บุกตลาดเวียดนามให้รุ่ง ต้องพึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
รอบรู้ธุรกิจในอาเซียน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

บุกตลาดเวียดนามให้รุ่ง ต้องพึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

icon-access-time Posted On 27 เมษายน 2568
By Krungsri The COACH
เวียดนามกำลังกลายเป็นหนึ่งในตลาด E-commerce ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจำนวนประชากรที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล และการซื้อขายในโลกออนไลน์ที่มากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปบุกตลาดนี้ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ตลาด E-commerce ในเวียดนาม จำเป็นต้องเข้าใจถึงพฤติกรรมผู้บริโภค และเทรนด์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสม Krungsri The COACH ขอนำเสนอ 5 เทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้คุณพิชิตตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามถึงเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการ

ตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนาม

การเติบโตที่รวดเร็วของตลาด E-commerce ในเวียดนามยังคงเป็นที่น่าจับตามอง เพราะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แถมยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก สาเหตุหลักมาจากอะไร? ไปดูกัน
 

แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปี 2568

แม้ว่าการซื้อของในร้านค้าแบบออฟไลน์จะยังคงได้รับความนิยมในเวียดนาม แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังมีพฤติกรรมค้นหาแบรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่มากขึ้น และส่วนใหญ่มีการอ่านรีวิวก่อนการซื้อผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีผู้บริโภคในเวียดนามถึง 71% ที่ตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ผู้บริโภคชาวเวียดนามเริ่มให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในปี 2567 ที่ผ่านมา พวกเขาพร้อมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 20% สำหรับสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และมีถึง 85% ที่มีแนวโน้มพิจารณาซื้อรถยนต์ไฮบริด และคาดการณ์ว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอีกสองปีข้างหน้า
 

ผู้บริโภคเวียดนามซื้อของบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากขึ้น

จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ตลาด Metric พบว่า ผู้บริโภคชาวเวียดนามใช้จ่ายถึง 143.9 ล้านล้านเวียดนามด่ง (ประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อซื้อสินค้ากว่า 1.53 ล้านรายการบนแพลตฟอร์ม E-commerce ชั้นนำทั้ง 5 แห่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567

แพลตฟอร์มเหล่านี้ ได้แก่ Shopee, Lazada, Tiki, Sendo และ TikTok Shop โดยยอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 54.91% และยอดรายการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 65.55% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาด E-commerce ในเวียดนาม
 

มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยและความถี่ในการซื้อสินค้าออนไลน์สูง

ข้อมูลจาก NielsenIQ Vietnam ยังระบุว่า จำนวนร้านค้าที่มีช่องทางขายของออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 5% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม TikTok มีองค์กรและบุคคลเกือบ 3.7 ล้านรายที่กำลังสร้างรายได้จากช่องทางนี้

นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวเวียดนามยังซื้อสินค้าออนไลน์โดยเฉลี่ยเกือบ 4 ครั้งต่อเดือน และใช้เวลาในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อีกมาก

อัปเดต 2 เทรนด์ตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามมาแรง

เทรนด์ตลาดเวียดนาม

ในเวียดนาม การเติบโตของ E-commerce ที่มากขึ้นทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ก็มากขึ้นตามไปด้วย ผู้ประกอบการจึงต้องอัปเดตเทรนด์ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ตกกระแส มาดูเทรนด์ E-commerce ในเวียดนามที่กำลังมาแรงในตอนนี้กัน
 

Social Commerce

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok, Instagram และ Facebook กำลังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการซื้อขายออนไลน์ในเวียดนาม โดย Social Commerce เหล่านี้ สามารถทำให้ผู้บริโภคค้นหาสินค้า อ่านรีวิว และตัดสินใจซื้อได้ทันทีบนแพลตฟอร์มนี้เลย การทำโฆษณาผ่านคอนเทนต์ที่น่าสนใจลงใน Social Commerce จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้รับการแชร์ต่อจากผู้ใช้ที่มีความพึงพอใจในสินค้า
 

Live Commerce

อีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรง และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในตลาดเวียดนามก็คือ Live Commerce ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการสตรีมไลฟ์สด และการขายของออนไลน์ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Facebook ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขายสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ แสดงสินค้าได้อย่างละเอียด และตอบคำถามได้ทันที ทำให้สร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5 เทคนิคพาธุรกิจเติบโตในเวียดนามด้วย E-commerce

เทคนิคบุกตลาด e-commerce เวียดนาม

การที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจในเวียดนาม และสร้างการเติบโตในต่างประเทศ หากต้องการทำธุรกิจกลุ่ม E-commerce ในเวียดนาม วันนี้เรามี 5 ข้อแนะนำที่จะช่วยพาธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างแน่นอน
 

1. พัฒนาสินค้าที่ยั่งยืนตามเทรนด์บริโภคสีเขียว

ปัจจุบันอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค และค้าปลีกในเวียดนามกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม ผู้บริโภคหันมาสนใจนมสดออร์แกนิก นมสดกรีนฟาร์ม หรือนมผสมธัญพืชมากขึ้น ส่วนสินค้าในกลุ่ม FMCG เช่น ขนมหวาน อาหาร หรือเครื่องปรุงรส ก็จะเน้นไปที่สินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และออร์แกนิก หรือเป็นสินค้าส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่มีไขมันทรานส์ หรือไม่มีน้ำตาล (Sugar Free) ก็ล้วนแต่มีแนวโน้มที่เติบโตสูงขึ้น
 

2. ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการขายของ

ผู้บริโภคในเวียดนามเปิดรับการใช้เทคโนโลยี AI สำหรับการซื้อขายบนตลาด E-commerce อย่างมาก โดย 69% เห็นว่า AI สามารถช่วยรวบรวมข้อมูลสินค้า รองลงมา 63% เห็นว่า AI ช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าเบื้องต้นได้ดี และอีก 59% ที่รู้สึกว่า AI สามารถช่วยสนับสนุนด้านบริการได้ ดังนั้น การนำ AI เข้ามาช่วยเหลือในด้านบริการ หรือการให้ข้อมูล อย่างเช่นการใช้ AI Chat Bot นับว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณได้

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคชาวเวียดนามส่วนหนึ่งยังคงให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในการพูดคุย หรือการซื้อผ่าน Live Commerce โดยเฉพาะในสินค้าที่มีมูลค่าสูง ดังนั้น คุณจะต้องให้ความสำคัญกับการให้บริการคำแนะนำสินค้าโดยโดยผู้เชี่ยวชาญไปพร้อม ๆ กับการใช้เทคโนโลยีควบคู่ไปด้วย
 

3. ทำการตลาดออนไลน์ให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม

จากรายงานสำรวจของกระทรวงพาณิชย์เวียดนาม พ.ศ.2566 พบว่าชาวเวียดนามกว่า 78% เคยซื้อสินค้าออนไลน์ โดยกิจกรรมที่พวกเขาทำเป็นประจำ คือ การเปรียบเทียบราคาระหว่างร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งมีจำนวนสูงมากถึง 83% เลย

นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวเวียดนามมองการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อความบันเทิง ผ่านการรับชม Live Streaming หรือการเข้าร่วมกิจกรรม/เล่นเกม (Live Interactive) ดังนั้นการทำการตลาดที่ครอบคลุมหลากหลายแพลตฟอร์มจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
 

4. สร้างการรู้จักตัวแบรนด์ผ่านอินฟลูเอนเซอร์

จากรายงานสำรวจของกระทรวงพาณิชย์เวียดนาม พ.ศ.2566 พบว่า ชาวเวียดนามให้ความสำคัญกับสินค้าที่ได้รับการแนะนำจากผู้มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ อย่าง KOLs และ Influencer สูงถึง 70% เลยทีเดียว

การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่นที่มีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ และกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์น้องใหม่ที่ต้องการเจาะตลาดเวียดนาม
 

5. เพิ่มตัวเลือกด้านการชำระเงินให้มากขึ้น

เวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสดอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้การชำระเงินแบบไร้เงินสดแทนการใช้เงินสดมากขึ้น

โดยปัจจุบัน เวียดนามมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น การสแกน QR code, บัตรเครดิต หรือ e-Wallet ที่นิยมใช้กันอย่างเช่น MoMo และ ZaloPay ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถชำระเงินได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอคิว นอกจากนี้ การมีตัวเลือก เช่น “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” (Buy Now Pay Later) ก็เป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

Krungsri The COACH แนะนำ : ASEAN LINK พาธุรกิจไทยเติบโตในเวียดนามไปด้วยกัน

ตลาด E-commerce ในเวียดนามมีศักยภาพสูงและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านนี้ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคนิคที่แนะนำไว้ข้างต้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ และที่สำคัญ กรุงศรียังมีโซลูชันที่พร้อมเชื่อมต่อกับคู่ค้าต่างแดนผ่านบริการ Krungsri ASEAN LINK ซึ่งมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรม และตลาดในอาเซียนที่มีความหลากหลาย พร้อมพาลูกค้าก้าวสู่ตลาดอาเซียน และนำเสนอโซลูชันทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ เพื่อเติบโตอย่างรวดเร็วไปพร้อมกัน
 
Krungsri ASEAN LINK

ตลาด E-commerce ในเวียดนามมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อไปในอนาคต ด้วย 5 เทคนิคที่ Krungsri The COACH นำเสนอ พร้อมด้วยการสนับสนุนจากบริการ Krungsri ASEAN LINK ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจสู่ตลาดเวียดนาม และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว


อ้างอิง
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา