“สินเชื่อ” เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านหลังแรก ซื้อรถยนต์คู่ใจ หรือลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว แต่การที่เราจะได้รับอนุมัติสินเชื่อ และได้วงเงินสูงตามที่คาดหวังไว้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรายได้ประจำเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหนึ่งเอกสารสำคัญที่เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาด้วย นั่นก็คือ “Bank Statement” หรือ “รายการเดินบัญชีธนาคาร” ที่สามารถสะท้อนสุขภาพทางการเงิน และพฤติกรรมการใช้จ่ายของเราได้อย่างชัดเจน
สเตทเม้น (Bank Statement) คืออะไร ?
Bank Statement หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “สเตทเม้น” คือ ใบแจ้งยอดธนาคารที่ทำหน้าที่บันทึกรายการเคลื่อนไหวทั้งหมดในบัญชีเงินฝากของเราในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินเข้า (เช่น เงินเดือน รายได้จากการค้าขาย) และเงินออก (เช่น การถอน โอน ชำระค่าบริการ) โดยจะแสดงให้เห็นถึงที่มาของรายได้ พฤติกรรมการใช้จ่าย และยอดเงินคงเหลือในแต่ละเดือน ทำให้ Bank Statement คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่สถาบันการเงินใช้เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้ และความมั่นคงทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อนั่นเอง
3 ประโยชน์สเตทเม้น (Bank Statement) ที่มากกว่าแค่เอกสารขอสินเชื่อ
แม้ว่า Bank Statement จะเป็นที่รู้จักในฐานะเอกสารสำคัญในการขอสินเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีประโยชน์มากกว่านั้นมาก และเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการบริหารเงินในบัญชีได้หลาย ๆ ด้าน เช่น
1. เป็นเครื่องมือตรวจสุขภาพการเงินส่วนบุคคล
สเตทเม้น คือ เครื่องมือที่ดีที่สุดในการตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายส่วนบุคคล คุณสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อดูว่าเงินของคุณถูกใช้ไปกับอะไรบ้าง และหาจุดที่จะสามารถลดรายจ่ายเพื่อเพิ่มเงินออมได้
2. เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเจ้าของธุรกิจและฟรีแลนซ์
สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือเจ้าของกิจการ สเตทเม้นไม่ใช่แค่เอกสาร แต่เป็นเครื่องมือบริหารธุรกิจที่ขาดไม่ได้ โดยจะถูกใช้เพื่อติดตามกระแสเงินสดของกิจการ บันทึกรายรับ-รายจ่ายเพื่อการทำบัญชี และเป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีประจำปีด้วย
3. เป็นกุญแจสู่โอกาสอื่น ๆ
นอกเหนือจากการขอสินเชื่อ สเตทเม้นยังเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการปลดล็อกโอกาสอื่น ๆ อีกมากมาย
- การยื่นขอวีซ่า : สถานทูตหลายแห่งต้องการสเตทเม้นเพื่อยืนยันว่า คุณมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง และมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- การสมัครงาน : บางตำแหน่งงาน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือต้องการความน่าเชื่อถือสูง อาจมีการขอสเตทเม้นเพื่อประเมินความรับผิดชอบ และวินัยทางการเงินของผู้สมัคร
- การทำสัญญาเช่า : ผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์อาจขอสเตทเม้นเพื่อความมั่นใจว่า คุณมีรายได้ที่สม่ำเสมอ และสามารถจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา
- การสมัครสินเชื่อ : ธนาคารใช้สเตทเม้นเพื่อประเมินรายได้ของคุณ และกำหนดวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสมให้
สถาบันการเงินเช็กอะไรในสเตทเม้น (Bank Statement) ของเรา ก่อนอนุมัติสินเชื่อ ?
ในกรณีที่เราต้องการขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เมื่อเรายื่น Bank Statement ให้กับเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินแล้ว เจ้าหน้าที่จะวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละส่วนของ Bank Statement อย่างไรบ้าง ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการอนุมัติสินเชื่อ
- ข้อมูลเจ้าของบัญชี : ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และหมายเลขบัญชี เป็นส่วนแรกที่ใช้ในการยืนยันตัวตนว่าตรงกับผู้ยื่นขอสินเชื่อหรือไม่
- รอบระยะเวลาของใบแจ้งยอด : ระบุช่วงวันที่ของรายงาน เช่น 1-31 มกราคม โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะขอสเตทเม้นย้อนหลังต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้เห็นแนวโน้ม และรูปแบบพฤติกรรมทางการเงินของคุณอย่างชัดเจน
- รายละเอียดธุรกรรม : เป็นส่วนสำคัญที่เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมทางการเงิน โดยจะประกอบไปด้วย 5 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่
- วันที่/เวลา (Date/Time) : แสดงลำดับเวลาของพฤติกรรมการเงินของคุณ
- รายละเอียด (Description) : เป็นส่วนที่บอกว่าธุรกรรมนั้นคืออะไร เช่น “SALARY” (เงินเดือน), “TRF FRM” (รับโอนจาก), “BILL PAYMENT” (ชำระบิล), “ATM WDL” (ถอนเงินสดจากตู้ ATM)
- ยอดเงินฝาก/ถอน (Deposit/Withdrawal) : ตัวเลขดิบของเงินที่เข้า และออกจากบัญชี
- ยอดเงินคงเหลือ (Balance) : เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินอาจเช็กยอดคงเหลือในแต่ละวันเพื่อประเมินความมั่นคงทางการเงินของคุณ หากยอดเงินที่ติดลบ หรือใกล้ 0 อย่างสม่ำเสมอ ก็อาจถูกประเมินในแง่ลบได้
- ช่องทาง (Channel) : ระบุว่าธุรกรรมทำผ่านช่องทางใด เช่น ATM, Mobile Banking, หรือเคาน์เตอร์ธนาคาร ซึ่งในบางครั้ง สามารถบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์การใช้เงินได้
โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินสามารถตรวจสอบ 3 ข้อหลัก ๆ ที่ใช้ประเมินการอนุมัติสินเชื่อได้ ได้แก่ ความมั่นคงของรายได้ พฤติกรรมการใช้จ่าย และศักยภาพในการชำระหนี้ ถ้าข้อมูล Bank Statement ของคุณผ่านครบทั้ง 3 ข้อ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อนั่นเอง
ลักษณะของสเตทเม้น (Bank Statement) ที่ดีเป็นอย่างไร ?
การมี Bank Statement ที่ดีเปรียบเสมือนการสร้างโปรไฟล์ทางการเงินที่น่าไว้วางใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อได้อย่างมาก โดยสเตทเม้นที่สถาบันการเงินมองว่ามีคุณภาพนั้นควรมีลักษณะดังนี้
มีรายการเดินบัญชีเข้า - ออก อย่างสม่ำเสมอ
ควรมีเงินหมุนเวียนในบัญชีอย่างต่อเนื่อง มีรายการรับเงินเข้าอย่างเป็นประจำ (โดยเฉพาะเงินเดือน) และมีการใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล การใช้บัญชีนี้เป็นบัญชีหลักในการทำธุรกรรมจะช่วยแสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์การใช้เงินที่เป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ ควรหลีกเลี่ยงการถอนเงินจำนวนมากจนหมดบัญชีทันทีที่เงินเดือนเข้า
มีเงินเหลือติดบัญชีอยู่ตลอด
นอกจากการมีเงินหมุนเวียนแล้ว การมีเงินคงเหลือติดบัญชีในแต่ละเดือนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ไม่ควรปล่อยให้ยอดเงินในบัญชีใกล้ศูนย์หรือติดลบ เพราะการมีเงินออมคงเหลือไว้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการเงินที่ดี และบ่งบอกว่าเรามีเงินสำรองเพียงพอสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือสำหรับชำระหนี้
ไม่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้
แม้ Bank Statement จะไม่ได้แสดงข้อมูลเครดิตบูโรโดยตรง แต่ก็สามารถสะท้อนประวัติการชำระหนี้บางอย่างได้ เช่น การหักค่าบัตรเครดิต หรือค่างวดสินเชื่อต่าง ๆ หากในรายการเดินบัญชีแสดงให้เห็นถึงการชำระหนี้อย่างตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
ลักษณะของสเตทเม้น (Bank Statement) ที่ไม่ดีเป็นอย่างไร ?
สำหรับข้อมูลใน Bank Statement ที่เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินอาจมองว่า ผิดปกติ และเป็นสัญญาณอันตรายได้ จะมีหลัก ๆ อยู่ 6 ข้อดังนี้
- ที่มาของรายได้ไม่ชัดเจน หรือไม่สม่ำเสมอ : สำหรับฟรีแลนซ์ หากรายได้มีความผันผวนสูง เข้ามาไม่แน่นอน ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน จะถือเป็นความเสี่ยงหลัก
- มีเงินร้อน หรือเงินฝากก้อนใหญ่ที่ผิดปกติ : การมีเงินก้อนใหญ่ที่ไม่สามารถอธิบายที่มาได้เข้าบัญชีก่อนยื่นกู้ไม่นาน เจ้าหน้าที่อาจตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเงินที่หยิบยืมมาเพื่อตกแต่งบัญชีให้ดูดี และมีแนวโน้มที่จะไม่นับรวมเงินก้อนนั้นในการพิจารณา
- เงินเดือนเข้าแล้วออกหมด : หากเงินเดือนทั้งหมดถูกถอนเป็นเงินสด หรือโอนออกไปทันทีในวันที่เข้าบัญชี จะทำให้เรามองว่าคุณอาจมีรายจ่ายนอกระบบสูง หรือขาดการบริหารจัดการเงินที่ดี เพราะไม่ทิ้งร่องรอยการใช้จ่าย และแสดงให้เห็นว่าไม่มีเงินสำรองในบัญชีเลย
- ธุรกรรมหมุนเวียนที่น่าสงสัย : การโอนเงินจำนวนเท่า ๆ กัน เข้าและออกซ้ำ ๆ เพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีสูง ระบบวิเคราะห์ของธนาคารมักจะสามารถตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัยเช่นนี้ได้
- ยอดเงินคงเหลือต่ำ หรือเป็นศูนย์อย่างต่อเนื่อง : การมีเงินเหลือติดบัญชีน้อยมาก หรือไม่มีเลยเมื่อสิ้นเดือน เป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณใช้ชีวิตเดือนชนเดือน และไม่มีศักยภาพพอที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายใหม่ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินได้
- สัดส่วนภาระหนี้สูงเกินไป : หากเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินเห็นรายการหักบัญชีเพื่อชำระหนี้สินเชื่อเป็นจำนวนมาก เกินกว่ารายรับที่เข้ามา อาจส่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เนื่องจากสถาบันการเงินจะมองว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) ของคุณสูงเกินไป
จะเห็นได้ว่า ลักษณะของสเตทเม้นที่ไม่ดีเหล่านี้ ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่สถาบันการเงินให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะสะท้อนถึงความเสี่ยงในการจัดการการเงิน และความไม่แน่นอนของความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคตได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การทำความเข้าใจและพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจสร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อ จึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างโปรไฟล์ทางการเงินที่แข็งแกร่ง
Krungsri The COACH แนะนำ : วิธีขอสเตทเม้น (Bank Statement) ง่าย ๆ ผ่าน krungsri app และ LINE Krungsri Simple
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า สถาบันการเงินมองหาอะไรใน Bank Statement และควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมแบบไหน ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การตรวจสอบสเตทเม้นของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อดูว่าเรามีจุดไหนที่ต้องปรับปรุงหรือไม่
สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา สามารถขอ Bank Statement ได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา ไม่เสี่ยงข้อมูลสูญหาย หรือโดนมิจฉาชีพปลอมแปลงข้อมูล เพราะเป็นการขอ Bank Statement โดยตรงจากทางธนาคาร ซึ่งมีความปลอดภัยสูง
ขั้นตอนขอสเตทเม้นผ่าน krungsri app
- เข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน krungsri app
- ไปที่เมนู “บัญชีของฉัน” (My Account) และเลือกบัญชีเงินฝากที่ต้องการ
- เลือกเมนู “บริการอื่น ๆ” (Other Services) และกดเลือก “ขอใบแจ้งยอดบัญชี” (Request e-Statement)
- เลือกระยะเวลาของรายการเดินบัญชีที่ต้องการ (เช่น ย้อนหลัง 6 เดือน) และระบุอีเมลที่ต้องการให้จัดส่งเอกสาร
- ตรวจสอบความถูกต้องแล้วยืนยันรายการด้วยรหัส PIN
- ระบบจะทำการจัดส่งไฟล์ Bank Statement ไปยังอีเมลที่ระบุไว้
ขั้นตอนขอสเตทเม้นผ่าน LINE Krungsri Simple
- เปิดแอปพลิเคชัน LINE และเข้าไปที่บัญชีทางการ “Krungsri Simple”
- พิมพ์ “ขอ Statement” หรือเลือกจากเมนูบริการ
- ระบบจะแนะนำขั้นตอนการขอ Statement ผ่าน krungsri app หรือให้ยืนยันตัวตนเพื่อดำเนินการต่อ
- เลือกบัญชีและช่วงเวลาที่ต้องการ
- ระบุอีเมลเพื่อรับเอกสาร และยืนยันการทำรายการ
- รอรับเอกสาร Bank Statement ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ทางอีเมล
จะเห็นได้ว่า Bank Statement คือเอกสารที่มากกว่าแค่ตัวเลข แต่เป็นภาพสะท้อนของพฤติกรรม และวินัยทางการเงินของเราอย่างแท้จริง การดูแลรักษารายการเดินบัญชีให้ดี มีเงินเข้า-ออกอย่างสม่ำเสมอ มีเงินออมคงเหลือ และไม่มีประวัติเสีย ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นการใส่ใจดูแล Bank Statement ของเราให้ดีอยู่เสมอจึงเป็นอีกหนึ่งพื้นฐานสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
อ้างอิง