“ประกันชีวิต” VS “ประกันสุขภาพ” เลือกยังไงถึงจะใช่สไตล์เรา
เพื่อคุ้มครองคุณและครอบครัว
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

“ประกันชีวิต” VS “ประกันสุขภาพ” เลือกยังไงถึงจะใช่สไตล์เรา

icon-access-time Posted On 22 มิถุนายน 2565
by Krungsri The COACH
ประกันชีวิต VS ประกันสุขภาพ เลือกยังไงถึงจะใช่สไตล์เรา

“ประกัน” สิ่งที่หลายคนอาจตั้งคำถามถึงความจำเป็นว่า ต้องมีหรือเปล่า? แล้วเราควรทำประกันแบบไหน ใช้อย่างไรให้คุ้ม? รวมถึงการเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับเรา? ซึ่งยังต้องมีเรื่องน่าเรียนรู้และข้อมูลประกันอีกมากมายที่เราต้องศึกษา เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันอื่น ๆ ว่าคืออะไร มีข้อดีจำกัดอย่างไรบ้าง

ซึ่งวันนี้เราขอหยิบยกรูปแบบที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด นั่นก็คือ “ประกันชีวิต” และ “ประกันสุขภาพ” เพื่อมาคลายความสงสัยให้แก่คนที่ยังลังเล หรือไม่รู้ว่าจะทำแบบไหนดี ผ่านบทความนี้กัน

ก่อนอื่นเลย เรามาเริ่มจากรู้จักความหมายของประกันชีวิตกันก่อน

ประกันชีวิต คือ ประกันที่ชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปจากการเสียชีวิต หรือชราภาพ โดยบริษัทผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินตามสัญญาที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ตามที่เรากำหนดไว้ในกรมธรรม์นั่นเอง
 

แล้วประเภทของประกันชีวิตมีกี่ประเภท? คืออะไรบ้าง จะตัดสินใจเลือกอย่างไรดี?

โดยหลัก ๆ ประกันชีวิตจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งเราได้เปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ ให้เห็นภาพผ่านตาราง ดังนี้
ประเภทประกัน ข้อดี ข้อจำกัด
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์
  • ผลตอบแทนแน่นอน
  • สร้างวินัยการออม
  • สภาพคล่องน้อยกว่าการฝากเงิน
  • การคุ้มครองไม่สูงเท่าประกันชนิดอื่น
ประกันบำนาญ
  • ผลตอบแทนแน่นอน
  • ช่วยเก็บเงินสำหรับเกษียณ
  • เบี้ยประกันจะขึ้นตามจำนวนอายุ
  • การคุ้มครองตามวงเงินที่เราจ่าย
ประกันชีวิตตลอดชีพ
  • คุ้มครองตลอดชีวิต
  • ต้นทุนประกันคงที่
  • ค่าเบี้ยแพงกว่าแบบชั่วระยะเวลา
ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา
  • คุ้มครองตามเวลาที่ต้องการ
  • เบี้ยประกันถูก
  • เบี้ยจ่ายทิ้งและไม่มีมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์
ซึ่งจุดมุ่งหมายหลักของประกันชีวิต คือการประกันความเสี่ยงในกรณีเสียชีวิต แต่ผลพลอยได้จากประกันชีวิตคือการออมหรือการลดหย่อนภาษีนั่นเอง อย่างไรก็ตามเราควรเลือกตามความเหมาะสม และความต้องการของตัวเอง
 
ประกันชีวิต VS ประกันสุขภาพ เลือกยังไงถึงจะใช่สไตล์เรา

รู้จักประกันชีวิตดีแล้ว เราไปต่อกันเลยที่ “ประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพ คือ ความคุ้มครองด้านค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยจากโรคภัย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ แก่ผู้รับความคุ้มครอง หรือทำความเข้าใจง่าย ๆ ว่าประกันสุขภาพที่เลือกจะเป็นผู้จ่ายค่ารักษาให้เรา โดยขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่เลือกนั่นเอง
 

ประเภทของประกันสุขภาพมีกี่ประเภท?

โดยหลัก ๆ แล้วประกันสุขภาพจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทผ่านตารางง่าย ๆ ดังนี้
ประเภทประกัน เบี้ยประกัน ข้อดี ข้อจำกัด
ประกันสุขภาพส่วนบุคคล ค่าเบี้ยต่อปีสูงกว่า
  • คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษา
  • รักษาที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชน
  • ไม่คุ้มครองในบางโรค
  • ไม่มีการปันผลคืนเป็นเงินออม
ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม ค่าเบี้ยถูกกว่า
  • ให้ความคุ้มครองสูงเกือบเท่าแบบส่วนบุคคล
  • หากมีประกันสังคมอยู่แล้วจะช่วยเพิ่มสิทธิพิเศษต่าง ๆ ในการรักษามากขึ้น
  • ไม่คุ้มครองในบางโรค
  • จำกัดวงเงินการรักษาน้อย
แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะประกันสุขภาพยังมีประเภทที่แบ่งออกตามความคุ้มครอง ที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ โดยสามารถแบ่งประเภทได้ตามความคุ้มครอง 5 แบบหลัก ๆ ดังนี้
ประเภทตามความคุ้มครอง รายละเอียด
แบบการรักษาผู้ป่วยใน (IPD)
  • ความคุ้มครองกับผู้ป่วยที่ได้รับคำวินิจฉัยจากแพทย์ว่าต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
แบบการรักษาผู้ป่วยนอก (OPD)
  • ความคุ้มครองกับผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลเน้นไปทางตรวจรักษา และกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน เช่น ค่าพบแพทย์
คุ้มครองโรคร้ายแรง
  • ครอบคลุมการรักษาโรคร้ายแรงโดยเฉพาะ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการรักษา ระยะเวลาที่ยาวนาน และค่าใช้จ่ายสูง
คุ้มครองอุบัติเหตุ
  • คุ้มครองแก่ผู้เอาประกันจากอุบัติเหตุ ตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อย จนถึงเสียชีวิต เช่น มีดบาด หกล้ม และอื่น ๆ ซึ่งจ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมถึงอาจจะมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน หากบาดเจ็บรุนแรง
ชดเชยรายได้
  • ให้ความคุ้มครองรายได้ของผู้ซื้อประกันที่ไม่สามารถทำงานได้ ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือเปรียบเทียบง่าย ๆ คือจ่ายเงินชดเชยให้เราระหว่างรักษาตัวนั่นเอง
หลาย ๆ คนคงได้ข้อมูลเกี่ยวกับประกันชีวิตและประกันสุขภาพไปแล้วผ่านบทความนี้ แต่สำหรับใครที่ยังต้องการศึกษาเพิ่มเติม Krungsri The COACH รวบรวมคำตอบไว้ให้แล้ว

 

ตอบคำถาม! เลือกประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพ ยังไงถึงจะตอบโจทย์ที่สุด?

สามารถเลือกประกันที่ตรงใจได้จากการลองเช็ก 3 สิ่งที่จะทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้
  1. สำรวจตัวเอง และคนรอบข้าง ตราบใดที่เราสนใจการเลือกซื้อประกันให้แก่ตัวเองแล้วก็อาจจะต้องลองสำรวจคนในครอบครัว หรือคนรอบข้างไปด้วย เพื่อการเลือกแผนความคุ้มครองที่คุ้มค่า พร้อมสิทธิต่าง ๆ ที่ครอบคลุม อาทิ ถ้าเราต้องการจะทำประกันให้แก่คนทั้งครอบครัว ก็อาจเจอแผนที่มีค่าเบี้ยที่ใช่ ความคุ้มครองที่ดี และสามารถให้การดูแลได้ทั้งครอบครัว
  2. สำรวจความคุ้มค่าของความคุ้มครองและผลตอบแทน โดยเริ่มมองตั้งแต่ความคุ้มค่า ว่าการทำประกันเหล่านี้ได้อะไรบ้าง ดีหรือไม่อย่างไร มีความคุ้มครองตอบโจทย์ที่เราต้องการไหม ได้ผลตอบแทนถูกใจเรารึเปล่า ที่สำคัญ คือการจ่ายค่าเบี้ยคุ้มกับผลตอบแทนไหม ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องวางแผนการเงินไว้ใช้หลังเกษียณ พร้อมกับการคุ้มครองชีวิตไปด้วย เราอาจจะลองเลือกซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือแบบเงินได้ประจำนั่นเอง
  3. สำรวจความพร้อมในการจ่ายค่าเบี้ย เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าต้องการซื้อประกันแบบไหน เราอาจจะต้องมองความพร้อมในการชำระค่าเบี้ยด้วย เพราะค่าเบี้ย มีงวดชำระที่ต่างกันไป เช่น งวดรายปี ราย 6 เดือน ซึ่งควรเลือกแบบที่สามารถจ่ายได้โดยที่สภาพการเงินยังคล่องตัว ไม่ต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่หนักจนเกินไป หรือสร้างหนี้เพิ่ม

บทความนี้แม้จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงความหมายและการเปรียบเทียบข้อดี-ข้อจำกัดของประกันชีวิตและประกันสุขภาพว่าคืออะไร เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจได้มากขึ้น แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วประกันอาจจะเป็นเพียงอีกหนึ่งตัวช่วยในการวางแผนการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในระยะยาว แต่อาจจะไม่มีประกันแบบไหนที่ดีที่สุด คงจะมีเพียงประกันที่ถูกใจ เหมาะสม ที่มอบความคุ้มค่าได้ตรงกับความต้องการของเรามากกว่า
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา