มีคำแนะนำเกี่ยวกับการเงินมากมายจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินตัวจริง และนักการเงินมือสมัครเล่น ซึ่งเราสามารถหาอ่านได้อย่างง่ายดายบนเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย แน่นอนว่าคำแนะนำเหล่านั้น มีทั้งน่าเชื่อถือ และต้องชั่งใจดูก่อนว่าควรจะรับฟังไว้หรือไม่
แต่ไม่ว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งทักท้วงขึ้นมาว่า คำแนะนำเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่อาจจะยังไม่ใช่คำแนะนำที่ดีที่สุด เพราะมีสิ่งที่ดีกว่า อยากรู้ไหมว่าคำแนะนำด้านการเงินเหล่านั้นมีอะไร ทำไมจึงยังไม่ใช่คำแนะนำที่ดีที่สุด
เก็บเงินสำหรับเกษียณ สัก 10% ก็โอเคแล้ว
แต่ที่จริงแล้วอาจจะยังไม่โอเค การเก็บเงินสำหรับการเกษียณ หรือเก็บไว้ใช้ในยามแก่เฒ่า หรือตอนที่เราทำงานไม่ไหวแล้ว แค่นั้นอาจจะยังไม่เพียงพอ หากเป็นไปได้ให้เก็บเงินเป็น 2 เท่า หรือเท่าที่เราจะเก็บได้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ความเห็นว่า การเกษียณอายุเป็นเรื่องสำคัญ หากเรายังมีแรงอยู่ ให้เก็บสะสมไว้ให้มากที่สุด เพื่ออนาคตที่มั่นคง (
อ่านความรู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ควรรู้เตรียมตัวไว้ก่อนวัยเกษียณ)
หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิต
เหมือนที่หลาย ๆ คนเข้าใจ บัตรเครดิตมีส่วนทำให้คนที่ใช้เป็นหนี้ได้ง่าย และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ไม่เสมอไป เพราะไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องเป็นหนี้จากบัตรเครดิต เพราะบางคนก็ไม่เป็น หากจะพูดให้ถูกเกี่ยวกับกับใช้บัตรเครดิต คือ เฉพาะคนที่ไม่ยั้งคิดเท่านั้นที่มีโอกาสเป็นหนี้ หากเราใช้อย่างมีความรับผิดชอบ เราแทบจะไม่เป็นหนี้เลย หากเราใช้ให้เป็น บัตรเครดิตค่อนข้างสร้างความสะดวกสบายให้เราเป็นอย่างมาก เพียงแต่ต้องตั้งสติ และพิจารณาให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจซื้อของในแต่ละครั้งเท่านั้นเอง (
อ่านบัตรเครดิตให้คุณหรือให้โทษ)
ปิดบัตรเครดิตถ้าไม่ได้ใช้
หลายคนอาจจะมีบัตรเครดิตหลายใบ แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็คงได้ใช้เพียงไม่กี่ใบ ทำให้เริ่มกลับมาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องยุติการใช้งานบัตรใบนั้น แต่นั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ การปิดบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้ จะทำให้คะแนนความน่าเชื่อถือของเราลดลง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถาบันการเงินอื่น ๆ จะมองว่าเราไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการบัตรใบอื่น ๆ หรืออาจจะเป็นหนี้ ไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด การปิดบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้ จึงไม่ใช่ความคิดที่ถูกเสมอไป แต่ให้เปลี่ยนจากการปิดมาเป็นการสลับกันใช้บ้าง เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหว
เราทุกคนต้องการผู้ช่วยในการวางแผนการเงิน
ไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องวางแผนการเงินอย่างมืออาชีพเสมอไป เราควรทำเมื่อเราคิดว่าน่าจะทำ หรือเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่าถึงต้องไปว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญมาวางแผนการเงินให้กับเรา เพียงแต่ให้เรารู้ตัวเอง และสามารถวางแผนการเงินของตัวเองได้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว จัดการไม่ให้การเงินของเราเข้าขั้นวิกฤติ การต้องว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญอาจจะทำให้คนอื่นเห็นว่าการเงินของเรากำลังเข้าขั้นรุนแรง ไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องรู้สถานะการเงินของเราอยู่เสมอ เราจะได้รู้สึกว่าปลอดภัย (
วางแผนการเงินของคุณได้ที่นี่)