6 พฤติกรรมพลาดๆ ที่ไม่ควรทำสำหรับมนุษย์เงินเดือน
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

6 พฤติกรรมพลาดๆ ที่ไม่ควรทำสำหรับมนุษย์เงินเดือน

icon-access-time Posted On 29 มิถุนายน 2558
By Krungsri Guru
คำแนะนำที่ 5 เคยสงสัยกันหรือเปล่า ว่าทำไมมนุษย์เงินเดือนบางคนก็ดูมีตังเยอะ บางคนก็ใช้ชีวิตดูไฮโซมากๆ แต่พอสิ้นเดือนกลับมานั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้นเดือนนี่มีชีวิตอย่างราชา ไม่เกินกลางเดือนกลับแผ่วลง แต่บางคนที่ไม่ได้มีวิถีชีวิตหรูหราอะไร แต่ไม่นานก็มีบ้านใหม่ มีหลักทรัพย์ดีๆ น่าสนใจนะครับ เพราะว่าความมั่งคั่งทางการเงินหรือฐานะที่มั่นคงนั้นมาจาก “พฤติกรรม” การใช้เงินในทุกๆ วันนั่นเอง
ลองมาดูกันหน่อยว่า คุณมีพฤติกรรมพลาดๆ เหล่านี้บ้างหรือไม่
  • สร้างหนี้ ก่อนจะสร้างทรัพย์สิน หนึ่งในความปรารถนาอันดับต้นๆ ของน้องนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน ความรู้สึกภูมิใจที่สามารถหารายได้ด้วยตัวเอง ความรู้สึกของการเป็นผู้ใหญ่ อยากมีชีวิตอิสระ หลายๆ คนตัดสินใจเริ่มผ่อนคอนโด หลายคนเริ่มผ่อนรถ ด้วยสิทธิพิเศษของความเป็นมนุษย์เงินเดือนยิ่งตอบสนองความต้องการให้เป็นไปได้ง่ายขึ้น เพราะพนักงานประจำจะมีความสามารถในการกู้ยืมเงินได้ง่ายกว่าอาชีพอิสระ แต่อย่าลืมนะครับว่า การกู้เงินย่อมมาพร้อมกับดอกเบี้ย ยิ่งกู้มากดอกเบี้ยยิ่งสูงมาก กว่าจะผ่อนหมดมักจะใช้เวลากว่าสิบปี ลองไปคิดกันดูนะครับว่า ระหว่างยอมอดทนเก็บเงินจนครบจำนวนแล้วค่อยไปซื้อกับการที่ต้องยอมเสียดอกเบี้ยในจำนวนที่เทียบเท่ากับราคาสินทรัพย์ที่ซื้อ อันไหนจะคุ้มกว่ากัน นอกจากเรื่องดอกเบี้ยแล้วยังแถมด้วยความเครียดในภาวะลูกหนี้ และความเสี่ยงของการผิดชำระหนี้เนื่องจากการถูกยกเลิกการจ้างงานประจำ
  • ไม่ออมเงิน ไม่เตรียมแผนการเกษียณ ช่วงวัยทำงาน ที่ยังมีเงินเดือนเข้าบัญชีเป็นประจำทุกเดือน อาจจะทำให้ลืมนึกถึงวันข้างหน้าในวัยเกษียณ ในวันที่ไม่มีเงินไหลเข้าในบัญชีอีกต่อไป อย่าลืมว่าการที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น เราต้องรับผิดชอบตัวเองในด้านการใช้จ่ายหลังจากวัยเกษียณ เราไม่มีบำนาญเหมือนสายงานราชการ จะหวังให้ลูกให้หลานเลี้ยงก็คงจะไม่ดี ยิ่งถ้าตัดสินใจจะใช้ชีวิตโสดในบั้นปลายยิ่งต้องเตรียมตัวเกษียณให้ดี ไหนจะค่ารักษาพยาบาล ค่าการดำรงชีวิตซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต่างหวังที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข เคยคิดไหมครับว่าคุณอยากมีเงินก้อนในวันที่เกษียณงานเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้ววันนี้คุณเริ่มเก็บเงินหรือยังครับ
  • เป็นทาสของความฟุ้งเฟ้อ การใช้เงินซื้อความสุขไปวันๆ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟร้านหรู เค้กร้านน่ารักๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ หรือการสังสรรค์หลังเลิกงาน การทำงาน Office ทำให้เราพบปะกับคนหลายแบบ หลายระดับ หลายๆ คนใช้กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องสำอางราคาแพง Gadget ต้องอินเทรนด์ตลอด การพบอยู่ในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ทุกวัน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เราอยากมี อยากเป็น อยากได้เหมือนคนอื่นๆ แต่อย่าลืมว่าการจะตัดสินใจเลือกกิน เลือกใช้ เลือกซื้ออะไร ควรคำนึงถึงความสถานภาพการเงินของเราดีกว่านะครับ มีน้อยใช้น้อย ถึงมีมากก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาก ออมเงินเพื่อความสุขในอนาคตจะดีกว่านะครับ
  • ไม่ดูแลสุขภาพ ทั้งการรับประทานอาหารที่เน้นเอาแต่ความอร่อย อุดมไปด้วยไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ทั้งเครื่องดื่มน้ำตาลสูง ไหนจะข้ออ้างสารพัดของการไม่ออกกำลังกาย ไหนจะความเครียดจากที่ทำงาน ยิ่งไปกว่านั้นหลายๆ คนยังเลือกที่จะทำลายสุขภาพตัวเองเสียอีก ไม่ว่าจะสุรา หรือบุหรี่ หลายคนเริ่มทำลายสุขภาพตัวเองตั้งแต่ยังมีอายุน้อย เราจึงยังไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์ของการไม่ดูแลสุขภาพ บางคนกินเหล้าทุกคืน เช้ามาก็ยังไปทำงานได้ ค่ารักษาพยาบาลที่ Office มีประกันให้ก็ไม่ค่อยได้ใช้ ไม่แปลกหรอกครับ ในเมื่อเรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องของเวลา ช่วงนี้อาจจะมี Office Syndrome ไม่ว่าจะปวดหลัง ปวดเอว ตาอักเสบมาเยี่ยมเยือนบ้าง แต่การปล่อยปละละเลยไม่ดูแลตัวเองตอนหนุ่มๆ สาวๆ มักจะมาปรากฏผลลัพธ์ที่ร้ายแรงกว่าในช่วงปลายวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง ถึงตอนนั้น Office ก็ไม่มีสวัสดิการมาดูแลสุขภาพให้เราแล้วนะครับ
  • ไม่พัฒนาตัวเอง หลายๆ คนที่ทำงานประจำอยู่ มักจะนิ่งนอนใจเพราะเห็นว่า ด้วยความรู้ความสามารถที่มีอยู่ทุกวันนี้ ก็เพียงพออยู่แล้วสำหรับตำแหน่งงานที่ทำ อย่าลืมนะครับว่า โลกเราหมุนไปทุกวัน เทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน มีนักศึกษาจบใหม่ทุกปี จริงอยู่ที่ว่าความสามารถของเราไม่ได้แย่ลง เพียงแต่มีคนที่เหมาะกว่า ค่าจ้างถูกกว่า ถึงตอนนั้นเราจะมีที่ยืนตรงไหนล่ะครับ เพราะฉะนั้น อย่าลืมหาความรู้ เพิ่มเติมประสบการณ์ไม่ว่าจะในสายงานของตัวเอง รวมถึงสายงานรอบข้าง และอย่าลืมที่จะสร้าง Connection ทำดีกับทุกคน เพราะโลกนี้มันกลม ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า พรุ่งนี้เราอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากใคร
  • ไม่เตรียมพร้อมสำหรับวันที่จะพ้นสภาพความเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน มีตัวอย่างการถูกเลิกจ้างงานโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าให้เห็นกันมากขึ้นแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ตาม ดังนั้นการพึ่งพารายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวนับเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ในช่วงของการทำงานประจำ เราอาจมองหางานอดิเรกที่สามารถก่อให้เกิดรายได้เสริม รวมถึงอย่าลืมที่จะแบ่งเวลาไปหาความรู้ด้านการจัดการเงิน อย่างน้อยเรื่องของการลดหย่อนภาษี หรือการนำเงินออมไปลงทุนต่อยอด ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
 
การเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น จะเป็นเรื่องเตือนใจไม่ให้เราต้องเสียเวลา หรือหลงเดินไปในทางที่ผิดพลาด
ดังนั้น เมื่อรู้แล้วก็อย่าทำ หรือถ้าทำอยู่ก็รีบปรับพฤติกรรมการใช้เงินกันนะครับ
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา