ลงทุนอย่างไรให้มั่นใจและปลอดภัยเพื่อลูกที่เรารัก
เพื่ออนาคตลูก
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ลงทุนอย่างไรให้มั่นใจและปลอดภัยเพื่อลูกที่เรารัก

icon-access-time Posted On 09 พฤศจิกายน 2563
By Krungsri the COACH
การแสดงความรักของแม่ที่มีต่อลูกสามารถส่งต่อให้กับลูกได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมส่งต่อมรดก ลงทุนเพื่อการศึกษาโดยการส่งไปเรียนในสถาบันการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ การส่งไปเรียนกวดวิชาตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อจะได้มั่นใจว่า ลูกจะมีวิชาความรู้ติดตัวไปตลอดชีวิต ซึ่งถ้าเรามองในแง่มุมเรื่องการลงทุนจริง ๆ แล้วก็ยังสามารถเตรียมเงินอีกก้อนไว้ให้กับลูกในยามที่เรียนจบเพื่อให้เป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตหลังเรียนจบได้

ต้องยอมรับว่าในยุคนี้ ใครที่มีทุนมากกว่าก็มีโอกาสที่จะคว้าโอกาสในชีวิตได้มากกว่าเช่นกัน นอกจากการให้การศึกษาแล้วการให้ทุนเริ่มต้นชีวิตจึงเริ่มเป็นสิ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการเก็บออมเงินเพื่อสร้างทุนเริ่มต้นชีวิตให้กับลูก ก็คือ การลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging หรือที่เราจะคุ้น ๆ กันในชื่อของ DCA

Dollar Cost Averaging (DCA) คือ การลงทุนจำนวนเงินงวดละเท่า ๆ กันโดยไม่สนใจเรื่องของราคา แต่กำหนดเวลาในการลงทุนอย่างต่อเนื่องแทน โดยส่วนใหญ่จะกำหนดทุกเดือน อย่างเช่น กำหนดไว้ว่าเมื่อเงินเดือนออกทุกวันที่ 25 เราจะแบ่งเงิน 10,000 บาท มาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทำ DCA จะช่วยสร้างวินัยในการลงทุน รวมถึงลดความยุ่งยากในการหาจังหวะในการลงทุนให้กับนักลงทุนด้วย แล้วถ้ายิ่งสามารถลงทุนได้ในระยะยาวก็จะยิ่งช่วยทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนลดลงด้วย
ตัวอย่างการลงทุนแบบ DCA
จากภาพหากลงทุนด้วยเงินจำนวน 1,000 บาทในทุกๆ เดือน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 ปี จะเห็นว่า
หากลงทุนด้วยการฝากประจำปลอดภาษี ที่มีอัตราดอกเบี้ย 1.3% ต่อปี จะได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 128,075.31 บาท หากลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี จะได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 139,741.42 บาท
และหากลงทุนในหุ้น ที่มีอัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี จะได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 204,844.98 บาท

ถ้าเป้าหมายการออมของเราเป็น ‘เป้าหมายระยะสั้น’ ระยะเวลา 2-3 ปี อาจไม่เหมาะกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง สามารถเลือกออมด้วยการฝากเงิน เช่น เงินฝากประจำปลอดภาษี 24 หรือ 36 เดือน ตามกรอบระยะเวลาที่จะใช้เงินจำนวนนั้น เน้นรักษาเงินต้น ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากอาจจะไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุน แต่สำหรับ ‘เป้าหมายระยะยาว’ ที่ต้องการเตรียมทุนการศึกษาหรือเงินทุนไว้ให้กับลูกเราไปต่อยอดชีวิตได้ ก็สามารถใช้การลงทุนที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างหุ้นได้

สำหรับใครที่ยังไม่มีความชำนาญหรือไม่มีเวลาติดตามการลงทุน ณ ปัจจุบันก็มีเครื่องมือทางการเงินการลงทุนที่ชื่อว่า ‘กองทุนรวม’ ที่ช่วยทำให้เรามั่นใจได้ว่ามีมืออาชีพคอยบริหารจัดการการลงทุนให้
โดยกองทุนรวมนั้นมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่เสี่ยงต่ำ อย่างกองตราสารหนี้ เสี่ยงสูงขึ้นอีกนิด ก็จะเป็นกองทุนผสม หรือเสี่ยงมากขึ้นไปอีก ก็คือกองทุนที่ลงทุนในหุ้น

สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยลงทุน ไม่เวลาติดตาม และต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น ลองศึกษาเรื่องกองทุนรวมผสม (Mixed Fund) เพื่อช่วย ‘กระจายการลงทุนไปหลากหลายสินทรัพย์ (Asset Allocation)’ ไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หุ้น เป็นต้น พร้อมทั้งช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนยังไม่ต้องเหนื่อยศึกษาสินทรัพย์รายตัวเพื่อนำเงินไปลงทุนเอง

เรื่องสุดท้ายที่สำคัญของการออมเพื่อลูก ก็คือของการลงมือปฏิบัติตามแผน หากเราไม่ได้มีเงินก้อน หรือมีประสบการณ์ในการลงทุน DCA จะช่วยให้การออมไปถึงเป้าหมายได้ตามแผน ใส่เงินเข้ามาลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเกิดอะไรไม่คาดฝันกับเรา แน่นอนแผนต่าง ๆ ที่วางไว้อาจจะต้องชะลอลง ดังนั้น นอกจากเรื่องของการลงทุนแล้ว อย่ามองข้ามเรื่องการป้องกันความเสี่ยงอย่างการทำ ‘ประกันชีวิต’ เตรียมไว้ด้วย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา อย่างน้อยก็จะมีเงินก้อนหนึ่งพร้อมออกมาดูแลคนที่เรารักทันที
วางแผนการลงทุนเพื่อคนที่คุณรัก คลิก
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา