การทำบัญชีรายรับรายจ่ายถือเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจ และฟรีแลนซ์ทุกคนต้องทำ นอกจากจะช่วยให้เห็นภาพรวมการเงินแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราเตรียมตัววางแผนภาษี” และนำไปยื่นภาษีกับกรมสรรพากรได้อย่างถูกต้อง แต่สำหรับใครที่ยังทำไม่เป็น ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะในบทความนี้ Krungsri The COACH จะพาไปดูวิธีจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างง่าย ๆ ทีละขั้นตอน ที่สามารถนำไปใช้ยื่นภาษีได้แบบถูกต้อง ถูกหลัก และสบายใจได้อย่างแน่นอน
บัญชีรายรับรายจ่ายสำหรับยื่นสรรพากรคืออะไร ?
บัญชีรายรับรายจ่ายสำหรับยื่นสรรพากร หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า
“รายงานเงินสดรับ-จ่าย” คือ เอกสารทางบัญชีที่กรมสรรพากรกำหนดให้ผู้เสียภาษีที่เป็นบุคคลธรรมดาจัดทำขึ้น เพื่อบันทึกรายการรายรับที่เข้ามา และรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบที่มาของรายได้ และค่าใช้จ่ายได้อย่างโปร่งใส
ใครบ้างที่ควรทำรายงานเงินสดรับ-จ่าย
ตามประกาศของอธิบดีกรมสรรพากร ผู้มีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานเงินสดรับ-จ่าย คือ บุคคลธรรมดา และคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล ที่มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) - (8) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่
- เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน (มาตรา 40(5)) : รายได้จากการให้เช่าบ้าน คอนโด ที่ดิน หรือรถยนต์
- เงินได้จากวิชาชีพอิสระ (มาตรา 40(6)) : ได้แก่ แพทย์ ทนายความ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี และผู้ประกอบวิชาชีพอิสระอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
- เงินได้จากการรับเหมา (มาตรา 40(7)) : รายได้จากการรับเหมาทั้งค่าแรงและค่าของที่ผู้รับเงินมีหน้าที่ต้องเสีย
- เงินได้จากการประกอบธุรกิจอื่น ๆ (มาตรา 40(8)) : เป็นกลุ่มที่ครอบคลุมธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูปเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ นักแสดง ฟรีแลนซ์ เกษตรกร หรือผู้ที่ประกอบธุรกิจบริการต่าง ๆ
ประโยชน์ของการทำบัญชีรายรับรายจ่าย
การทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอนั้น ไม่เพียงแต่เป็นไปตามข้อกำหนดของสรรพากรเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีหลายด้านต่อการดำเนินธุรกิจด้วย เช่น
- ช่วยให้รู้ผลการดำเนินงานที่แท้จริง : ช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจว่ามีรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไรหรือขาดทุนในแต่ละเดือนเป็นอย่างไร ทำให้ตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้น
- เป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นภาษี : ใช้เป็นเอกสารประกอบการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเป็นหลักฐานยืนยันกับเจ้าหน้าที่สรรพากรในกรณีที่ถูกเรียกตรวจสอบ
- เพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ : สถาบันการเงินมักใช้รายงานเงินสดรับ-จ่ายเพื่อประเมินกระแสเงินสด และศักยภาพของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อได้
- ช่วยวางแผน และควบคุมต้นทุน : ทำให้ทราบว่าค่าใช้จ่ายส่วนไหนสูงเกินความจำเป็น และสามารถหาแนวทางลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว
บัญชีรายรับรายจ่ายสำหรับยื่นสรรพากร ต้องมีหัวข้ออะไรบ้าง ?
เพื่อให้บัญชีรายรับรายจ่ายถูกต้องตามแบบที่กรมสรรพากรกำหนด ในรายงานเงินสดรับ-จ่ายของเราจะต้องประกอบด้วยหัวข้อสำคัญ ดังนี้
ดาวน์โหลด Template บัญชีรายรับ-รายจ่าย ไว้ใช้ยื่นสรรพากร
เพื่อให้การเริ่มต้นทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น Krungsri The COACH ได้เตรียมแบบฟอร์มมาตรฐานไว้ให้ทุกคนนำไปใช้งานได้ทันที สามารถคลิกเพื่อ “
ดาวน์โหลด Template บัญชีรายรับ-รายจ่าย Excel ฟรี สำหรับใช้ยื่นสรรพากร” ได้เลย
4 วิธีทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้ยื่นสรรพากร
เมื่อทราบองค์ประกอบแล้ว มาดูขั้นตอน และหลักเกณฑ์สำคัญในการลงบันทึกข้อมูลเพื่อให้บัญชีรายรับรายจ่ายของเราสมบูรณ์ และถูกต้องตามหลักสรรพากรกัน
1. กรอกข้อมูลรายรับ-รายจ่ายให้ครบถ้วน
ขั้นตอนแรกในการทำบัญชีรายรับรายจ่ายสำหรับไว้ใช้ยื่นสรรพากรได้ คือ เราจะต้องกรอกข้อมูลรายรับ-รายจ่ายให้ครบถ้วน รวมถึงจะต้องมีข้อมูลผู้ประกอบการ วันที่ และรายการ ตามมาตรฐานที่สรรพากรกำหนดไว้ด้วย
เงื่อนไขรายการที่สามารถนำมาลงในบัญชีรายรับรายจ่ายได้
ไม่ใช่ทุกรายการจะสามารถนำมาบันทึกได้ มาดูกันว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง
- ต้องมีเอกสารประกอบ : ทุกรายการที่บันทึกควรมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี หรือสลิปโอนเงิน เพื่อใช้อ้างอิง
- ต้องเกี่ยวข้องกับกิจการ : รายจ่ายที่นำมาลงบันทึกต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบธุรกิจเท่านั้น ไม่สามารถนำรายจ่ายส่วนตัวมาปะปนได้
- บันทึกเฉพาะรายการรับ-จ่ายเงินสด : ให้บันทึกรายการ ณ วันที่มีการรับ-จ่ายเงินสดจริง ๆ หากเป็นการขายเชื่อหรือซื้อเชื่อ ให้บันทึกรายการในวันที่ได้รับชำระเงินหรือจ่ายชำระเงินนั้น ๆ
- ภาษีซื้อสำหรับผู้ไม่จด VAT : หากคุณไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถนำภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายมาบันทึกเป็นต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน
2. กรอกข้อมูลภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่มีรายได้ หรือรายจ่าย
ไม่เพียงแค่ต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และถูกต้อง แต่กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องบันทึกรายการลงในรายงานเงินสดรับ-จ่าย ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ได้รับเงิน หรือจ่ายเงินจริงด้วย ซึ่งการลงบันทึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน และง่ายต่อการสรุปยอดรายเดือน
3. เนื้อหาที่เขียนจะต้องเป็นภาษาไทยเท่านั้น
ตามระเบียบของกรมสรรพากร รายงานเงินสดรับ-จ่ายจะต้องจัดทำเป็นภาษาไทย หากมีเอกสารหลักฐานเป็นภาษาต่างประเทศ ควรมีการจดบันทึกคำแปลภาษาไทยกำกับไว้ด้วย
4. สรุปยอดรายรับและรายจ่ายเป็นรายเดือน
เมื่อสิ้นสุดแต่ละเดือนแล้ว ให้ทำการสรุปยอดรวมของรายรับทั้งหมด และรายจ่ายทั้งหมดในเดือนนั้น ๆ การสรุปยอดรายเดือนจะช่วยให้เห็นภาพรวมทางการเงินที่ชัดเจน และง่ายต่อการนำข้อมูลไปใช้กรอกแบบแสดงรายการเพื่อยื่นเสียภาษี ทั้ง
ภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) และภาษีสิ้นปี (ภ.ง.ด.90) นั่นเอง
การจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย หรือรายงานเงินสดรับ-จ่าย อาจดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้ประกอบการ และฟรีแลนซ์หลายคน แต่แท้จริงแล้วเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ไม่ซับซ้อน แต่ให้ประโยชน์มหาศาล ไม่เพียงแต่ช่วยให้การยื่นภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง และลดความเสี่ยงจากการถูกประเมินภาษีย้อนหลัง แต่ยังเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมที่ช่วยให้คุณเข้าใจสุขภาพทางการเงินของธุรกิจตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง นำไปสู่การวางแผนเพื่อควบคุมต้นทุนและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ดังนั้น มาเริ่มต้นสร้างวินัยทางการเงินที่ดีด้วยการทำบัญชีตั้งแต่วันนี้กันเลย
อ้างอิง