พุ่งทะยานไปให้สุด กับนวัตกรรมยานยนต์ที่โลกต้องจารึก

พุ่งทะยานไปให้สุด กับนวัตกรรมยานยนต์ที่โลกต้องจารึก

By Krungsri Plearn Plearn

เมื่อรถยนต์ได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของการดำรงชีวิต เป็นสิ่งจำเป็นที่ใครหลายคนอยากได้มาครอบครองไม่แพ้ที่อยู่อาศัยหรือทรัพย์สินอื่นเลย ทำให้วิวัฒนาการยานยนต์ล้ำหน้าขึ้นเรื่อย ๆ แข่งขันกันประลองความสร้างสรรค์ คิดค้นรถรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย มีศักยภาพน่าตื่นตาตื่นใจ จนบางครั้งไม่สามารถคาดเดารูปแบบของรถในอนาคตได้เลย สิ่งที่หลายคนฝันให้เกิดขึ้นจริงอย่างรถยนต์บินไปมาบนอากาศได้โดยไม่ต้องฝ่ารถติด หรือรถยนต์เคลื่อนที่ไปได้ทุกหนทุกแห่งแบบในภาพยนตร์ไซไฟนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ที่รวบรวมมาในบทความนี้จะปฏิวัติการเดินทางของคนทั้งโลกได้หรือไม่ เตรียมตัวเหินฟ้าไปสู่อนาคตพร้อม ๆ กันเลย

ขอบคุณรูปจาก https://ev-database.org/

รถไร้คนขับ

หากพูดถึงรถไร้คนขับ คนมักจะนึกถึง Google เป็นลำดับแรก ๆ เพราะได้พัฒนารถไร้คนขับรุ่นทดลองมาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่มีระบบเซ็นเซอร์ทำงานกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ทำให้รถเคลื่อนที่ได้เอง สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวที่อยู่นอกตัวรถ และเชื่อมต่อกับระบบ GPS ถึงแม้ว่าในปัจจุบันยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ ก็ยังมีบริษัทยานยนต์อื่น ๆ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป อย่าง Tesla บริษัทยักษ์ใหญ่จากอเมริกาที่โด่งดังจากการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า มีเป้าหมายจะพัฒนาเทคโนโลยีที่สะอาดและยั่งยืน เพราะเชื่อมั่นว่าจะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกในอนาคต จึงเป็นที่มาของโปรเจกต์ใหม่ของ Tesla ร่วมมือกับ Samsung พัฒนาชิปรถยนต์ ‘Full Self-Driving Chip’ เพื่อใช้งานกับรถไร้คนขับโดยเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมใช้งานได้จริงในอีก 2 ปีข้างหน้า พร้อมกันนี้ยังจะพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวอื่น ที่สามารถอ่านสัญญาณไฟจราจรและเครื่องหมายต่าง ๆ บนท้องถนนได้อัตโนมัติ นอกจากนี้ Tesla ยังประกาศว่าภายในปี 2020 จะให้บริการ Robo-taxi แท็กซี่ไร้คนขับได้ 1 ล้านคัน ซึ่งผู้โดยสารสามารถเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน แล้วแท็กซี่ก็จะวิ่งมารับยังจุดที่รออยู่ โดยมีค่าบริการอยู่ที่ไมล์ละ 18 เซนต์ ส่วนเทคโนโลยีที่ใช้กับแท็กซี่ไร้คนขับคือซอฟท์แวร์ที่เรียกว่า Autopilot หรือระบบช่วยขับขั้นสูง ซึ่งใช้อัลกอริทึ่มของ Machine Learning ควบคุมการทำงานของกล้อง เซนเซอร์ และระบบต่าง ๆ ภายในรถ เพื่อประมวลผลแล้วออกคำสั่ง เช่น การปรับความเร็วขณะขับบนถนน บังคับจอดรถอัตโนมัติ และกะระยะให้อยู่ในเลนถนน เป็นต้น
ขอบคุณรูปจาก https://www.magcarzine.com/

รถบินได้

การโดยสารด้วยรถยนต์แม้จะสะดวกสบายแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถแต่ละประเภทจะสามารถพาคุณตะลุยไปได้ทุกที่อย่างรวดเร็วเหมือนเครื่องบิน ยังไม่นับถึงปัญหาการจราจรที่ติดขัดอีกต่างหาก ทำให้บริษัท NEC Corp ผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีจากกรุงโตเกียว ในประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนารถยนต์บินได้และได้สร้างรถรุ่นต้นแบบสำเร็จแล้ว โดยได้ทดสอบสมรรถภาพรถผ่านสู่สายตาสาธารณชน รถสามารถลอยตัวขึ้นเหนือพื้นได้ประมาณ 3 เมตร เป็นเวลา 1 นาที มีใบพัดขนาดใหญ่ 4 ใบพัด ติดตั้งอยู่ด้านบนเพื่อควบคุมให้บินและลงจอดได้เหมือนเฮลิคอปเตอร์ รถลำนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และมีรูปลักษณ์คล้ายกับอุปกรณ์โดรนบังคับ ซึ่งทาง NEC จะนำรถต้นแบบนี้ไปต่อยอดพัฒนาเป็นรถบินได้เพื่อการขนส่งสินค้าในพื้นที่ชนบทและภูเขาเป็นหลักภายในปี 2023 และนำไปสู่การเป็นยานพาหนะสำหรับคนทั่วไป ตั้งแต่ปี 2030 โปรเจกต์สร้างรถยนต์บินได้มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมเข้าด้วยกัน ลดความแออัดการจราจรในเมือง รวมทั้งเป็นประโยชน์กับชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่นอกเมืองให้เดินทางสะดวกขึ้น ที่สำคัญยังสามารถใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างเร่งด่วนอีกด้วย ถ้าญี่ปุ่นสามารถทำได้จริงตาม Road Map ที่วางไว้ ในอีก 10 ปีข้างหน้าเราคงได้เห็นรถยนต์บินได้เคลื่อนที่ทั่วไปอยู่บนท้องถนนและท้องฟ้าเป็นแน่
ขอบคุณรูปจาก https://www.dezeen.com/

รถแปลงร่าง

หากคุณคิดว่ารถยนต์บินได้และรถไร้คนขับยังไม่น่าตื่นเต้นพอ เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับรถแปลงร่าง มีขาและเดินได้! นี่เป็นผลงานการออกแบบสุดล้ำของทีม Hyundai CRADLE ใน Silicon Valley ที่เปิดตัว Hyundai ELEVATE Concept หรือต้นแบบรถเดินได้ เป็นรถประเภท UMV (Ultimate Mobility Vehicle) ห้องโดยสารรถเป็นทรงแคปซูล มีประตูเข้าออกทั้ง 4 ด้าน ตัวรถถูกออกแบบให้ใช้งานได้หลายสถานการณ์ ตั้งแต่สำรวจพื้นที่เข้าถึงยาก เป็นรถกู้ภัยช่วยเหลือผู้คนหลังเกิดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว พายุเฮอริเคน หรือน้ำท่วมก็ได้ เพราะจุดเด่นคือล้อทั้ง 4 ด้าน มีมอเตอร์บริหารศูนย์ล้อ 5 ระดับ พร้อมระบบกันสะเทือน แต่ละล้อสามารถแยกการทำงานได้อย่างอิสระและถูกติดตั้งรวมกับขาของหุ่นยนต์ที่สามารถยกตัวขึ้นเพื่อเพิ่มระดับความสูงของห้องโดยสารให้หดหรือขยายตัวเพื่อเข้าถึงพื้นที่ลำบากได้อย่างไร้ขีดขำกัด ขาหุ่นยนต์สามารถก้าวเท้าคล้ายกับสัตว์ สามารถยืดขาปีนในพื้นที่ต่างระดับได้ถึง 1.52 เมตร มีโหมดการเดินทางที่สามารถข้ามสิ่งกีดขวางได้มากกว่ารถออฟโรดปกติ ขาของรถยังสามารถพับเก็บเพื่อนำมาขับใช้งานได้บนถนนปกติอีกด้วย

รถเพื่อความเท่าเทียม

ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์อย่าง Hyundai ไม่ได้พัฒนาแค่รถแปลงร่างอย่างเดียว ยังอวดโฉมเทคโนโลยีใหม่สำหรับคนขับที่มีความบกพร่องการได้ยิน ผ่านวิดีโอแคมเปญ Quiet Taxi เพื่อให้ขับรถได้อย่างอิสระและปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถสื่อสารกับผู้โดยสารได้อย่างเข้าใจ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการติดตั้งระบบวิเคราะห์เสียงนอกตัวรถ พร้อมระบบ AVC (Audio-Visual Conversion) จะแปลงเสียงเป็นภาพแสดงข้อมูลบน HUD หรือกระจกหน้ารถคนขับ เพื่อให้รู้ว่ากำลังมีเสียงแตรเตือนจากรถข้าง ๆ มีการติดตั้งไฟ LED รอบพวงมาลัย เพื่อบอกข้อมูลนำทางขณะขับรถ และยังมีระบบ ATC (Audio-Tactile Conversion) แปลงข้อมูลเสียงเป็นระบบสั่นของพวงมาลัย เพื่อให้คนขับทราบถึงสภาพแวดล้อมภายนอกบนท้องถนน บอกระยะห่างจากสิ่งกีดขวางได้แม่นยำ ทั้งนี้ยังมี Tablet เพื่อให้ผู้โดยสารพูดใส่ที่เครื่องเพื่อแจ้งจุดหมายปลายทาง ช่วยลดปัญหาการสื่อสารผิดพลาด หากเทคโนโลยี Quiet Taxi ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ก็จะช่วยสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสและรายได้ของผู้บกพร่องการได้ยิน
จะเห็นได้ว่าความก้าวหน้าของนวัตกรรมยานยนต์ไม่ใช่แค่การแข่งขันการคิดค้นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุด หรือบินทยานได้สูงที่สุดอย่างเดียว แต่คำนึงถึงประโยชน์ที่คนพึงได้รับเป็นหลัก แล้วยังคิดเผื่อผู้คนที่ประสบภัยหรือขาดโอกาสทางสังคมด้วย รวมไปถึงแนวโน้มการใช้พลังงานทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายองค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นวิวัฒนาการยานยนต์ที่ล้ำกว่านี้ ขับเคลื่อนแรงกว่านี้ แต่ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม และกลายเป็นยานพาหนะของขนส่งมวลชนหลักที่ทุก ๆ คนเข้าถึงบริการได้ ต้องคอยติดตามกันต่อไปครับ
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา