หลายคนที่สนใจ
อยากทำประกันชีวิตให้กับตัวเองหรือทำประกันชีวิตให้กับคนที่เรารักอาจจะเคยประสบกับปัญหาว่า ไม่รู้จะทำทุนประกันชีวิตเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอหรือเหมาะสมกับตัวเอง รวมถึงไม่รู้ว่าจะคำนวณหาทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมอย่างไรดี เราเลยอยากนำเสนอไกด์ให้คนที่กำลังสนใจการซื้อประกันชีวิต
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ประกันชีวิต เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทหนึ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง เราสามารถปรับรูปแบบความคุ้มครองและค่าเบี้ยประกันชีวิตให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละคนได้ ดังนั้น ทุนประกันชีวิต ที่เหมาะสมกับแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน และแนะนำว่า
อย่าทำประกันชีวิตตามคนอื่นหรือทำให้เหมือนกับคนอื่น
เมื่อพูดถึงหลักการ
วางแผนการเงิน ด้านการประกันภัยที่นักวางแผนการเงินนิยมใช้ส่วนใหญ่ จะใช้วิธีการคิดจากความต้องการทางการเงินพื้นฐานหรือความจำเป็นของแต่ละคน เพื่อให้คนข้างหลังมีมาตรฐานการใช้ชีวิตใกล้เคียงเท่าเดิม และเราจะได้ทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมและคุ้มค่าด้วย นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเลือกทุนประกันชีวิตแบบอื่น ๆ เช่น คำนวณจากความสามารถในการหารายได้ คำนวณจากความต้องการรักษาเงินทุนประกันชีวิต เป็นต้น แนวคิดการคำนวณทุนประกันชีวิตจากความจำเป็น หรือ Needs Approach เป็นการคำนวณทุนประกันชีวิตจากความต้องการทางการเงินที่จําเป็นของครอบครัว ซึ่งหมายถึง ภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวที่ต้องแบกรับแทน เมื่อผู้มีรายได้หลักหรือผู้ทำประกันเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน ทั้งความจำเป็นด้านเงินสด และความจำเป็นด้านรายได้ เช่น เงินสำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายครั้งสุดท้าย เงินเพื่อคุ้มครองภาระหนี้สินคงค้าง เงินสำหรับเป็นรายได้ให้กับครอบครัวในช่วงปรับตัว ค่าเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ ค่าเล่าเรียนบุตร
ขั้นตอนการคำนวณหาทุนประกันชีวิต
1. ประเมินภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินคงค้าง
ขั้นตอนแรก จะเริ่มจากการประเมินความต้องการขั้นพื้นฐานของครอบครัวก่อน ทั้งความต้องการเงินในส่วนของรายได้ที่ขาดไป ในช่วงที่ครอบครัวกำลังปรับตัวจากการสูญเสีย เงินสำหรับอุปการะเลี้ยงดูคนในครอบครัวในอนาคต รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หรือภาระหนี้สินคงค้าง เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต เป็นต้น
2. รวบรวมมูลค่าทรัพย์สินที่มีในปัจจุบัน
ขั้นตอนนี้ จะเป็นการรวบรวมมูลค่าสินทรัพย์ที่มีในปัจจุบันและที่คาดว่าจะตกทอดถึงทายาทหรือคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเงินสด สินทรัพย์ส่วนตัวที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ง่าย สินทรัพย์จากการลงทุนทั้งหมด เช่น หุ้น ทองคำ ตราสารหนี้ เป็นต้น และเงินชดเชยต่าง ๆ ที่คาดว่าจะได้รับหลังจากเสียชีวิตแล้ว เช่น เงินประกันสังคม เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
3. คำนวณทุนประกันชีวิตที่เหมาะสม
ขั้นตอนสุดท้าย เป็นขั้นตอนการหาทุนประกันชีวิตที่เหมาะสม โดยมีสมการคำนวณทุนประกันชีวิตตามได้ง่าย ๆ คือ “ภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินคงค้าง - มูลค่าสินทรัพย์รวมสุทธิ = จำนวนเงินที่ยังขาด” หรือเรียกง่าย ๆ คือ จำนวนเงินทุนประกันชีวิตที่เราควรทำนั่นเอง
ตัวอย่างการคำนวณ
จะเห็นได้ว่า แนวคิดการคำนวณทุนประกันชีวิตจากความจำเป็น สามารถครอบคลุมภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตกับคนในครอบครัวได้ครบทุกด้าน ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อความต้องการพื้นฐานด้านการเงินแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังมีทุนทรัพย์เหลืออยู่ ก็อาจจะเพิ่มทุนประกันชีวิต เพื่อนำมาทำเป็น “กองทุนสำหรับครอบครัว” โดยให้ทายาทนำเงินก้อนนี้ไปบริหาร
การลงทุนให้เงินงอกเงย ก็จะสามารถเป็นอีกแหล่งรายได้ของครอบครัวได้เช่นกัน
นอกจากนี้ เมื่อเราคำนวณได้ทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว ก็ควรนำมาประเมินควบคู่กับความสามารถในการชำระเบี้ยต่อปีของเราด้วยนะ โดยเลือกวงเงินทุนประกันชีวิตให้พอดีกับฐานะตัวเอง เพื่อให้สามารถจ่ายเบี้ยคุ้มครองได้ตลอด จนครบระยะเวลาของสัญญาที่กำหนดไว้ ส่วนในอนาคตหากเรามีเงินทุนมากขึ้นก็อาจจะเพิ่มทุนประกันชีวิตก็ได้
อีกหนึ่งสิ่งที่เราไม่ควรละเลย คือ การทบทวนกรมธรรม์ เพื่อคอยตรวจสอบดูว่าประกันชีวิตที่เราทำไปแล้วยังสามารถครอบคลุมตามความคุ้มครองที่เราต้องการอยู่ หรือไม่ ในอนาคตถ้ามีสถานการณ์บางอย่างที่เปลี่ยนไป เราก็ควรจะคำนวณทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมใหม่อีกครั้ง เพื่อให้มีวงเงินที่เพียงพอกับความต้องการของครอบครัวอยู่เสมอ
สุดท้ายนี้ ประกันชีวิตมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีจุดเด่นและวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น ประกันชีวิตจึงเหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เพียงแค่เราควรจะเลือกประกันชีวิตให้เหมาะสมกับความคุ้มครองที่ตัวเองต้องการ เพื่อจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุดกับค่าเบี้ยประกันชีวิตที่เราจ่ายไป