง เราอยากจะบอกว่าของมือสองที่ถูกและดีไม่ได้มีแค่เสื้อผ้า ยังมีอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ ของใช้ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น เราอยากบอกว่าการซื้อของมือสองช่วยคุณเหลือเงินเก็บมากเลย
- หนังสือ โดยเฉพาะหนังสือเรียน หรือตำราเรียนในมหาวิทยาลัย อาจเป็นหนังสือมือสองจากรุ่นพี่ หรือหาซื้อจากร้านหนังสือเรียนมือสองก็ได้ ช่วยประหยัดเงินได้มากทีเดียว
- เฟอร์นิเจอร์ เดี๋ยวนี้เฟอร์นิเจอร์มือสองนำเข้า หรือแบบวินเทจได้รับความนิยมมาก และราคาถูกกว่าเฟอร์นิเจอร์ใหม่กว่าครึ่ง ที่สำคัญคุณภาพยังดีอยู่เลย แค่คุณรู้จักเลือกก็ได้แบบเก๋ ๆ แล้ว
- ของใช้แม่และเด็ก เช่น คาร์ซีท ของเล่นเด็ก เพราะว่าบางครอบครัวใช้เพียงครั้งเดียว เพราะมีลูกคนเดียว และช่วงอายุการใช้ของเล่นและของใช้ของเด็กจะเป็นเพียงไม่กี่ปี เด็ก ๆ ก็จะโตเกินกว่าจะใช้คาร์ซีท
8. ประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์เก็บเงินง่ายได้เงินคืนก้อนใหญ่
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์กันก่อน ประกันประเภทนี้คือประกันที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกัน ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ อาจจะเป็นชำระเบี้ยประกัน 5 – 8 ปี และ รับความคุ้มครองชีวิตไปถึงระยะเวลาที่กรมธรรม์ได้กำหนดไว้ อาจจะเป็น 15 – 20 ปี ขึ้นอยู่กับแบบประกันชีวิตของแต่ละบริษัทฯ ทั้งนี้ประกันประเภทนี้ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืน ณ วันครบกำหนดสัญญาเป็นจำนวนที่แน่นอนตามที่กรมธรรม์ระบุ ประกันประเภทนี้เป็นการการันตีเงินสำหรับเป้าหมายในอนาคตให้เป็นไปตามที่กำหนด ซึ่งเราซื้อประกันประเภทสะสมทรัพย์เพื่อการันตีความมั่นคงทางการเงินในอนาคตนั่นเอง
กรุงศรี เองก็มี
ประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์ ชื่อว่า กรุงศรี เริ่มง่าย ได้ฟินฟิน 16/8 รับประกันโดยบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ให้คุณเก็บเงินได้ง่าย ๆ ได้คืนทุกปี รับเงินก้อนใหญ่เมื่อครบสัญญา และสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น คุณอายุ 25 ชำระเบี้ยประกันรายปี 12,000 หรือรายเดือน เดือนละ 1,000 บาท คุณจะได้รับเงินจ่ายคืนตามกรมธรรม์คือ 3% ต่อปี หรือ 1,500 บาท โดยคุณต้องชำระเบี้ยประกันปีละ 12,000 บาทเป็นเวลา 8 ปี ปีที่ 9 ถึงปีที่ 16 คุณไม่ต้องชำระเบี้ยประกันแล้ว แต่ยังได้รับเงินจ่ายคืนตามกรมธรรม์ ตลอด 15 ปี และเมื่อครบกำหนดสัญญาปีที่ 16 คุณจะได้รับเงิน 100,000 บาท รวมทั้งสิ้นตลอดอายุสัญญารับเงิน 122,500 บาท
9. จ่ายบิลออนไลน์
เดี๋ยวนี้การชำระเงินค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์กำลังได้รับความนิยม และมีความปลอดภัยสูง แถมยังให้คุณได้ติดตามเงินของคุณอย่างใกล้ชิดแค่ปลายนิ้วสัมผัส รวมทั้งให้คุณสามารถดูความเคลื่อนไหวทางการเงินของคุณผ่านแอป แล้วยังซื้อกองทุนหรือหุ้นได้ด้วย นอกจากจะประหยัดเวลาในการไปธนาคาร ยังช่วยลดการใช้กระดาษได้ด้วย ทั้งการกรอกฟอร์มเอกสารทางการเงินออนไลน์ หรือได้รับเป็นใบเสร็จแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สำคัญบางแอปพลิเคชั่นสามารถชำระเงินแบบไม่เสียค่าธรรมเนียมแถมยังได้ส่วนลดเงินคืนอีกด้วย
10. เดินห้างเมื่อจำเป็นจริง ๆ
เชื่อเราเถอะว่าวินโดว์ ชอปปิ้ง ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ถ้าคุณมีเงินในกระเป๋าอยู่เพียงน้อยนิด เพราะที่ห้างสรรพสินค้าเต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนใจทั้งนั้น และพร้อมที่จะละลายเงินในกระเป๋า ถ้าคุณเป็นคนจิตอ่อนต่อสิ่งยั่วยวนเหล่านี้ ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยง แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องไปเดินห้างฯ จริง ๆ เพื่อซื้อของที่จำเป็น ก็ให้มุ่งตรงไปยังร้านค้าของสินค้าที่คุณต้องการจะซื้อเลย แต่ถ้าหากคุณเพียงต้องการไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายหรือเอนเตอร์เทน เราแนะนำให้คุณเลือกไปสถานที่อื่นดีกว่า เช่น ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ เป็นต้น ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากเลย
ทั้ง 10 ทริก ที่เราแนะนำ คุณสามารถเลือกนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องทำตามที่เราแนะนำเป๊ะ อาจนำไปปรับใช้บางทริกที่ง่าย ๆ ก่อนก็ได้ แล้วค่อยขยับสเต็ปขึ้น เพราะการออมเงิน แค่คุณคิดว่าจะเริ่มต้นออม ก็เท่ากับคุณเริ่มออกตัววิ่งแล้วละ