ตลาดฮาลาลบูม โอกาสส่งออกของไทย สร้างกำไรในตลาดอินโดนีเซีย
รอบรู้ธุรกิจในอาเซียน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ตลาดฮาลาลบูม โอกาสส่งออกของไทย สร้างกำไรในตลาดอินโดนีเซีย

icon-access-time Posted On 30 พฤษภาคม 2568
By Krungsri The COACH
เศรษฐกิจฮาลาลทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างโอกาสทางธุรกิจที่น่าจับตามอง โดยคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดอาหารฮาลาลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในทศวรรษหน้า ท่ามกลางการเติบโตนี้ ตลาดฮาลาลของอินโดนีเซียมีความโดดเด่น และน่าสนใจในการลงทุน จากขนาดของตลาดที่ใหญ่ และมีศักยภาพเติบโตสูง Krungsri The COACH จะพาผู้ประกอบการไทยไปเจาะลึกถึงโอกาสของตลาดฮาลาลในอินโดนีเซีย พร้อมแนะนำกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดที่กำลังเฟื่องฟูนี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน

ทำไมอินโดนีเซียถึงเป็นตลาดฮาลาลที่น่าสนใจ?

อินโดนีเซียกำลังเป็นดาวรุ่งในวงการตลาดฮาลาลระดับโลก ด้วยปัจจัยหลายประการที่ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจในตลาดฮาลาล
 

จำนวนประชากรชาวมุสลิมในอินโดนีเซีย

มุสลิมในอินโดนีเซีย

ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ตลาดอินโดนีเซียเป็นเป้าหมายที่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้ประกอบการไทย คือ “ขนาดของประชากร” จากจำนวนชาวมุสลิมมากกว่า 230 ล้านคน ทำให้อินโดนีเซียมีความต้องการสินค้า และบริการฮาลาลมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และความต้องการนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงอาหาร แต่ครอบคลุมไปถึงสินค้าอุปโภค บริโภค และบริการในชีวิตประจำวันด้วย
 

ความสัมพันธ์ทางการค้าของไทย และอินโดนีเซีย

อินโดนีเซียเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยมาเนิ่นนาน โดยในปี พ.ศ. 2567 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับอินโดนีเซียอยู่ที่ 643,820 ล้านบาท โดยไทยส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 332,544 ล้านบาท และนำเข้าจากอินโดนีเซียมูลค่า 311,276 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีในการขยายการส่งออกสินค้าฮาลาล โดยเฉพาะด้านสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของไทย เข้าไปเพิ่มเติม ประกอบกับแนวทางของรัฐบาลปัจจุบันที่ตั้งเป้าหมายยกกระดับอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Halal Hub) ด้วยการลดอุปสรรค และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมฮาลาล
 

เศรษฐกิจอินโดนีเซียมีขนาดใหญ่

อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของโอกาสทางธุรกิจมาจากเศรษฐกิจอินโดนีเซียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีอัตราการเติบโตของ GDP ที่คาดว่าจะขยายตัว 4.7% ในปี 2568 (จากการคาดการณ์ของ IMF) โดยมีจำนวนครอบครัวในกลุ่มชนชั้นกลางประมาณ 17.3 ล้านครัวเรือน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านครัวเรือนภายในปี 2573 (Indonesia Halal Food & Beverage Market Forecast 2023-2030) การเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางนี้ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าฮาลาลที่หลากหลาย และมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
 

รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล

รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ฮาลาลระดับโลก นโยบายที่สำคัญคือ การออกกฎหมายรับรองฮาลาลสำหรับสินค้า และบริการต่าง ๆ โดยเริ่มจากกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 และขยายไปยังภาคส่วนโลจิสติกส์ที่สนับสนุนฮาลาล นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล และการปรับปรุงกระบวนการจดทะเบียนใบรับรองฮาลาล การสนับสนุนจากภาครัฐนี้ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน และการเติบโตของตลาดฮาลาลในระยะยาว

3 โอกาสของธุรกิจไทยในตลาดฮาลาลอินโดนีเซีย

อุตสาหกรรมฮาลาล

จากรากฐานที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจของตลาดฮาลาลในอินโดนีเซีย ผู้ประกอบการไทยสามารถหาโอกาสทางธุรกิจได้ในหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหาร สินค้าที่ไม่ใช่อาหาร หรือแม้แต่บริการที่เกี่ยวข้องกับฮาลาล
 

1. สินค้าอาหารฮาลาล (Halal Food Products)

อุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม (Food and Beverage) ถือเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุด และมีอิทธิพลมากที่สุดในตลาดฮาลาลของอินโดนีเซีย ปัจจัยหลักมาจากความต้องการบริโภคภายในประเทศที่สูงมาก ประกอบกับกฎหมายที่กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องดื่มต้องได้รับการรับรองฮาลาล จึงทำให้การใช้จ่ายค่าอาหารของผู้บริโภคมุสลิมในอินโดนีเซีย รวมไปถึงเครื่องดื่มฮาลาลมีมูลค่ามหาศาล และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจไทย นี่คือโอกาสทองสำหรับอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยเฉพาะกลุ่มขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม และอาหารแปรรูป เพราะได้รับการยอมรับ และมีความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพจากผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียอยู่แล้ว
 

2. สินค้าที่ไม่ใช่อาหารฮาลาล (Non-Food Halal Products)

โอกาสในตลาดฮาลาลอินโดนีเซียไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงอาหารเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ที่ต้องมีแนวปฏิบัติตามหลักการฮาลาลเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น
  • แฟชั่นมุสลิม (Modest Fashion) : อินโดนีเซียมีตลาดแฟชั่นมุสลิมที่ใหญ่ และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการเข้ามาของยุคอีคอมเมิร์ซ การสนับสนุนจากภาครัฐ และการออกแบบที่สร้างสรรค์ ผู้ประกอบการไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และสิ่งทอ สามารถหาโอกาสในตลาดนี้ได้
  • เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ (Cosmetics & Pharmaceuticals) : ผู้บริโภคให้ความใส่ใจกับการหลีกเลี่ยงส่วนผสมต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม เช่น ส่วนประกอบจากสัตว์บางชนิด หรือแอลกอฮอล์ ทำให้ความต้องการเครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฮาลาลกำลังเพิ่มสูงขึ้น
 

3. บริการที่เกี่ยวข้องกับฮาลาล (Halal-Related Services)

นอกเหนือจากสินค้าแล้ว ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศฮาลาลก็มีศักยภาพในการเติบโตด้วย เช่น
  • การท่องเที่ยว (Tourism) : อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวฮาลาล ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจากทั่วโลก ธุรกิจไทยที่เกี่ยวข้องกับการบริการ การโรงแรม (ที่ปฏิบัติตามมาตรฐานฮาลาล) หรือบริการสนับสนุน เช่น การแปลภาษา หรือนำเที่ยว มีช่องทางขยายธุรกิจในตลาดนี้ได้
  • โลจิสติกส์ (Logistics) : ในปัจจุบัน อินโดนีเซียได้ออกกฎหมายบังคับให้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารฮาลาลต้องได้รับการรับรองฮาลาล และให้ความสำคัญกับกระบวนการแยกจัดเก็บ และขนส่งสินค้าฮาลาลออกจากสินค้าที่ไม่ฮาลาล (Haram) เพื่อป้องกันการปนเปื้อนด้วย ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้า หรือผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน และข้อกำหนดเหล่านี้ก็จะมีช่องทางตลาดเพิ่มขึ้น

เจาะลึก 3 กลุ่มสินค้าแนะนำ ตีตลาดฮาลาลให้ปังในอินโดนีเซีย

การเข้าสู่ตลาดฮาลาลอินโดนีเซียอย่างมีกลยุทธ์เริ่มต้นจากการพิจารณากลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพสูงสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
 

1. กลุ่มอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ (Natural Halal)

Natural Halal

อาหารกลุ่มนี้หมายถึงวัตถุดิบ หรืออาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูปซับซ้อน และถือว่า ฮาลาลตามธรรมชาติในหลักการอิสลาม ตราบใดที่ไม่มีการปนเปื้อนจากสิ่งต้องห้าม (Najis) หรือไม่ได้มาจากแหล่งที่ห้ามบริโภค ยกตัวอย่างเช่น
  • พืชผัก และผลไม้สด อาทิ ผักกาด ผักบุ้ง ผักชี กล้วย แอปเปิล มะม่วง
  • ธัญพืช และถั่ว เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่ว งาต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการแปรรูป
  • อาหารทะเล ปลา และสัตว์น้ำอื่น ๆ หากจับหรือฆ่าโดยไม่ขัดต่อหลักการอิสลาม
  • สินค้าเกษตรและอาหารที่ผ่านการแปรรูปแต่ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับส่วนผสม ทำให้ไม่จำเป็นต้องขอรับการรับรองฮาลาล อาทิ ไข่ไก่ ไข่เป็ด เครื่องเทศธรรมชาติ สมุนไพรแห้งที่ไม่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์หรือสารต้องห้าม น้ำผึ้งแท้

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายสินค้าเกษตร ผัก ผลไม้ ธัญพืช หรืออาหารทะเล มีโอกาสในการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ได้โดยตรง
 

2. กลุ่มอาหารฮาลาลโดยการรับรอง (Halal Certification)

Halal Certification

สินค้าในกลุ่มนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการผลิต การแปรรูป หรือการแปรรูปที่มีความเสี่ยงต่อการผิดหลักศาสนา หรือปนเปื้อนกับสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) ตลอดจนมีส่วนผสมหลายอย่าง ที่อาจปนเปื้อนในระหว่างการผลิตหรือไม่ฮาลาล ดังนั้น สินค้าเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ การรับรองอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ และต้องเป็นหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับในอินโดนีเซีย (ในที่นี้คือ BPJPH ของอินโดนีเซีย หรือหน่วยงานที่ BPJPH ให้การยอมรับ) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

ตัวอย่างสินค้ากลุ่มนี้ได้แก่
  • เนื้อสัตว์ที่อนุญาตให้บริโภคได้ตามหลักอิสลาม เช่น วัว แพะ แกะ ไก่ เป็ด แต่กระบวนการผลิตต้องผ่านกระบวนการเชือดที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม (Dhabihah)
  • ไส้กรอก, แฮม, เบคอน (จากสัตว์ฮาลาลและกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย)
  • ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่น เค้ก โดนัท ขนมปัง คุ้กกี้ต่าง ๆ (ต้องไม่มีแอลกอฮอล์ กลีเซอรีน หรือเจลาตินจากสัตว์ต้องห้าม)
  • อาหารแปรรูป และอาหารพร้อมทาน เช่น อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอส เครื่องปรุงรส น้ำจิ้ม (ถ้ามีส่วนผสมหรือแหล่งที่มาจากสัตว์ หรือใช้แอลกอฮอล์ในการผลิต ต้องมีใบรับรอง) ขนมขบเคี้ยว เช่น มันฝรั่งทอด ขนมอบกรอบ ลูกอม ช็อกโกแลต (ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และส่วนผสมต้องห้าม)
  • เครื่องดื่ม เช่น น้ำผลไม้ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง (ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และส่วนผสมต้องห้าม)
  • ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนม เช่น นมปรุงแต่ง โยเกิร์ต ชีส เนย (เอนไซม์ที่เป็นฮาลาล)
  • ไขมัน และน้ำมัน เช่น น้ำมันพืช มาการีน (ที่ไม่มีไขมันสัตว์ต้องห้าม)
  • สินค้าอุปโภค เช่น เครื่องสำอาง สบู่ แชมพู ยาสีฟัน (ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และส่วนผสมต้องห้าม)
  • เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ถ้ามีแคปซูลเจลาติน ต้องมั่นใจว่าเป็นเจลาตินฮาลาล)

กลุ่มสินค้านี้เหมาะสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีระบบการควบคุมคุณภาพที่ดี และมีความพร้อมในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานฮาลาล รวมถึงมีความสามารถในการดำเนินการขอใบรับรอง ซึ่งปัจจุบันกระบวนการขอรับรองในอินโดนีเซียกำลังนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่อาจยังเป็นประเด็นท้าทายสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม (MSMEs) ในเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยี และความเข้าใจในระบบดิจิทัล
 

3. การส่งออกอาหารฮาลาลที่มีการรับรองและมีมูลค่าเพิ่มสูง (Exporting High Value-Added Halal Food)

สินค้าส่งออกอินโดนีเซีย

นอกเหนือจากสินค้าพื้นฐานแล้ว การมองหาตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) และการพัฒนาสินค้าส่งออกอินโดนีเซียที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่าง และเพิ่มผลกำไรในตลาดฮาลาลอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบสนองต่อกระแสความใส่ใจในสุขภาพ และไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ยกตัวอย่างเช่น
  • อาหารฮาลาลเพื่อสุขภาพ กระแสรักสุขภาพกำลังขยายตัวอย่างกว้างขวางในอินโดนีเซีย ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่ฮาลาล แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย จึงเป็นโอกาสในการนำเสนออาหารฮาลาลทางเลือก เช่น อาหารออร์แกนิก อาหารฟังก์ชันนัล (อาหารที่มีการเติมสารอาหาร) เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพ

    ตัวอย่างสินค้าไทยในกลุ่มนี้ที่มีการส่งออกอยู่แล้ว ได้แก่ สาหร่ายอบกรอบ และเมล็ดทานตะวันอบ สะท้อนว่าผู้บริโภคอินโดนีเซียยอมรับสินค้ากลุ่มนี้จากไทย และเป็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าอื่น ๆ เช่น เครื่องดื่มผสมวิตามิน โปรตีนบาร์ฮาลาล ขนมแคลอรี่ต่ำ หรืออาหารเสริมที่ได้รับการรับรองฮาลาล
  • สินค้าฮาลาลเฉพาะกลุ่มอื่น ๆ เช่น วัตถุดิบฮาลาลสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ช็อกโกแลต หรือขนมหวานฮาลาลระดับพรีเมียม หรืออาหารฮาลาลสำหรับเด็กทารก

    การเจาะตลาดกลุ่มนี้ต้องอาศัยความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก การวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และการสื่อสารการตลาดที่เน้นคุณค่าเพิ่มที่นอกเหนือไปจากความเป็นฮาลาล การผสมผสานระหว่าง “ฮาลาล” และ “สุขภาพ/คุณภาพชีวิตที่ดี” ถือเป็นสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสำหรับผู้ประกอบการไทย

Krungsri The COACH ขอเป็นส่วนหนึ่งธุรกิจไทยเติบโตไปประเทศอินโดนีเซียด้วย ASEAN LINK

การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ที่มีความซับซ้อนอย่างอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อกำหนดเฉพาะด้าน เช่น การรับรองฮาลาล อาจดูเป็นเรื่องท้าทาย Krungsri The COACH เข้าใจถึงความท้าทายเหล่านี้ และพร้อมสนับสนุนให้ธุรกิจไทยประสบความสำเร็จ ด้วยบริการ Krungsri ASEAN LINK ซึ่งเป็นบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน รวมถึงอินโดนีเซีย ไม่ว่าคุณจะต้องการความช่วยเหลือในการเชื่อมต่อกับพันธมิตรท้องถิ่น หรือการจัดการธุรกรรมทางการเงินข้ามพรมแดน เราพร้อมเชื่อมโยงทุกความต้องการให้กับคุณ มุ่งสู่ความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดฮาลาลในอินโดนีเซียไปด้วยกัน
 
Krungsri ASEAN LINK

ตลาดฮาลาลในอินโดนีเซียเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการไทย ด้วยฐานผู้บริโภคมุสลิมขนาดใหญ่ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้ กระแสรักสุขภาพทำให้กลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ใช่มุสลิม มีแนวโน้มหันมานิยมบริโภคอาหารฮาลาลมากขึ้น จากมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการผลิต ทำให้ตลาดนี้มีศักยภาพในการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยจะต้องศึกษาเกี่ยวกับกฎระเบียบ มาตรฐานการรับรองฮาลาล และความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง พัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์เงื่อนไข และใช้ประโยชน์จากช่องทางดิจิทัลในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการบุกตลาดฮาลาลในอินโดนีเซียได้นั่นเอง


อ้างอิง
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา