ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการพิชิต 5 ยอดเขาสูงของไทย

ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการพิชิต 5 ยอดเขาสูงของไทย

By Krungsri Plearn Plearn
เทรนด์การท่องเที่ยวของคน Gen Y หันมาให้ความสนใจกับการท่องเที่ยวแบบลุย ๆ เยอะขึ้น เพราะชอบสิ่งที่ท้าทายความสามารถของตัวเอง
ยิ่งไกล..ยิ่งชอบ ยิ่งไปยาก..ยิ่งใช่
แถมถ้าได้ใช้ทักษะใหม่ ๆ หรือใช้ความสตรองในการปีนป่ายเพื่อไปให้ถึง เช่น การไปเข้าป่า เดินเทรคขึ้นภูเขาสูง ๆ ยิ่งนับเป็นเรื่องสนุกเข้าไปใหญ่ และทำให้การออกเดินทางครั้งนั้น “มีรสชาติ” มากกว่าครั้งไหน ๆ
ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ ไม่ได้นับความสนุกตอนวันเดินทางเท่านั้น แต่มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเสียอีก เพราะแน่นอนว่าเราต้องฝึกร่างกายให้พร้อมเผชิญกับสภาพภูมิประเทศที่โหดหิน ต้องมีวินัยในตัวเอง หยิบรองเท้าออกไปวิ่งให้ได้ทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย
แต่การไปท่องเที่ยวแบบพิชิตภูเขาสูงไม่ได้จำกัดเฉพาะต่างประเทศเท่านั้นนะครับ ในไทยเองก็มีภูเขาสูง ๆ มากมายที่แม้แต่ฝรั่งยังต้องแวะมาให้ได้สักครั้ง วันนี้เราเลยแนะนำภูเขา 5 แห่งที่มีเส้นทางเทรคกิ้งวิวสวยเวอร์วัง และโหดหินสุด ๆ อยากชวนทุกคนฟิตร่างแล้วออกไปท้าทายขีดจำกัดของตัวเองกัน!

1. กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ (ความสูง 2,600 เมตร)

สำหรับดอยนี้ถือว่าใช่สำหรับมือใหม่ เพราะถึงแม้จะเป็นยอดดอยที่ติดอันดับสูงสุดของไทย แต่การเดินขึ้นถึงยอดเขาไม่ได้ยากเกินความสามารถ โดยเฉพาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ “กิ่วแม่ปาน” ที่มีไกด์พร้อม เส้นทางพร้อมให้เดินขึ้นไปบนความยาวประมาณ 3.2 กิโลเมตร อาจดูเหมือนสั้น ๆ แต่ก็ใช้เวลาเดินร่วม 3 – 4 ชั่วโมงเลยล่ะครับ
เส้นทางเดินในช่วงเริ่มต้นถือว่าไม่ยากครับ แต่เมื่อผ่านไปสักระยะจะต้องเจอกับหน้าผาสูงพร้อมอากาศที่เบาบางลงเรื่อย ๆ ส่วนวิวระหว่างทางที่มีต้นเฟิร์นโบราณ กล้วยไม้ป่าและพันธุ์ไม้แปลกตาราวกับฉากป่าในหนัง ทำให้คลายความเหนื่อยลงได้ไม่น้อย
กล้วยไม้ป่า มีให้เห็นระหว่างทางเดินขึ้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
เพื่อความปลอดภัยในการเดินเส้นกิ่วแม่ปาน ทางอุทยานได้กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญทางติดตามไปด้วยเสมอ และตามปกติเจ้าหน้าที่ 1 คนจะดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มละไม่เกิน 6-7 คนครับ

2. ดอยผ้าห่มปก (ความสูง 2,285 เมตร)

เป็นยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 2 ของไทย ถูกนิยามให้เป็นจุดกางเต้นท์ที่สูงที่สุดในประเทศ บนยอดดอยมีหมอกลงจัดและลมแรงตลอดทั้งปี มีพืชพันธุ์ต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์ป่าหายาก เช่น ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ผีเสื้อไกเซอร์อิมพีเรียล ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ นกปีกแพรสีม่วง เป็นต้น
การเดินเท้าจากจุดกิ่วลมที่เป็นค่ายพักแรม ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 3 - 4 ชั่วโมง สามารถมองเห็นดอยอ่างขางและดอยหลวงเชียงดาวในระยะไกลทางทิศใต้ได้อีกด้วย

3. ดอยหลวงเชียงดาว (ความสูง 2,195 เมตร)

ถูกจัดอันดับให้เป็นอีกหนึ่งในเส้นทางปีนเขาที่ท้าทายที่สุดกับยอดดอยที่ชื่อมีความหมายว่า “ภูเขาใหญ่โตที่สูงถึงดวงดาว” ทุกเสียงที่พิชิตยอดดอยนี้สำเร็จพูดตรงกันว่า สวยเหมือนสวรรค์
เส้นทางปีนขึ้นดอยแบ่งออกเป็นสองทาง คือ เส้นทางเด่นหญ้าขัดถึงอ่างสลุง ระยะทางประมาณ 8.5 กิโลเมตร ถือว่าเป็นเส้นทางเทรคกิ้งยอดนิยม เพราะถึงจะไกลไปนิดแต่เดินง่ายและไม่ชันจนทำให้ท้อ
อีกเส้นทาง คือ จากปางวัวถึงอ่างสลุง ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีความชันที่ท้าทายลำแข้งให้ขาผจญภัยได้เหนื่อยหอบและพิสูจน์ความอึดกันเต็มที่

4. ภูสอยดาว (ความสูง 2,102 เมตร)

ถือเป็นอีกหนึ่งยอดภูในตำนานของคนเที่ยวป่าที่ต้องไปพิชิต เป็นเจ้าของความโหดที่ร่ำลือกันว่าจากพื้นราบจนถึงลานสนบนยอดภู “ไม่มีคำว่าง่าย” เอาแค่ระยะสั้นตีนภูถึงน้ำตกภูสอยดาว ระยะทางเพียง 6.5 กิโลเมตร คนที่ร่างกายฟิต ๆ ใช้เวลาเดิน 5 - 6 ชั่วโมง ถัดจากนั้นก็ต้องปีนป่ายกันต่อกับความชันที่เพิ่มขึ้นตลอด 5 เนิน ก่อนจะได้พบกับป้ายผู้พิชิตภูสอยดาว

5. โมโกจู อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ (ความสูง 1,964 เมตร)

ภาพ: หินเรือใบที่โมโกจู
“โมโกจู” เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “เหมือนฝนกำลังจะตก” เพราะสภาพอากาศด้านบนชื้น ๆ เย็น ๆ ตลอดเวลา เห็นชื่อน่ารักและจำง่ายอย่างนี้ เส้นทางสายโมโกจูโหดหินไม่ปรานีใคร ต้องใช้เวลาเดินเท้าไปกลับอย่างน้อย 5 วัน ระยะทางยากลำบาก ความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ระหว่างทางกว่าจะถึงจุดสูงสุดต้องผ่านทางเดินที่น่าหวาดเสียว กว้างเพียง 1 เมตร แต่แลกกับวิวบนนั้นแล้ว นักเดินทางหลายคนบอกว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยจริง ๆ ครับ
เล็งไว้สักที่ แล้วเตรียมร่างกายกันยาว ๆ หลายเดือนหน่อยนะครับ เวลาไปเดินเขาจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป จนอดได้ภาพสวย ๆ กลับมาครับ
 
ขอบคุณข้อมูลจาก kapook,paiduaykan
ขอบคุณข้อมูลจาก: -
Tag:
-
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา