ถ้าเปรียบกีฬา Extreme เป็นอาหาร คงเป็นจานที่มีความครบรส แต่เต็มไปด้วยวิธีกินที่ยุ่งยาก ถึงเลือกได้ก็คงมีน้อยคนกล้าที่จะลิ้มลองรสชาติของมัน สำหรับอดีตสาววิศวะคนนี้ เธอคงสามารถพูดได้เต็มปากว่า “กีฬา Extreme เป็นของหวาน” และเป็นของหวานที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
จ๊ะจ๋า ภัทราพร ตันติวัตนะ
(เครดิตภาพ: www.instagram.com/jajatanti)
การเล่นกีฬา Extreme อาจจะดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับพวกเรา เพราะอยู่ดี ๆ เราคงไม่ไปเล่น Skydiving หลังเลิกงาน หรือบ่ายวันเสาร์เบื่อ ๆ ก็ไปว่ายน้ำเล่นกับปลาฉลาม ถูกมั้ยครับ กีฬา Extreme จัดเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในชีวิตที่น้อยคนจะกล้าไปลองเล่น ด้วยความยุ่งยากที่ต้องเตรียมพร้อมในหลาย ๆ ด้าน บวกกับต้องมีใจที่กล้าพอสมควร
แต่ใครจะคิดว่าอดีตสาววิศวะจุฬาอย่างคุณจ๊ะจ๋า ภัทราพร ตันติวัตนะ Content Creator (เจ้าของแฟนเพจ
Jajatanti: Extreme Traveler/ Travel Photographer และ IG:
jajajanti) จะเลือกการใช้ชีวิตแบบ Extreme ซึ่งมันทำให้เธอได้ไปรู้จักอีกด้านหนึ่งของชีวิต จนเธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า “เหมือนกับเราได้กินของที่เราไม่เคยกินมาก่อน แล้วมันอร่อยถูกปากเรามาก” อะไรคือที่มาของประโยคนี้ ไปพบกับประสบการณ์สุด Extreme ของเธอกันได้เลย
จุดเริ่มต้นหรือแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้คุณสนใจในการท่องเที่ยวแบบ Extreme ?
คุณจ๊ะจ๋า: บอกก่อนเลยว่าตั้งแต่เด็ก ๆ ตัวจ๋าเองเป็นคนที่มีนิสัยสุดโต่งอยู่แล้ว สมัยก่อนถ้ารักสวยรักงาม ก็จะไม่ออกไปถูกแดดเลย นิสัยจะไม่ค่อยอยู่ตรงกลาง อีกอย่างคือเราทำอะไรแล้วเราทำสุดค่ะ พอช่วงเรียนมหาลัยปีที่สาม จ๋ามี Instagram จ๋าชอบไปฟอลโลว์แอ็คเคาท์ของชาวต่างชาติที่มีรูปขึ้นมาในแท็บ Explore มันทำให้โลกของเรากว้างขึ้น จ๋าจำได้ว่า จ๋าไปเห็นรูปของชาวประมงชาวฮาวายที่ว่ายน้ำเล่นกับฉลาม ซึ่งเราก็เกิดคำถาม เพราะมันขัดแย้งกับภาพในหัวเราว่า ฉลามเป็นสัตว์ที่อันตราย มันจะเป็นไปได้ยังไง จ๋าเลยอีเมลไปถามเขาเลยว่าถ้าเราอยากทำแบบนั้นบ้างต้องทำยังไง เขาก็ตอบกลับมาว่ามันเป็นธุรกิจครอบครัวของเขา ทีนี้เราก็มีข้อมูลละ พอดีกับทางบ้านของเราจะไปเที่ยวช่วงปีใหม่ เราเลยลองเสนอฮาวายไป แล้วก็ได้ไปจริง ๆ ทริปนั้นก็ได้ลองอะไรมั่วซั่ว ไปทำกิจกรรมที่เราไม่เคยทำมาก่อน และเราก็ได้ไปว่ายน้ำกับฉลามในทริปนั้นเลย ถ้าเราไม่ได้มีไอเดียขึ้นมา ก็คงไปเที่ยวธรรมดา กินข้าว ชอปปิง แบบนักท่องเที่ยวไทยทั่วไป เหมือนจุดหักเหเลยนะ จ๋ารู้สึกว่ามันเป็นความสุขอีกระดับนึง เหมือนกับเราได้กินของที่เราไม่เคยกินมาก่อนแล้วมันอร่อยถูกปากเรามาก เราก็คิดว่าขนาดเรามาเล่นแค่นี้ เรายังตื่นเต้นขนาดนี้ ก็เลยได้ทดลองทำกิจกรรมประเภทนี้มาเรื่อย ๆ ค่ะ
อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณตัดสินใจก้าวสู่การเป็น Blogger สาย Extreme Traveler เต็มตัว ?
คุณจ๊ะจ๋า: จ๋าอยากให้คนเปลี่ยนมุมมอง จ๋าไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น Blogger จ๋าไม่เคยดันตัวเองหรือพยายามให้ตัวเองเกิดความโด่งดัง ในโซเชียลมีเดียเราก็โพสต์ชีวิตปกติของเราเหมือนตั้งแต่ที่เราทำมาตั้งแต่เด็ก ทีนี้ในสังคมที่เราอยู่ ไลฟ์สไตล์แบบเรามันไม่ใช่เรื่องปกติที่คนทำกัน เลยเริ่มเป็นที่พูดถึงกันในสังคมของเรา เรากลายเป็นสัญลักษณ์ของคนที่ชอบทำกิจกรรม เอาท์ดอร์ (Outdoor Activity) มีรุ่นพี่ที่ทำคอนเทนต์นิตยสารมาขอสัมภาษณ์เรา พอเรื่องราวของจ๋าออกไป ความมีชื่อเสียงก็ตามมา ในโปรไฟล์ของจ๋าใช้คำว่า Photographer แต่เรานิยามตัวเองเป็น Content Creator ค่ะ
จุดเปลี่ยนของการที่จ๋าเริ่มทุ่มเทกับทางนี้ คือจ๋ากะว่าจะไปเรียน Skydiving เพื่อไปเอาใบอนุญาตแถบทวีปยุโรป และบังเอิญว่าช่างภาพชาวเยอรมันที่จ๋าติดตามเขาใน Instagram ชื่อว่า Hannes Becker จัดโฟโต้ทริปครั้งแรก เราเลยซื้อทริปไปกับเขา เราไปในฐานะผู้ติดตาม ลงพื้นที่ทำงานจริงได้เห็นขั้นตอนการทำงานของมืออาชีพจริง ๆ ว่าเขาทุ่มเทไปมากแค่ไหนกว่าจะได้รูปนึงออกมา รูปที่เราเห็นแค่ 5 วินาที เบื้องหลังการทำงานมันมีอะไรมากกว่านั้น ทำให้เราประทับใจมาก อุปกรณ์ของเขากับจ๋าไม่ได้ต่างกันเลย แต่สิ่งที่ทำให้รูปเราต่างกันคือเขาใส่ความพยายาม ใส่ใจลงไปมากกว่าจ๋า มันทำให้จ๋าเกิดแรงบันดาลใจที่จะเป็นอย่างเขา จ๋าเรียนรู้ว่าคน ๆ นึงถ้าทุ่มเทและทำในสิ่งที่เขารัก งานมันก็จะออกมาดี อุปกรณ์เรามีละ ขาดแค่ความทุ่มเท จากนั้นเวลาเราไปทริปไหน ๆ เรามองไอดอลคนนี้ ใส่เต็มไปกับการทำงานแบบเขาและรูปมันก็ออกมาสวยขึ้นจริง ๆ
สิ่งที่ Extreme Traveler ต้องมีและขาดไม่ได้คืออะไรบ้าง ?
คุณจ๊ะจ๋า: สิ่งที่สำคัญที่สุด จ๋าว่าร่างกายที่แข็งแรงนะ กิจกรรม Extreme มันใช้พลังงานเยอะ ใช้ความสามารถ ต้องรู้จักพัฒนาและดูแลร่างกายของเรา หมั่นฝึกฝนให้เรามีความอดทนกับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น มีบ้างอย่างเวลาที่จ๋าเที่ยวมากไป จนไม่ได้เข้ายิมดูแลตัวเองก็มีเจ็บป่วย ซึ่งแบบนี้คือไม่ถูกหลักละ เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดกับจ๋า การกินการพักผ่อนเช่นกัน จ๋าไม่ได้กินให้หุ่นดี แต่จ๋ากินให้เรามีพลังงานเพียงพอ กินแต่ของที่มีประโยชน์ นอนพักผ่อนให้พอในแต่ละวัน ความรอบคอบก็สำคัญมาก เพราะกิจกรรม Extreme อย่าง Skydiving ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากเลยนะ จุดพลาดเล็ก ๆ เพียงจุดเดียวก็อาจทำให้เราเกิดอุบัติเหตุได้ แล้วก็มีเรื่องอื่น ๆ อย่างเช่น เราต้องรักในกิจกรรมที่ทำจริง ๆ ใน Skydiving เราต้องมีความสม่ำเสมอ ต้องคอยไปกระโดดเรื่อย ๆ เพื่อรักษาสภาพของใบอนุญาตค่ะ (ลักษณะเดียวกับใบอนุญาตนักบิน)
กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหน ที่คุณประทับใจมากที่สุดและอยากแนะนำให้คนอื่นได้ลอง
คุณจ๊ะจ๋า: เป็นคำถามที่เราไม่เคยตอบได้เลยนะ จ๋าไปเที่ยวมาหลากหลายรูปแบบ ทุกที่ที่ไปมันประทับใจหมดเลย แค่ด้านไหนเท่านั้นเอง มันมีทั้งด้านที่ถูกใจเราและไม่ถูกใจเรา ไม่มีที่ไหนสมบูรณ์แบบหรอกค่ะ แต่ถ้าเรียงจากที่จ๋าชอบก็จะมีนอร์เวย์ วิวสวย ถ่ายภาพออกมาสวย กิจกรรมก็มีให้ทำเยอะ แต่เสียตรงที่อาหารไม่ค่อยถูกปากเรากับอากาศหนาวไปหน่อย ฮาวายก็ดีนะ ไปทีนึงก็ได้เล่นหลายอย่าง ทั้ง Skydiving Surfing ไหนจะ Hiking อีก บาหลีกับนิวซีแลนด์จ๋าก็ชอบ ทุกที่มันมีข้อดีข้อเสียของมันหมดอยู่ที่ว่าเราจะไปทำกิจกรรมอะไรมากกว่า เราต้องเลือกไปสถานที่ีที่มีกิจกรรมที่เราอยากทำ
คุณมองว่า การเป็นผู้หญิงที่เที่ยวคนเดียว แถมยังเป็นการท่องเที่ยวแบบ Extreme ด้วยนั้น มีข้อจำกัดหรือข้อควรพึงระวังในด้านใดบ้าง ?
คุณจ๊ะจ๋า: จ๋าว่ามีสองเรื่องที่จ๋าคิดว่าเป็นปัญหา เรื่องแรกคือด้านสรีระของเพศหญิง กล้ามเนื้อและสรีระของผู้หญิงถูกสร้างมาให้แข็งแรงน้อยกว่าผู้ชายอยู่แล้ว อย่างในการเล่น Skydiving ต้องใช้แรงค่อนข้างเยอะ กล้ามเนื้อบางส่วนจะถูกใช้มาก ถ้าแข็งแรงไม่พอก็เสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุ อย่างเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จ๋าไปแอฟริกาเพื่อเล่น Skydiving แล้วลมที่นั่นค่อนข้างแรง พอถึงเวลาที่จะแตะพื้น ลมก็ตีร่มชูชีพของเราจนเหมือนลูกโป่งยักษ์ ผู้ชายจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะแรงแขนเยอะ แต่ด้วยความที่เรากล้ามเนื้อช่วงบนน้อยกว่า เราสู้แรงลมไม่ไหว เราก็โดนลากไปไกล ต้องให้คนมาช่วยอะไรที่เรารู้ว่าเราด้อยกว่าก็ต้องแก้ไขเสริมสร้างกล้ามเนื้อกันไป ส่วนเรื่องอื่น ๆ อย่างความระมัดระวัง จ๋าว่ามันไม่เกี่ยวกับเพศ มันมีกฎในการเล่น ถ้าเราทำตามนั้นมันก็ปลอดภัย สิ่งสำคัญคือรู้จุดด้อยของตัวเองและพัฒนาจุดนั้นค่ะ
ในการที่เลือกเส้นทางนี้เป็นอาชีพ คุณมีหลักในการบริหารจัดการทางด้านการเงินอย่างไรบ้าง
คุณจ๊ะจ๋า: จ๋ามีอุดมการณ์ส่วนตัวคือ ไม่ทำเพื่อการค้า จ๋าทำไปเพราะความชอบและเป็นความชอบที่ช่วยสร้างรายได้บางส่วนให้กับเรา แต่จ๋าไม่อยากเปลี่ยนความชอบของเราให้กลายเป็นธุรกิจ ในเรื่องการเงินจ๋าจะแยกไปเลย อย่างปี 2018 นี้ จ๋าก็คิดว่าจะทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น ทำแบรนด์ของตัวเองเกี่ยวกับของใช้ เขียนหนังสือ มีหนังสือเป็นของตัวเอง โดยที่มันจะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวของเรา ธุรกิจก็คือธุรกิจไปเลยดีกว่า เพราะพอมันปนกันเราก็สับสนกับชีวิตเหมือนกันนะ มันมีทั้งความกดดัน ไปเที่ยวแล้วก็รู้สึกเหมือนไปทำงาน ไม่ได้ไปพักผ่อนจริง ๆ มันทำให้เรามีความสุขน้อยลงกับการเที่ยวของเรา มันอาจจะเป็นมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่มาในแนวทางแบบนี้นะ เพราะทุกคนต้องการจะเพิ่มรายได้ของตัวเองทั้งนั้น ก็จะรับงาน แต่จ๋ากลัวเสียความเป็นตัวของตัวเอง การจะรับงานที่เข้ามาจึงมักจะเลือกเฉพาะที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราจริง ๆ
คุณมีวิธีบริหารจัดการในการสร้างคอนเทนต์ เมื่อมีแบรนด์หรือสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนการเดินทางของคุณอย่างไร
คุณจ๊ะจ๋า: แต่ละแบรนด์ที่เสนอเข้ามาหาจ๋า จ๋าก็มีรับบ้างนะ จ๋าจะเลือกจากสิ่งของที่มันเกี่ยวกับเรา อย่างรองเท้า Keen รุ่นที่เป็นรองเท้าเดินป่า มันเป็นรุ่นที่จำเป็นต่อการใช้ของเราจริงและเรายังไม่มี จ๋าจะรับอยู่แค่สองประเภทหลัก คืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับกิจกรรมที่จ๋าเล่น กับอุปกรณ์ถ่ายภาพ Nikon ก็มีติดต่อมาให้ยืมเลนส์ ยืมอุปกรณ์ฟรี เราก็รับเพราะตั้งต้นจ๋าใช้ยี่ห้อนี้อยู่แล้วเลยรับ ถ้าเป็นของที่ไม่เกี่ยวกับเรา จ๋าจะไม่รับเลยเพราะดูเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคว่าเราใช้ของสิ่งนี้นะ แต่จริง ๆ เราไม่ได้ใช้ หรืออย่างเคสที่ประเทศนึงจ้างให้จ๋าไปเที่ยวเพื่อโปรโมทให้เขา ออกค่าใช้จ่ายให้เรา พอไปจริงจ๋าอึดอัดมาก เพราะที่มันไม่ดีแต่จะให้จ๋าพูดถึงข้อดีในสิ่งที่จ๋าไม่ชอบ จ๋าทำไม่ได้ ถ้าเกิดเรามานั่งเทียนเขียนอะไรดี ๆ แล้วมีคนมาตามเรา มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราเขียน เขาจะคิดยังไงกับเรา เป็นจ๋าก็จะรู้สึกแย่นะถ้าจ๋าไปตามรอยคนที่จ๋าชอบแล้วปรากฎว่ามันเป็นโฆษณาชวนเชื่อ จ๋าเลยเลือกจะถอยออกมาดีกว่า ตอนนั้นก็รู้สึกนะว่าสิ่งที่เราทำมันไม่เป็นมืออาชีพ แต่จ๋าไม่อยากไปหลอกคนอื่นต่ออีกที
อยากให้คุณจ๊ะจ๋าแนะนำใครก็ตามที่อยากมาเป็น Photographer หรือ Content Creator ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร ?
คุณจ๊ะจ๋า: จ๋าว่าทุกอย่างที่หล่อหลอมให้จ๋าเป็นจ๋าในวันนี้ คือการที่เราไม่หวั่นไหวต่อกระแสสังคมที่ตีกรอบเรา เราต้องเป็นตัวของตัวเองและเชื่อมั่นในตัวเอง คอยเติมแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ชอบอยู่ตลอด จ๋าเสียดายชีวิตช่วงวัยเรียนมากที่เราเอาแต่เรียนพิเศษ เราขาดอิสรภาพ เครียด และกดดันตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เราก็เป็นแค่วัยรุ่นคนนึง ใช้เวลาหมดไปแต่ในห้องสี่เหลี่ยมแทนที่จะได้มีโอกาสออกไปเดินป่าเดินเขา จ๋าอยากจะฝากเลยล่ะว่าให้เป็นตัวของตัวเอง จ๋าจะไม่พูดว่า ทุกคนต้องเป็นแบบจ๋า แต่เราชอบอะไร เราต้องหาให้เจอ หาเจอแล้วเดินตามสิ่งนั้น เชื่อในจุดมุ่งหมายของเราว่าเราทำได้ ส่วนเรื่องเทคนิคการถ่ายภาพ ยุคปัจจุบันแหล่งเรียนรู้ทุกอย่างมันมีของฟรีอยู่แล้วในอินเทอร์เน็ต เราหาข้อมูลอะไรก็ได้ และเอาข้อมูลพวกนั้นมาฝึกฝนพัฒนาตัวเอง เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน สุดท้ายแล้ว เราก็จะไม่มานั่งผิดหวังทีหลัง