ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของคนวัยทำงาน อยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายของเทคโนโลยี กระแสสังคม จนบางครั้งสิ่งเหล่านี้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา เช่น การดื่มกาแฟในเวลางาน นัดเพื่อน ช้อปปิ้งในวันหยุด มีปาร์ตี้สังสรรค์ เข้าฟิตเนส เป็นต้น ด้วยกิจกรรมเหล่านี้ แค่เพียงสัปดาห์แรกผ่านไปเงินก็เหลือไม่ถึงครึ่งเสียแล้ว ดังนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจใช้เงินในแต่ละเดือน ควรคิดให้รอบคอบว่า สิ่งที่เราจ่ายเงินซื้อนั้นเราได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่หรือไม่?
ดีกว่ามั้ย ถ้าเราลองสำรวจรายจ่ายที่ออกจากกระเป๋าเรา โดยตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก และปรับไลฟ์สไตล์ให้เหมาะกับสถานะการเงินของเรา
ไลฟ์สไตล์ก็เหมือนกับการเลือกเสื้อผ้า ถ้าเราตัวเล็กก็ใส่เสื้อผ้าไซส์ S หรือถ้าตัวใหญ่ก็ใส่ไซส์ M หรือ L เพื่อให้พอดีกับรูปร่างตนเอง ดังนั้นลองสำรวจดูว่า ในแต่ละวันกิจกรรมหรือสิ่งที่ทำมันมีความจำเป็นกับเราหรือไม่ ??? มันพอดีกับเงินในกระเป๋าของเรามั้ย สมมติ หากเราดื่มกาแฟ แก้วละ 150 บาททุกวัน แต่เราเงินเดือน 15,000 บาท ค่ากาแฟของเราใน 1 เดือนจะเท่ากับ 4,500 บาท ซึ่งคิดเป็น 30 % ของรายได้เลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าเป็นสัดส่วนที่เยอะมาก นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นอีก ดังนั้นเราควรปรับลดค่าใช้จ่ายบางอย่างที่เกินตัวไปให้พอดี เพื่อจะได้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น จากตัวอย่างไลฟ์สไตล์ข้างต้น เช่น
- ปรับการดื่มกาแฟแก้วละ 150 บาท เป็นกาแฟแก้วละ 40 บาท
- เลือกดูหนังในวันที่มีโปรโมชั่นตั๋วราคาถูก หรือใช้สิทธิ์ส่วนลดพิเศษจากบัตรเครดิต
- ประหยัดค่าสมาชิกฟิตเนสเดือนละ 2,500 บาท เป็นค่าเดินทางเดือนละไม่กี่ร้อยบาท ไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะแทน หรือ ดู YouTube แล้วออกกำลังกายที่บ้าน
- จ่ายเงิน Subscribe Netflix package แพงสุด แต่ไม่ค่อยได้ดู และไม่ค่อยใช้ฟังก์ชั่นนั้น ก็ใช้แพคเกจที่ถูกลงหน่อย หรือหาเพื่อนๆ ซื้อแพ็คเกจแล้วหารค่าใช้จ่ายกัน
นอกจากตัวอย่างข้างต้นแล้ว เรายังมี
บทความแนะนำวิธีเก็บเงินให้อยู่
เมื่อเราสามารถปรับไลฟ์สไตล์ได้เข้าที่เข้าทางแล้ว จะทำให้เรามีเงินเหลือเก็บออม นอกจากเหลือเก็บออมแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การจัดสรรและต่อยอดเงินของเราให้เหมาะสม เพื่อที่จะทำให้เงินส่วนหนึ่งของเราได้เติบโตเพื่อเป็นเงินก้อนในอนาคตยามที่เราจำเป็นต้องใช้ เงินอีกส่วนหนึ่งสำรองเก็บไว้หากเกิดอะไรฉุกเฉิน เงินก้อนนี้ก็จะช่วยให้เราผ่านพ้นไปได้ไม่ยาก ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นด้วยการแบ่งเงินออกเป็น 3 กระปุกดังนี้
เงินออมฉุกเฉิน
คือ สิ่งแรกที่ต้องมี เงินกระปุกแรกนี้สำคัญมาก ๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันหรือช่วงเวลาไหน เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นเงินออมสำหรับสถานการณ์ ‘ฉุกเฉิน’ แล้ว แปลว่า เราไม่มีทางรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรในชีวิตตอนไหน อย่างเช่นตอนนี้ที่อยู่ดี ๆ ก็มีเหตุการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ทำให้รายได้ลดลง ซึ่งหากเราไม่มีเงินออมติดตัวเลยล่ะก็ เดือดร้อนชัวร์ ดังนั้น เงินก้อนนี้ จะช่วยเตรียมพร้อมเพื่อรับมือเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นเงินออมในส่วนนี้จึงควรเป็นเป้าหมายในการออมก้อนแรกที่ทุกคนควรมี โดยเราสามารถเก็บไว้ใน
บัญชีออมทรัพย์ซึ่งมีสภาพคล่องที่สูง ควรมีอย่างน้อย 3 – 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน สามารถทยอยสะสมเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้ผ่าน KMA โดยไม่มีขั้นต่ำการสะสม ตัวอย่างผลิตภัณฑ์แนะนำคือ
บัญชีออมทรัพย์มีแต่ได้ออนไลน์
เงินออมสร้างความมั่นคงให้ชีวิต
เมื่อเราเก็บเงินฉุกเฉินได้ตามเป้าหมายแล้ว ก็เริ่มตั้งเป้าหมายในการออมเงินระยะกลาง หรือเงินก้อนที่จะสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต เช่น ซื้อบ้าน ผ่อนคอนโด ผ่อนรถ
เก็บเงินแต่งงาน เก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยวประจำปี รวมถึงอาจเก็บเงินเพื่อทำธุรกิจ แน่นอนว่าความต้องการของเราในการซื้อสิ่งต่าง ๆ มีอยู่มากมาย แต่สิ่งที่ควรทำก็คือ การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนตามลำดับความสำคัญว่า สิ่งไหนควรซื้อก่อนหลัง เป้าหมายสมเหตุสมผลรึเปล่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ เงินออมประเภทนี้ควรเก็บไว้ใน
บัญชีฝากประจำปลอดภาษี 24 เดือน สำหรับเป้าหมาย 2 ปี หรือการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นมาหน่อยสำหรับเป้าหมายมากกว่า 3 ปีขึ้นไป เช่น การลงทุนผ่าน
กองทุนรวม
เงินออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ไม่เร่งด่วนแต่สำคัญ
หลังจากจัดการเงินออมระยะกลางแล้ว ลำดับต่อมาก็คือ
เงินออมเพื่อวัยเกษียณ สำหรับระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เงินออมประเภทนี้หลายคนอาจมองข้ามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ทั้งที่จริงแล้วเป็นเงินออมก้อนที่สำคัญไม่แพ้ 2 ก้อนแรก เพื่อนำมาเป็นเงินทุนไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ เพราะช่วงเกษียณเป็นช่วงที่เราไม่ได้มีรายได้จากการทำงาน แต่อย่าลืมว่า เรายังมีรายจ่าย ค่ากินอยู่ รวมไปถึง ค่ารักษาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้ง่ายตามอายุและสังขารของเรา การมีเงินออมก้อนนี้ไว้ทำให้เราอุ่นใจได้ว่าในอนาคตจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไม่ขัดสน เงินประเภทนี้สามารถเก็บได้รูปแบบการลงทุนระยะยาวอย่างเช่น
กองทุนรวม หุ้น เนื่องจากมีผลตอบแทนที่สูงและช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้ไม่ยาก อยากเกษียณสุขมีเงินใช้อยู่สบาย เรามี
บทความแนะนำวิธีเตรียมเก็บเงินเกษียณ
สุดท้ายแล้ววิธีต่าง ๆ ข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น การปรับไลฟ์สไตล์ของเราให้เหมาะสมกับรายได้และรายจ่าย หรือแม้แต่การวางแผน
ต่อยอดเงินของเราก็ตาม ต้องมีจุดเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายที่ถูกต้องเป็นอันดับแรก ต่อมาคือ ตัวของเราที่จะพาตัวเองเข้าไปสู่เป้าหมายนั้นด้วยการมีวินัย ใช้ชีวิตให้อยู่ในสมดุล เราก็จะได้มีไลฟ์สไตล์ในสิ่งที่เราชอบอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องมากังวลกับเรื่องเงินในกระเป๋าของเราด้วย