ทำไมถึงยังโสด? คำถามนี้คงสะกิดใจคนโสดไม่มากก็น้อย แต่รู้ไหมว่าปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นโสดมากขึ้น เพราะการเป็นโสดทำให้มีอิสระในการใช้ชีวิต ไม่ต้องแบกรับภาระหลายอย่าง ทำให้หลายคนเลือกที่จะโสดแล้วเติมเต็มความสุขในชีวิตจากการได้ทำงานที่รัก มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และให้รางวัลตัวเองในบางครั้ง ซึ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากความพร้อมทางการเงินทั้งสิ้น ยิ่งเมื่อเราอายุมากขึ้นการใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่ไม่มีลูกหลานมาดูแลก็ต้องมีเงินเพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเอง ใครที่กำลังเตรียมตัวโสด หรือมีแววว่าจะอยู่ตัวคนเดียวไปอีกนาน ควรเริ่มวางแผนเก็บเงินง่าย ๆ step by step สไตล์คนโสด ที่มีอิสรภาพทางการเงินกันเลย
ขั้นที่ 1 สำรวจหนี้สิน
เช็กสถานะการเงินของตัวเองว่ามีภาระหนี้สินอะไรบ้าง แล้วทำการจัดประเภทหนี้ แยกเป็น
หนี้ดี และหนี้ที่ควรระวัง หนี้ดีคือหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น การกู้เงินพื่อลงทุนทำธุรกิจ ถือเป็นหนี้ในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้หลัก หรือหนี้บ้าน ที่คนมักจะเลือกใช้บริการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพื่อผ่อนชำระทุกเดือนตามระยะเวลาที่กำหนด โดยปกติแล้วสถาบันการเงินต่าง ๆ จะให้ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 30 ปี ถ้าเริ่มผ่อนตอนอายุ 30 ปี เราต้องชำระหนี้ไปจนถึงอายุ 60 ปี แต่ถ้าไม่อยากเป็นหนี้ นาน ๆ ก็ต้องวางแผนเรื่องการผ่อนให้ดี เช่น การโปะด้วยเงินก้อน หรือการรีไฟแนนซ์ เปลี่ยนธนาคารที่กู้เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเยอะเกินไปนั่นเอง
ส่วนหนี้ที่ควรระวังคือหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ เกิดจากการซื้อของฟุ่มเฟือย เช่น เป็นหนี้บัตรเครดิต แบบนี้เรียกว่าหนี้ที่ควรระวัง เพราะจะทำให้เสียวินัยทางการเงิน รายได้จากการทำงานแทนที่จะนำเงินไปลงทุนให้เกิดประโยชน์ต้องนำมาชำระหนี้เหล่านี้แทน สิ่งสำคัญคือไม่ว่าคุณจะมีหนี้ประเภทไหน แต่เมื่อรวมกันแล้วไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เพราะนั่นแสดงถึงภาวะการเงินที่ฝืดเคือง ไม่มีกระแสเงินสดหมุนเวียน
ขั้นที่ 2 ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
เคยไหมที่ต้องมานึกว่าแต่ละวันเสียเงินไปกับค่าอะไรบ้าง? แล้วพอใกล้สิ้นเดือนทีไรเงินก็ไม่พอใช้อีกแล้ว ลองทำบัญชีรายรับรายจ่ายดู จะได้เห็นภาพรวมว่าเรามีรายจ่ายแต่ละเดือนเท่าไร ค่าใช้จ่ายไหนจำเป็นบ้าง หรือสิ่งไหนที่ฟุ่มเฟือยก็ต้องลดลง ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจตัวเองว่าแต่ละเดือนเรามีค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะสามารถคำนวณว่าในอนาคตต้องมีเงินเก็บเท่าไรถึงจะพอเลี้ยงตัวเองเมื่อไม่ได้ทำงานแล้ว
วิธีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายง่าย ๆ แค่จดลงสมุด โดยแบ่งตารางออกเป็นช่องรายรับและรายจ่ายในแต่ละวัน หรืออาจจะใช้แอปพลิเคชันบันทึกรายรับรายจ่าย เพราะเราสามารถบันทึกได้ทันที ทุกที่ทุกเวลา เช่น Moneybook แอปบันทึกและวิเคราะห์รายรับรายจ่ายในแต่ละวันให้อยู่ในรูปแบบกราฟ ที่ดูแล้วเข้าใจง่าย หรือแอปพลิเคชัน Piggipo ที่โดดเด่นด้วยสีสันและตัวการ์ตูน ทำให้การบันทึกค่าใช้จ่ายของเราสนุกขึ้น ทั้งยังสามารถเชื่อมข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้อีกด้วย
ขั้นที่ 3 ภารกิจเงินเก็บฉุกเฉิน
เหตุการณ์ไม่คาดฝันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เช่น อยู่ ๆ ธุรกิจเกิดค้าขายไม่ดีเพราะเศรษฐกิจแย่ หรือพนักงานประจำอาจถูกเลิกจ้างงานกะทันหัน ยิ่งเป็นคนโสดที่อยู่ห่างพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง เกิดเจ็บป่วยอะไรขึ้นมาก็ต้องพึ่งพาตัวเองก่อน เหตุการณ์เหล่านี้อาจทำให้เราขาดรายได้หลัก กระทบกับงานที่ทำอยู่ ดังนั้นเราควรมีเงินออมสำรองฉุกเฉิน 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ปัจจุบันเรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท เงินสำรองที่ควรมีคือ 45,000-90,000 บาท เพื่อสำรองไว้ใช้หากมีวิกฤตเข้ามาในชีวิต
ส่วนคนทำงานอิสระที่มีรายได้แต่ละเดือนไม่แน่นอน อาจจะต้องเผื่อเงินสำรองฉุกเฉินไว้ 6-12 เดือน โดยควรเลือกออมเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์จะได้ถอนออกมาใช้ได้ทันที อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มองหาผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์คือการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุ 1 ปี เพราะมีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง ได้รับเงินหลังจากขายภายใน 1-3 วันทำการ
ขั้นที่ 4 เริ่มให้เงินทำงานแทน
การมีอิสรภาพทางการเงินคือความใฝ่ฝันของใครหลายคน โดยปกติแล้วรายได้ที่มาจากการทำงานของเราเรียกว่า Active Income แต่ถ้าอยู่ ๆ เราหยุดทำงานเมื่อไรก็จะไม่มีรายได้ทันที ส่วน
Passive Income ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ เป็นรายได้ที่มาจากการลงทุนในสินทรัพย์ หรือเรียกว่าให้เงินทำงานแทนเรา ในอนาคตเราจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้จ่าย หรือดูแลตัวเองเมื่อเกษียณอย่างสบายใจ ส่วนวิธีการสร้าง Passive Income ที่ได้รับความนิยมและได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าคือการเลือกลงทุนใน
กองทุนรวม หรือ RMF และยังได้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย หรือถ้าใครรับความเสี่ยงได้มากก็อาจลงทุนในหุ้นด้วย สามารถเลือกจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย โดยเงินปันผลที่ได้รับจะมากขึ้นตามจำนวนเงินต้นที่ลงทุน ยิ่งถ้ารีบลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ ผลตอบแทนที่ได้ก็จะยิ่งมาเร็วขึ้นไปอีก ฉะนั้นอย่ารอช้า... รีบวางแผนกันวันนี้เลย
ขั้นที่ 5 ตั้งเป้าหมายให้จริงจัง และมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ
บันไดขั้นสุดท้ายคือการทำเป้าหมายให้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ ถ้าไม่รีบลงมือทำตั้งแต่วันนี้เป้าหมายก็จะกลายเป็นความฝันที่เลื่อนลอย ดังนั้น ถ้าคุณมีเป้าหมายว่าจะเกษียณจากการเป็นพนักงานประจำตอนอายุ 50 ปี หลังจากนั้นจะทำธุรกิจส่วนตัว ก็ต้องคำนวณเงินก้อนที่ต้องใช้เพื่อจะได้รู้ว่าต้องวางแผนเก็บเงินเท่าไร ใช้เวลานานแค่ไหน ซึ่งอาศัยแค่เงินเดือนคงไม่พอ อาจต้องหารายได้เสริมอื่น ๆ หรือกำไรจากการลงทุน สำหรับบางคนอาจมีเป้าหมายที่เรียบง่ายมาก แค่ได้กลับไปอยู่บ้านเกิดในบั้นปลายชีวิต เอาเงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิตไว้เลี้ยงตัวเองหลังเกษียณ ไม่ว่าเป้าหมายคุณจะยิ่งใหญ่หรือง่ายแค่ไหนก็ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น นอกจากจะวางแผนเก็บเงินเพื่อทำตามความฝันของตัวเองแล้ว หลายคนก็ต้องดูแลพ่อแม่หรือหลาน ๆ ด้วย เพราะฉะนั้นควรเริ่มลงมือวางแผนเก็บเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อความสุขที่ยั่งยืนในอนาคต
ถ้าอ่านจบแล้วทำให้คุณอิจฉาคนโสดมากขึ้นก็ช่วยไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหนก็ต้องวางแผนการเงินกันทั้งนั้น การบริหารเงินอย่างถูกวิธีตั้งแต่ตอนนี้คือการวางรากฐานมั่นคงให้กับอนาคตข้างหน้า ถ้าคุณกำลังเริ่มวางแผนเก็บเงิน อาจจะไม่ต้องทำทั้ง 5 วิธีพร้อมกันก็ได้ ค่อย ๆ เริ่ม ทีละสเต็ปเพื่อฝึกวินัยทางการเงิน ตึงมากก็ไม่ได้ หย่อนไปก็ไม่ดี หาความสมดุลและเลือกวิธีเก็บเงินที่เหมาะกับตัวคุณ จะทำให้คุณพบกับอิสรภาพทางการเงินและความสุขในชีวิต