เมื่อก้าวเข้าสู่โลกการเงินการลงทุน หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับดอกเบี้ยทบต้นกันมาบ้าง ดอกเบี้ยทบต้นเปรียบเสมือนเครื่องมือมหัศจรรย์ที่ช่วยสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เงินเติบโตได้อย่างมาก แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจหลักการทำงานของดอกเบี้ยทบต้น ทำให้พลาดโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งไปอย่างน่าเสียดาย วันนี้ Krungsri The COACH จะพาทุกคนมารู้จักกับดอกเบี้ยทบต้น พร้อมแนะนำเทคนิคการสร้างเงินล้านด้วยเครื่องมือมหัศจรรย์นี้
ดอกเบี้ยทบต้น คืออะไร
ดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) คือ ดอกเบี้ยที่คำนวณผลตอบแทนจากเงินต้นและดอกเบี้ยในงวดก่อนหน้า โดยเมื่อดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนในงวดก่อนหน้าถูกสมทบกับเงินต้น ก็จะทำให้เงินต้นถูกทบสูงเพิ่มขึ้นในงวดถัดไป และการทบต้นยังทำให้ดอกเบี้ยสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเงินที่ลงทุนก็จะเติบโตต่อยอดขึ้นไปอีก
แต่หลายคนเมื่อได้ยินคำว่า ดอกเบี้ย อาจทำให้เข้าใจผิดว่ากำลังพูดถึงดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ความหมายของคำว่า ดอกเบี้ย หมายถึง ผลตอบแทนที่ได้เพิ่มขึ้นจากการออมและการลงทุน เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก ผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นต้น
อ้างอิง : https://www.setinvestnow.com/th/glossary/interest?lang=en
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ขอยกตัวอย่างประกอบ สมมุติให้เริ่มต้นลงทุน 10,000 บาท เป็นเวลา 7 ปี และได้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนปีละ 10% โดย Compound Interest จะทำงาน ดังนี้
จากตาราง พบว่า ต้นปีที่ 1 เริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 10,000 บาท ณ สิ้นปีที่ 1 จะได้ดอกเบี้ย 1,000 บาท (10,000 x 10% = 1,000) หากไม่ถอนเงินดอกเบี้ยออกมาใช้จ่าย ต้นปีถัดไป เงินต้นจะกลายเป็น 11,000 บาท (เงินต้น 10,000 + ดอกเบี้ย 1,000)
ต้นปีที่ 2 เงินต้นจะกลายเป็น 11,000 บาท ณ สิ้นปีที่ 2 จะได้ดอกเบี้ย 1,100 บาท (11,000 x 10% = 1,100) จะเห็นได้ว่า ดอกเบี้ยในปีที่ 2 มากกว่าปีที่ 1 อยู่ 100 บาท ซึ่งเกิดจากดอกเบี้ยของดอกเบี้ยปีที่ 1 และดอกเบี้ยจะทบต้นไปเรื่อย ๆ
เมื่อเวลาผ่านไป 7 ปี เราจะมีเงินทั้งหมดประมาณ 19,487 บาท หรือเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าในเวลาเพียง 7 ปีเลยทีเดียว
3 ปัจจัย และ 1 เงื่อนไขสำคัญช่วยเพิ่มพลังดอกเบี้ยทบต้น
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดอกเบี้ยทบต้น หรือ Compound Interest สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ
1. ระยะเวลาลงทุน
ยิ่งเริ่มต้นลงทุนเร็ว มีเวลาลงทุนนาน ดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งทวีคูณ
2. เงินต้น
ยิ่งเงินต้นมาก ดอกเบี้ยก็จะมาก พลังของดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งมาก และถ้าสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ หรือ DCA (Dollar Cost Average) ก็จะยิ่งเพิ่มพลังของดอกเบี้ยทบต้นได้อีกมาก
3. อัตราผลตอบแทน
ยิ่งสามารถสร้างดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนสูง เงินของเราก็จะยิ่งเติบโตเร็ว
3 ปัจจัยทั้ง เงินต้น ระยะเวลาลงทุน และอัตราผลตอบแทน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากขาดเงื่อนไขข้อสุดท้ายไปแล้ว ดอกเบี้ยทบต้น จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลย และเงื่อนไขที่ว่าก็คือ
“ต้องไม่ถอนดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนออกมาระหว่างทาง” เพราะถ้ามีการถอนออกมาเรื่อย ๆ ดอกเบี้ยจะไม่สามารถเข้าไปสมทบกับเงินต้นงวดก่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ดอกเบี้ยงวดถัด ๆ ไปน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เงินลงทุนก็จะเติบโตช้ากว่าที่ควร
เทคนิคสร้างเงินล้านด้วยดอกเบี้ยทบต้น
หลังจากที่รู้หลักการเรื่องดอกเบี้ยทบต้นกันแล้วปัจจัยข้อแรกที่ช่วยเพิ่มพลัง
ดอกเบี้ยทบต้น คือ ต้องเริ่มต้นลงทุนให้เร็ว ถ้าเราเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย มีเวลาลงทุนนาน ดอกเบี้ยทบต้นจะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่าง ปัจจุบัน A กับ B อายุ 30 ปี ต้องการมีเงิน 1,000,000 บาทเมื่ออายุ 50 ปี โดยทั้งคู่มีแผนจะแบ่งเงินโบนัสไปลงทุนทุกสิ้นปี คาดหวังผลตอบแทน 5% ต่อปี
ข้อแตกต่างของ A กับ B คือ “อายุ” โดย A จะเริ่มต้นลงทุนทันทีตั้งแต่อายุ 30 ปี ส่วน B ขอเริ่มช้าออกไป 5 ปี
จากการคำนวณ พบว่า A ต้องนำเงินไปลงทุนปีละ 30,243 บาท ส่วน B ต้องนำเงินไปลงทุนปีละ 46,343 บาท อาจกล่าวได้ว่าเพียงลงทุนเร็วขึ้น 5 ปี ก็ทำให้ A ใช้เงินลงทุนแต่ละปีน้อยกว่า B ถึง 16,100 บาทต่อปี หรือประมาณ 53% เลยทีเดียว
ลงทุนในอะไรดี เพื่อให้ได้พลังของดอกเบี้ยทบต้น
เมื่อเห็นประโยชน์ของดอกเบี้ยทบต้น เชื่อว่าคงอยากเริ่มต้นลงทุนกันแล้ว สำหรับคนที่ไม่มีเวลาติดตามข้อมูลข่าวสาร รวมถึงไม่ถนัดที่จะลงทุนหุ้นรายตัว Krungsri The COACH ขอแนะนำให้ลงทุนผ่าน
กองทุนรวม เนื่องจากกองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพทำหน้าที่วิเคราะห์ คัดเลือกหุ้นของบริษัทหรือกิจการเพื่อเข้าลงทุน
นอกจากนี้ กองทุนรวมยังมีทางเลือกหลากหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ ไปจนถึงความเสี่ยงสูงอย่างหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ ยิ่งถ้าเราลงทุนในกองทุนรวม SSF, RMF หรือ Thai ESG เรายังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีจากเงินที่นำไปลงทุนอีกด้วย เรียกว่า ลงทุนผ่านกองทุนรวม ได้ทั้งความสะดวกสบาย มีมืออาชีพบริหารจัดการแล้วยังมีโอกาสได้ลดหย่อนภาษีอีกด้วย
หลักการเลือกลงทุนสร้างเงินล้านผ่านกองทุน
ทางเลือกในการลงทุนสำหรับการสร้างเงินล้านด้วยดอกเบี้ยทบต้น ควรเป็นกองทุนที่เข้าลักษณะที่จะทำให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้อย่างเต็มที่ คือ
1. เลือกกองทุนชนิดสะสมมูลค่า (ไม่จ่ายเงินปันผล)
หากกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลออกมา คงไม่สะดวกถ้าต้องคอยติดตามว่ามีการจ่ายเงินปันผลเมื่อไร ได้เงินเท่าไร และท้ายที่สุดเงินปันผลที่นำออกมาจะทำให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้ไม่เต็มที่
2. เลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้
หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ ผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนย่อมต่ำไปด้วย แต่ถ้าลงทุนเสี่ยงสูงเกินความเสี่ยงที่รับได้ อาจต้องเผชิญความผันผวนหรือการขาดทุนในระดับที่สูงเกินกว่าที่ตัวเองรับไหว
3. เลือกกองทุนที่เหมาะกับงบประมาณ
เลือกกองทุนที่จำนวนเงินลงทุนสำหรับการซื้อขั้นต่ำ ครั้งแรก และครั้งถัดไปไม่เกินงบประมาณของเรา
4. เลือกกองทุนที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูง
สำหรับการลงทุนระยะยาว ถ้ากองทุนลงทุนเหมือนกัน ควรจะเลือกกองทุนที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage fee) ถูกที่สุด
ตัวอย่างกองทุนเสี่ยงสูงที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสอิควิตี้อินเด็กซ์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า หรือกองทุน KFUSINDX-A
นโยบายการลงทุน : เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P500 โดยคาดหวังผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียม ใกล้เคียงกับดัชนี S&P500 มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 90%
ระดับความเสี่ยง : 6
ผลการดำเนินงาน : ผลตอบแทนในอดีตเฉลี่ยสูงถึงปีละ 12.25% (จากผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี)
จำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อกองทุน : ครั้งแรก 500 บาท ครั้งถัดไป 500 บาท
ค่าใช้จ่าย : ค่าธรรมเนียมตอนซื้อกองทุน 0.5% และค่าธรรมเนียมรายปี 1.0021%
เหมาะกับใคร : กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดยกองทุนนี้เคยมีช่วงขาดทุนสูงสุด -32.81% หรือขาดทุนประมาณ 1 ใน 3 ของเงินลงทุน แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้ในเวลาประมาณเกือบ 5 เดือน (4 เดือน 28 วัน) (ที่มา : บลจ.กรุงศรี ข้อมูล ณ 31 พ.ค. 67)
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
เอกสารหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ หรือ Fund Fact Sheet
คำเตือน : ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เป็นเพียงข้อมูลประกอบ เพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาในบทความเท่านั้น
ตัวอย่างกองทุนเสี่ยงปานกลาง ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น และอื่น ๆ
กองทุนเปิดกรุงศรี The One Mean-สะสมมูลค่า หรือ กองทุน KF1MEAN-A
นโยบายการลงทุน : กองทุนรวมผสม ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ
ระดับความเสี่ยง : 5
ผลการดำเนินงาน : เนื่องจากเป็นกองทุนที่เริ่มจัดตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาจึงยังไม่มีข้อมูลผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี แต่เมื่อพิจารณาจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ 50% หุ้น 50% ควรจะคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวได้ประมาณ 50% ของการลงทุนในหุ้น
จำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อกองทุน : ครั้งแรก 500 บาท ครั้งถัดไป 500 บาท
ค่าใช้จ่าย : ค่าธรรมเนียมตอนซื้อกองทุน 0.5% และค่าธรรมเนียมรายปี 1.2796%
เหมาะกับใคร : กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
เอกสารหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ หรือ Fund Fact Sheet
คำเตือน : ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เป็นเพียงข้อมูลประกอบเพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาในบทความเท่านั้น
นอกจากทั้ง 2 กองทุนที่ยกตัวอย่างประกอบแล้ว ยังมี
กองทุนแนะนำประจำเดือนที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดนโยบายการลงทุน ข้อมูลผลตอบแทนและความเสี่ยง
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับการสร้างเงินล้านแรกด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้น ขอทบทวนเทคนิคส่งท้ายสั้น ๆ ดังนี้
- เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่วันนี้ อย่างสม่ำเสมอ DCA ช่วยเพิ่มพลังดอกเบี้ยทบต้น
- เลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่รับได้
- อดทนต่อความผันผวนระยะสั้น และมีวินัยในการลงทุน
เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงิน และสร้างความมั่งคั่งได้อย่างแน่นอน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- KF1MEAN-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนจึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
อ้างอิง