เมื่อโลกไม่ได้มีแต่รถ EV ทำความรู้จักเทคโนโลยีรถพลังงานไฮโดรเจน

เมื่อโลกไม่ได้มีแต่รถ EV ทำความรู้จักเทคโนโลยีรถพลังงานไฮโดรเจน

By Krungsri Plearn Plearn
“รถยนต์” ยานพาหนะที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความที่เรื่องของความสะดวกในการเดินทาง และทำให้ผู้ขับขี่นั้นเกิดความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น ทำให้รถยนต์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนในยุคนี้ต่างก็อยากมีด้วยกันทั้งนั้น แต่รู้หรือไม่ว่า? ทุกวันนี้รถยนต์ที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนนนั้นมีหลากหลายประเภทมาก ๆ ทั้งรถที่ขับเคลื่อนโดยการอาศัยพลังงานอย่างน้ำมัน, แก๊ส และที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้เลยก็คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือที่เราเรียกกันว่ารถ EV ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนเมืองได้เป็นอย่างดี
เครื่องยนต์รถไฮโดรเจน
แต่นอกจากรถ EV ที่เรารู้จักกันนั้น ในปัจจุบันก็ได้มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นสิ่งประดิษฐ์เพื่อสิ่งแวดล้อมออกมาให้เราได้เห็นกัน อย่างรถพลังงานไฮโดรเจนนี้นี่เอง ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ของรถพลังงานไฮโดรเจนที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองในตอนนี้ว่าเขาจะมีความน่าสนใจอย่างไร? แล้วจะมีความเหมือนหรือแตกต่างจากรถ EV อย่างไรกันบ้าง ก่อนอื่นเราก็มาทำความรู้จักกับรถยนต์ทั้งสองประเภทนี้กันก่อนเลย

1. รถ EV

สำหรับรถ EV นั้น หากจะให้พูดถึงเรื่องของประวัติศาสตร์ หรือความเป็นมานั้น บอกเลยว่าค่อนข้างยาวแต่ก็เป็นเรื่องที่มีความน่าสนใจไม่เบา ซึ่งเราจะขอพูดในส่วนของรถ EV ในปัจจุบัน โดยหากย้อนไปในปี 2004 บริษัท Tesla Motors ได้ทำการเปิดตัวรถ EV ครั้งแรก ในรุ่น "Tesla Roadster" ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่วิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย
ชาร์จรถ EV
โดยนวัตกรรมตัวอย่างของรถ EV ที่เข้ามาในไทย และเห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ORA Good Cat รถ EV จากจีนที่เมื่อนำเข้าสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้ทำการพัฒนารุ่นรถยนต์ออกมาให้ผู้ที่ต้องการทดลองใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้านี้สามารถเข้าถึงราคาไม่ถึงล้านบาท และได้ประสิทธิภาพที่ดีไม่แพ้รถยนต์น้ำมันเลยทีเดียว

ข้อดีรถ EV

  • ประหยัดเงินในกระเป๋า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะไม่ต้องเผาไหม้เชื้อเพลิงออกมาจากตัวรถยนต์
  • เครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบ ขับขี่ได้แบบเพลิน ๆ
  • สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ง่าย ทั้งจากที่บ้าน หรือสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

ข้อเสียรถ EV

  • ราคาของรถ EV ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับรถยนต์น้ำมันหลายรุ่นในท้องตลาด
  • ระยะทางวิ่งของแต่ละรุ่นมีความจำกัด ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ของแต่ละรุ่นรถยนต์ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 600 กิโลเมตร ต่อหนึ่งรอบการชาร์จ 100%

2. รถพลังงานไฮโดรเจน

สถานีชาร์จรถพลังงานไฮโดรเจน
รถพลังงานไฮโดรเจน คือ รถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานไฮโดรเจน โดยรถยนต์ประเภทนี้ก็ได้มีการเร่งผลักดันในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์เคลื่อนที่เพื่อเป็นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อช่วงปี 2021 ที่ผ่านมานี้นี่เอง และถือเป็นเทคโนโลยี อนาคตที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก

และในปี 2023 ก็ได้มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของรถพลังงานไฮโดรเจน ออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยเฉพาะบริษัทโตโยต้า ที่ได้ทำการพัฒนารถพลังงานไฮโดรเจน ออกมาได้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้มาอย่างยาวนาน และครั้งนี้ก็มาพร้อมกับรุ่น Mirai Gen 2 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทางโตโยต้านั้นได้ต่อยอดเกี่ยวกับการใช้พลังงานจากไฮโดรเจนเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนรถยนต์เพื่อให้เกิดประโยชน์ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากที่สุด

ซึ่งความพิเศษของรถพลังงานไฮโดรเจนนี้นั้นก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องของน้ำมันที่แพงจนกู่ไม่กลับนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการทำงานนั้นจะทำงานผ่านเซลล์เชื้อเพลิงที่มีการเติมไฮโดรเจนเข้าไป โดยไฮโดรเจนนี้ก็จะถูกเปลี่ยนมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ และจะปล่อยของเสียออกมาเพียงเฉพาะไอน้ำเท่านั้น อีกทั้งการเติมเชื้อเพลิงในแต่ละครั้งก็ยังใช้เวลาเพียง 3-5 นาที ซึ่งถือว่าค่อนข้างไวเมื่อเทียบกับการเติมน้ำมันรถยนต์ นับเป็นเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มากเลยทีเดียว

ข้อดีรถพลังงานไฮโดรเจน

  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปล่อยเป็นไอน้ำออกมาแทนควันเสีย
  • ประหยัดเรื่องของค่าบำรุงรักษา
  • เสียงเครื่องยนต์เงียบ เหมือนกับรถ EV

ข้อเสียรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน

  • ราคาที่ค่อนข้างสูง เพราะยังเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ ยังไม่แพร่หลาย
  • มีสถานที่ในการเติมเชื้อเพลิงเพียงบางแห่งเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง

รถ EV และ รถพลังงานไฮโดรเจน แบบไหนดีกว่ากัน?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถยนต์ทั้งสองประเภทนี้จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการไม่ปล่อยควันออกมาซึ่งนั่นก็ถือเป็นการพัฒนานวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่การที่จะเลือกรถยนต์สักรุ่นในสองประเภทนี้นั้น ก็จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

1. ความคุ้มค่าต่อการใช้งานของตัวคุณ

แท่นชาร์จรถพลังงานไฮโดรเจน
หากใครที่เคยใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนนั้นบอกเลยว่าการเปลี่ยนมาใช้เป็นรถ EV ก็ดี หรือรถพลังงานไฮโดรเจนนี้ก็ดี จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิงที่ลดลงได้เป็นอย่างดี เพราะในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีของรถยนต์ไฮโดรเจนแพร่หลายขึ้น มีผู้ผลิตพลังงานหลายเจ้ามากขึ้น ราคาเชื้อเพลิงพลังงานไฮโดรเจน ก็ยิ่งถูกลงเรื่อย ๆ เนื่องจากพลังงานไฮโดรเจนสามารถผลิตได้เรื่อย ๆ ไม่มีวันหมด

2. สถานที่สำหรับการเติมเชื้อเพลิงหรือพลังงานเพื่อใช้งานต่อ

สถานะชาร์จรถ EV
หากจะมองกันในประเทศไทยว่ามีความพร้อมสำหรับรถยนต์ทั้งสองแบบ ในเรื่องของสถานที่สำหรับการเติมเชื้อเพลิงเหล่านี้ ก็ถือว่ามีความพร้อมในระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเราจะเห็นได้ว่าปัจจุบัน ปั๊มน้ำมันหลาย ๆ สาขา หรือห้างสรรพสินค้าหลายแห่งนั้น จะมีสถานที่สำหรับการเติมเชื้อเพลิงเอาไว้ โดยเฉพาะรถ EV ที่เห็นได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นชาร์จเร็วของบรรดาค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ส่วนสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนปัจจุบันยังมีเพียงแค่แห่งเดียวคือ ปั๊ม ปตท. ที่ได้ร่วมมือกับค่ายรถยนต์โตโยต้า ที่จังหวัดชลบุรี บริเวณปั๊มน้ำมันใกล้สนามบินอู่ตะเภา ที่จะเป็นต้นแบบสถานีเติมเชื้อเพลิงในอนาคต

3. เวลาที่ใช้ในการเติมเชื้อเพลิง

รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน
สำหรับรถยนต์ทั้งสองประเภทนี้จะมีเรื่องของระยะเวลาในการเติมเชื้อเพลิงที่แตกต่างกัน โดยรถ EV จะมีระยะเวลาในการเติมเชื้อเพลิงหรือการชาร์จอยู่ที่ประมาณ 45-60 นาที โดยประมาณ แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับเรื่องของกำลังไฟในการชาร์จ หรือกิโลวัตต์ (Kw) ของแต่ละสถานที่ที่ทำการชาร์จ เพราะหากบางสถานที่มีกำลังไฟในการชาร์จสูงก็จะใช้เวลาเพียง 20-25 นาทีเท่านั้น

ส่วนการเติมเชื้อเพลิงของรถไฮโดรเจนนั้นก็จะใช้เวลาในการเติมเพียง 3-5 นาที หรือ 5-10 นาที โดยประมาณ ก็จะสามารถใช้งานต่อได้แล้ว ซึ่งในปัจจุบันที่ประเทศไทยเองก็มีสถานที่ในการเติมเชื้อเพลิงรถไฮโดรเจนแห่งแรกในประเทศไทยอยู่ในจังหวัดชลบุรีอีกด้วย

4. ค่าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่าย

ในส่วนของค่าบำรุงรักษาของรถยนต์ทั้งสองประเภทนั้นจะมีค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างแตกต่างกันโดยรถพลังงานไฮโดรเจนยังเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ อาจมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่ารถ EV เนื่องจากเทคโนโลยี EV ถูกพัฒนามาหลายปี ทำให้มีราคาที่ถูกลงได้ โดยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถยนต์ทั้งแบบ EV และไฮโดรเจนส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจสภาพรถยนต์มากกว่า

แต่ในส่วนของการเติมเชื้อเพลิงแต่ละครั้งในรถ EV ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั้นจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 400-500 บาท ซึ่งหากเทียบกับรถพลังงานไฮโดรเจนหากเติมให้เต็มถังจะต้องเสียเงินประมาณพันบาทเลยทีเดียว และในเรื่องสำหรับค่าบำรุงรักษาของรถ EV เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทต่อครั้ง ส่วนค่าบำรุงรักษารถพลังงานไฮโดรเจนตอนนี้ยังมีราคาที่สูงเหมือนกัน เฉลี่ยประมาณ 15,000 บาท หากเทียบกันเรื่องของค่าใช้จ่าย และค่าบำรุงรักษา ในตอนนี้รถ EV ยังได้เปรียบกว่ามาก ๆ แต่ถ้าอนาคตรถพลังงานไฮโดรเจน มีความนิยมใช้เหมือนกับรถยนต์น้ำมัน ถึงตอนนั้นราคาเชื้อเพลิง และค่าบำรุงรักษาอาจถูกลงกว่านี้แน่นอน

5. ระยะทางในการใช้งาน

ระยะวิ่งของรถ EV
สำหรับระยะทางในการใช้งานของรถยนต์ทั้งสองประเภทนี้จะมีความแตกต่างกัน โดยในรถ EV นั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นซึ่งในรุ่นที่มีการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมของแบตเตอรี่มาอย่างดี ก็จะทำให้วิ่งได้ไกลกว่า ซึ่งส่วนใหญ่รถ EV จะมีระยะการขับโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400-500 กิโลเมตร แต่จะมีบางรุ่นที่สามารถขับได้ไกลกว่านั้นอย่าง เช่น Mercedes-Benz EQS 450+ ที่สามารถวิ่งได้สูงถึง 770 กิโลเมตร มีความแรงถึง 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ต้องแลกมาด้วยราคาของรถยนต์ที่สูงประมาณ 8.7 ล้านบาท แต่รถ EV ที่ใครหลายคนสามารถจับต้องได้จะมีราคาเฉลี่ยที่ 1-2 ล้านบาทเท่านั้น

ส่วนรถพลังงานไฮโดรเจนนั้นจะขึ้นจะมีระยะการขับโดยเฉลี่ยประมาณ 500-600 กิโลเมตร โดยรถพลังงานไฮโดรเจนที่สามารถวิ่งได้ไกลที่สุดตอนนี้จะเป็น Toyota Mirai XLE ที่สามารถวิ่งได้สูงถึง 647 กิโลเมตร ความแรงถึง 174 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถึงแม้รถพลังงานไฮโดรเจนจะแพ้ในเรื่องของระยะขับ และความแรงของเครื่องยนต์ แต่เรื่องราคากลับถูกกว่ารถ EV ที่สามารถวิ่งได้ในระยะทางใกล้เคียงกัน ซึ่งเจ้าคันนี้มีราคาขายอยู่ประมาณ 2 ล้านบาทเท่านั้นเอง

สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากลองเปลี่ยนการขับขี่จากรถยนต์ธรรมดา มาเป็นการใช้งานรถพลังงานไฮโดรเจน หรือรถ EV นั้น ก็ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ดีไม่น้อยเลย อย่างไรก็ตามรถยนต์ทั้งสองประเภทนี้ต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราเองก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของรถพลังงานไฮโดรเจนเอาไว้ เมื่อวันหนึ่งที่ประเทศของเรามีการนำรถพลังงานไฮโดรเจนเข้ามาขายแบบแพร่หลาย จะได้นำข้อมูลอันนี้มาตัดสินใจก่อนซื้อมาใช้งานจึงจะดี และคุ้มค่ากับการใช้ชีวิตของเรามากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา