กองทุน ESG มาแรง จังหวะดีน่าเข้าลงทุนแล้วหรือยัง
รอบรู้เรื่องลงทุน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

กองทุน ESG มาแรง จังหวะดีน่าเข้าลงทุนแล้วหรือยัง

icon-access-time Posted On 15 ธันวาคม 2566
By Krungsri The COACH

ทำไม ESG ถึงมาแรงในประเทศไทย?

ตอนนี้หลาย ๆ ประเทศรวมทั้งประเทศไทยตื่นตัวเรื่องภาวะโลกร้อนมาก ส่งผลต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนตามหลัก ESG ข้อมูลจาก United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) ระบุว่า “ประเทศไทยของเราถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหา Climate Change เป็นอันดับที่ 13 ของโลก ด้วยคะแนน 68.3 คะแนน” (ข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566) เนื่องจากประเทศไทยมีแนวฝั่งที่ยาวถึง 3,219 กิโลเมตร ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบโดยตรงจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น
การลงทุนในธุรกิจแบบ ESG

ซึ่งอาจทำให้ประชาชนที่อยู่ริมชายฝั่งดังกล่าวกว่า 11 ล้านคน ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ผลกระทบของภาวะโลกร้อนจากเอลนีโญ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์สภาวะอากาศแปรปรวนฉับพลันที่ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างมาก ทำให้บริเวณที่เคยฝนตกชุกจะกลับแห้งแล้ง บริเวณที่แห้งแล้งกลับฝนตกชุกกว่าปกติ ซึ่งปรากฏการณ์เอลนีโญอาจทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากอุณหภูมิของโลกสูงขึ้น หากเราไม่ตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ภัยพิบัติหนัก ๆ คงเกิดขึ้นอย่างบ่อยครั้ง

ดังนั้น เรื่องการคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคมส่วนรวม และความยั่งยืน (Sustainability) จึงเป็นส่วนผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญ เป็นแนวทางในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งผู้บริโภคเองก็มีการตื่นตัวเรื่องดังกล่าว มีการเปลี่ยนการซื้อสินค้า และบริการจากบริษัทที่ทำธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
 
ผลตอบแทนที่ดี ในกองทุนหุ้นแบบ ESG

ความน่าสนใจของธุรกิจ ESG

ปัจจุบันมีหลายธุรกิจ หลายอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนในเรื่อง ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยทุก ๆ ปี S&P Global จะมีการประเมินผลด้านความยั่งยืนของธุรกิจที่เรียกว่า Corporate Sustainability Assessment (CSA) รวมรายชื่อบริษัทกว่า 7,000 บริษัททั่วโลกในกว่า 60 อุตสาหกรรม การประเมินผลจะนำมาสู่การจัดอันดับองค์กรที่รักษาความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดย Sustainability Yearbook ปี 2023 ในประเทศไทยมี 12 บริษัทที่ได้รับการประเมินในระดับ Top 1% S&P Global ESG Score (เป็นบริษัทที่ได้คะแนนประเมินด้านความยั่งยืนตั้งแต่ 85 คะแนนจาก 100 คะแนน)
(ที่มา https://www.spglobal.com)

ส่วนในประเทศไทยเองนั้นในปี 2566 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการประเมินบริษัทที่คำนึงถึงเรื่อง ESG โดยเปลี่ยนชื่อ “รายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment)” เป็น “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings”

พร้อมทั้งประกาศผลประเมินในรูปแบบ ESG Ratings เป็นปีแรก เพื่อส่งเสริมให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยมีบริษัทจดทะเบียนที่ได้ที่ผ่านการคัดเลือก และได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings 193 บริษัท

แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญในการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG เช่น ข้อมูลการจัดการความเสี่ยงด้าน ESG นโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม ข้อมูลผลการดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และการดำเนินงานต่อพนักงาน ชุมชน และสังคมผ่านกระบวนการทางธุรกิจ เป็นต้น

บริษัทที่ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประกอบด้วย

  1. บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AAA (คะแนน 90 – 100 คะแนน) มีจำนวนทั้งสิ้น 34 บริษัท
  2. บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AA (คะแนน 80 – 89 คะแนน) มีจำนวนทั้งสิ้น 70 บริษัท
  3. บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ A (คะแนน 65 – 79 คะแนน) มีจำนวนทั้งสิ้น 64 บริษัท
  4. บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ BBB (คะแนน 50 – 64 คะแนน) มีจำนวนทั้งสิ้น 25 บริษัท
(ที่มา: https://setsustainability.com)

จากผลการเมินความยั่งยืนนี้ จะเห็นได้ว่าทุกหมวดหมู่อุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญในเรื่อง ESG ไม่ว่าจะเป็น
  • กลุ่มการเงิน (Financial sector)
  • กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (.AGRO)
  • กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (.CONSUMP)
  • กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (.INDUS)
  • กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (.PROPCON)
  • กลุ่มทรัพยากร (.RESOURC)
  • กลุ่มบริการ (.SERVICE)
  • กลุ่มเทคโนโลยี (.TECH)

ทั้งนี้ หากใครอยากรู้ว่าบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทไหนบ้าง ที่ให้ความสำคัญในเรื่อง ESG และได้รับเกรดอะไร สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ https://setsustainability.com

เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินความยั่งยืนมีอะไรบ้าง?

ซึ่งเกณฑ์การให้คะแนนนั้นจะเป็นแบบประเมินความยั่งยืน ใน 3 มิติ คือ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล ซึ่งลักษณะคำถามครอบคลุม ดังนี้
 

1) ESG ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ (ESG in practices) เช่น

  • ความเสี่ยงด้าน ESG ของทั้งบริษัทและคู่ค้า
  • ความเสี่ยงด้าน ESG ของทั้งบริษัทและคู่ค้ำ
  • การจัดการห่วงโซ่อุปทาน
  • การใช้พลังงาน/ไฟฟ้า น้ำ จัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
 

2) คำนึงถึงผลประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม หรือสังคม

นอกเหนือจากผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของธุรกิจ เช่น
  • การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจ
  • การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน
  • การพัฒนาชุมชน/สังคมผ่านกระบวนการทางธุรกิจ
 

3) ให้ความสำคัญประเด็น ESG ที่เป็นความเสี่ยงสำคัญของธุรกิจ เช่น

  • Climate Risk
  • Human Rights Risk
 
รูปแบบการลงทุนในธุรกิจแบบ ESG

ซึ่งอย่างน้อยเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 193 บริษัทได้ให้ความสำคัญ ใส่ใจในเรื่อง ESG ในการดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากกำไรเพียงอย่างเดียว ซึ่งในอนาคตแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นแรงผลักดันให้บริษัทอื่น ๆ ที่เป็นคู่ค้าดำเนินธุรกิจแบบ ESG ตามอย่างแน่นอน

กองทุน ESG แนะนำ

สำหรับธีมการลงทุนในหุ้นในกองทุน ESG เป็นธีมที่น่าสนใจสำหรับลงทุนระยะยาว มากกว่าคาดหวังผลตอบแทนในระยะสั้น และหากอยากลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG สามารถลงทุนได้ผ่านกองทุน Thai ESG ซึ่งเป็นกองทุนน้องใหม่ โดยนอกจากจะลงทุนเพื่อความยั่งยืนในอนาคต ยังมีสิทธิพิเศษช่วยลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 1 แสนบาท
 

KFTHAIESG

กองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ทไทยเพื่อความยั่งยืน (KFTHAIESG) กองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่ "Thai ESG Fund” จาก บลจ.กรุงศรี

โดยลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนจากองค์กรหรือสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ

เลือกลงทุนได้ 2 รูปแบบ:
  • KFTHAIESGA แบบสะสมมูลค่า เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับเงินปันผลระหว่างลงทุน
  • KFTHAIESGD แบบจ่ายเงินปันผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับเงินปันผลระหว่างลงทุน

ระดับความเสี่ยง 6 (เสี่ยงสูง)
 

ทำไมต้องเลือกลงทุน KFTHAIESG?

  1. ลงทุนในบริษัทชั้นนำที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG)
  2. เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG
  3. ลงทุนในเชิกรุก สัดส่วนประมาณ 10% เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าดัชนี
โดยสรุป การลงทุนอย่างยั่งยืน นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแล้ว ยังมีข้อดีคือ หากเราลงทุนในบริษัทที่มีการจัดการเรื่อง ESG ได้ดี จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุนได้ เช่น กรณีเกิดข้อพิพาททางกฎหมายต่างๆ ทำให้บริษัทต้องหยุดชะงักลง

นอกจากนี้ ได้ร่วมลงทุนไปกับบริษัทที่อาจจะมีแนวโน้มเติบโตไปกับเทรนด์ในอนาคต เช่น บริษัทที่อยู่ในกลุ่มพลังงานสะอาด กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ล้วนเป็นกลุ่มที่อยู่ธีม ESG ที่กำลังมาแรง และสุดท้ายคือ การมีส่วนร่วมทางอ้อมที่ช่วยให้โลกของเราดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ปัจจัย ESG จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สำหรับนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน
 
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
  • กองทุน Thai ESG เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาว และสนับสนุนการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับมาภายในกำหนดเวลา มิฉะนั้นจะต้องชำระเงินเพิ่มและ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา