เปิดทริคสร้างเงินล้านแรก ด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้น

Posted On 14 ตุลาคม 2568
By Krungsri The COACH
ดอกเบี้ยทบต้นเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เงินเติบโตได้อย่างมาก แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจหลักการทำงานของดอกเบี้ยทบต้น ทำให้พลาดโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งไปอย่างน่าเสียดาย วันนี้ Krungsri The COACH จะพาทุกคนมารู้จักกับดอกเบี้ยทบต้น พร้อมแนะนำเทคนิคการสร้างเงินล้านด้วยเครื่องมือมหัศจรรย์นี้
ดอกเบี้ยทบต้น คืออะไร
ดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) คือ ดอกเบี้ยที่คำนวณผลตอบแทนจากเงินต้นและดอกเบี้ยในงวดก่อนหน้า โดยเมื่อดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนในงวดก่อนหน้าถูกสมทบกับเงินต้น ก็จะทำให้เงินต้นถูกทบสูงเพิ่มขึ้นในงวดถัดไป และการทบต้นยังทำให้ดอกเบี้ยสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเงินที่ลงทุนก็จะเติบโตต่อยอดขึ้นไปอีก
แต่หลายคนเมื่อได้ยินคำว่า ดอกเบี้ย อาจทำให้เข้าใจผิดว่ากำลังพูดถึงดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ความหมายของคำว่า ดอกเบี้ย หมายถึง ผลตอบแทนที่ได้เพิ่มขึ้นจากการออมและการลงทุน เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก หรือผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นต้น
ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนดอกเบี้ยทบต้น
ดอกเบี้ยทบต้นเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว เปรียบเสมือนการปั้นก้อนหิมะที่เริ่มจากก้อนเล็ก ๆ เมื่อกลิ้งไปเรื่อย ๆ มันจะเก็บสะสมหิมะรอบตัว และใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เงินลงทุนของเราก็เช่นกัน พลังของดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้มาจากการที่เราใส่เงินเพิ่มเข้าไปเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการที่
“ผลตอบแทน” ที่เราได้รับ สามารถสร้าง
“ผลตอบแทนของตัวมันเอง” ได้ในปีต่อ ๆ ไป ทำให้เงินของเราเติบโตแบบก้าวกระโดด ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร พลังนี้ก็จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น การเข้าใจหลักการนี้จึงเป็นเหมือนการติดอาวุธให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็ว และง่ายขึ้นนั่นเอง
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของดอกเบี้ยทบต้น
แม้ดอกเบี้ยทบต้นจะมีพลังมหาศาล แต่ก็มีทั้งข้อดี และข้อจำกัดที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจ เพื่อนำไปปรับใช้กับแผนการเงินของตัวเองได้อย่างเหมาะสม
ข้อดีของดอกเบี้ยทบต้น
- สร้างความมั่งคั่งในระยะยาว : ยิ่งลงทุนนาน เงินยิ่งเติบโตแบบทวีคูณ ทำให้สามารถสร้างเงินก้อนใหญ่ได้จากเงินต้นที่ไม่สูงมาก
- ผลตอบแทนเติบโตแบบก้าวกระโดด : เพราะเป็นการนำผลตอบแทนกลับไปลงทุนซ้ำ ทำให้ผลตอบแทนในงวดถัดไปถูกคำนวณจากฐานเงินต้นที่ใหญ่ขึ้น
- ลดภาระการออมในอนาคต : การเริ่มต้นลงทุนเร็วจะช่วยให้พลังของดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้เต็มที่ ทำให้เราใช้เงินลงทุนน้อยกว่าแต่บรรลุเป้าหมายเดียวกันได้
- เป็นเครื่องมือสร้าง Passive Income ในระยะยาว : ผลตอบแทนที่งอกเงยขึ้นมาสามารถกลายเป็นกระแสเงินสดให้เราได้โดยไม่ต้องทำงานเพิ่ม
ข้อเสียของดอกเบี้ยทบต้น
- ต้องใช้ระยะเวลานาน : พลังของดอกเบี้ยทบต้นจะเห็นผลชัดเจนเมื่อลงทุนในระยะยาว อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เงินในระยะสั้น
- ต้องมีวินัยในการลงทุนสูง : เงื่อนไขสำคัญคือห้ามถอนผลตอบแทนออกมาใช้ระหว่างทาง เพื่อให้เงินได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง
- สภาพคล่องต่ำ : การลงทุนที่เน้นผลตอบแทนทบต้นมักเป็นการลงทุนระยะยาว การนำเงินออกมาใช้ก่อนกำหนดอาจทำได้ยากหรือไม่คุ้มค่า
- ผลตอบแทนมีความไม่แน่นอน : สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ผลตอบแทนในแต่ละปีอาจไม่เท่ากัน ซึ่งส่งผลต่อการทบต้นของเงินลงทุน
วิธีคำนวณดอกเบี้ยทบต้นแบบง่าย ๆ
ดอกเบี้ยทบต้นสามารถคำนวณได้ง่าย ๆ ด้วยการนำผลตอบแทนที่ได้ในแต่ละปี ไปบวกกับเงินต้นเดิม แล้วใช้ยอดใหม่นั้นเป็นฐานในการคำนวณผลตอบแทนของปีถัดไป ทำแบบนี้ซ้ำไปเรื่อย ๆ ไปจนถึงที่ปีสุดท้ายที่จะลงทุน ก็จะเห็นยอดเงินปลายงวดที่เกิดจากดอกเบี้ยทบต้นทั้งหมด
สูตรคำนวณดอกเบี้ยทบต้นแบบง่าย ๆ
- เงินต้นงวด X อัตราดอกเบี้ย หรือผลตอบแทน (% ต่อปี) = ดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนรวม
- เงินต้นงวด + ดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนรวม = เงินปลายงวดของปีนั้น ๆ
- หลังจากนั้นให้นำเงินปลายงวดไปเป็น “เงินต้นงวด” ของปีถัดไป และคำนวณแบบเดิมไปเรื่อย ๆ จนถึงปีที่กำหนด
ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น Krungsri The COACH ขอยกตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยทบต้นประกอบ สมมุติให้เริ่มต้นลงทุน 10,000 บาท เป็นเวลา 7 ปี และได้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนปีละ 10% โดย Compound Interest จะทำงาน ดังนี้
จากตาราง พบว่า ต้นปีที่ 1 เริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 10,000 บาท ณ สิ้นปีที่ 1 จะได้ดอกเบี้ย 1,000 บาท (10,000 x 10% = 1,000) หากไม่ถอนเงินดอกเบี้ยออกมาใช้จ่าย ต้นปีถัดไป เงินต้นจะกลายเป็น 11,000 บาท (เงินต้น 10,000 + ดอกเบี้ย 1,000)
ต้นปีที่ 2 เงินต้นจะกลายเป็น 11,000 บาท ณ สิ้นปีที่ 2 จะได้ดอกเบี้ย 1,100 บาท (11,000 x 10% = 1,100) จะเห็นได้ว่า ดอกเบี้ยในปีที่ 2 มากกว่าปีที่ 1 อยู่ 100 บาท ซึ่งเกิดจากดอกเบี้ยของดอกเบี้ยปีที่ 1 และดอกเบี้ยจะทบต้นไปเรื่อย ๆ
เมื่อเวลาผ่านไป 7 ปี เราจะมีเงินทั้งหมดประมาณ 19,487 บาท หรือเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าในเวลาเพียง 7 ปีเลยทีเดียว
3 ปัจจัย และ 1 เงื่อนไขสำคัญช่วยเพิ่มพลังดอกเบี้ยทบต้น
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดอกเบี้ยทบต้น หรือ Compound Interest สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ
1. ระยะเวลาลงทุน
ยิ่งเริ่มต้นลงทุนเร็ว มีเวลาลงทุนนาน ดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งทวีคูณ
2. เงินต้น
ยิ่งเงินต้นมาก ดอกเบี้ยก็จะมาก พลังของดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งมาก และถ้าสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ หรือ DCA (Dollar Cost Average) ก็จะยิ่งเพิ่มพลังของดอกเบี้ยทบต้นได้อีกมาก
3. อัตราผลตอบแทน
ยิ่งสามารถสร้างดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนสูง เงินของเราก็จะยิ่งเติบโตเร็ว
3 ปัจจัย ทั้งเงินต้น ระยะเวลาลงทุน และอัตราผลตอบแทน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากขาดเงื่อนไขข้อสุดท้ายไปแล้ว ดอกเบี้ยทบต้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลย เงื่อนไขสำคัญที่ว่าก็คือ
“ต้องไม่ถอนดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนออกมาระหว่างทาง” เพราะถ้ามีการถอนออกมาเรื่อย ๆ ดอกเบี้ยจะไม่สามารถเข้าไปสมทบกับเงินต้นงวดก่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ดอกเบี้ยงวดถัด ๆ ไปน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เงินลงทุนก็จะเติบโตช้ากว่าที่ควร
เทคนิคสร้างเงินล้านด้วยดอกเบี้ยทบต้น
หลังจากที่รู้หลักการเรื่องดอกเบี้ยทบต้นกันแล้วปัจจัยข้อแรกที่ช่วยเพิ่มพลัง
ดอกเบี้ยทบต้น คือ ต้องเริ่มต้นลงทุนให้เร็ว ถ้าเราเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย มีเวลาลงทุนนาน ดอกเบี้ยทบต้นจะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่าง ปัจจุบัน A กับ B อายุ 30 ปี ต้องการมีเงิน 1,000,000 บาทเมื่ออายุ 50 ปี โดยทั้งคู่มีแผนจะแบ่งเงินโบนัสไปลงทุนทุกสิ้นปี คาดหวังผลตอบแทน 5% ต่อปี
ข้อแตกต่างของ A กับ B คือ “อายุ” โดย A จะเริ่มต้นลงทุนทันทีตั้งแต่อายุ 30 ปี ส่วน B ขอเริ่มช้าออกไป 5 ปี
จากการคำนวณ พบว่า A ต้องนำเงินไปลงทุนปีละ 30,243 บาท ส่วน B ต้องนำเงินไปลงทุนปีละ 46,343 บาท อาจกล่าวได้ว่าเพียงลงทุนเร็วขึ้น 5 ปี ก็ทำให้ A ใช้เงินลงทุนแต่ละปีน้อยกว่า B ถึง 16,100 บาทต่อปี หรือประมาณ 53% เลยทีเดียว
ลงทุนในอะไรดี เพื่อให้ได้พลังของดอกเบี้ยทบต้น
เมื่อเห็นประโยชน์ของดอกเบี้ยทบต้น เชื่อว่าคงอยากเริ่มต้นลงทุนกันแล้ว สำหรับคนที่ไม่มีเวลาติดตามข้อมูลข่าวสาร รวมถึงไม่ถนัดที่จะลงทุนหุ้นรายตัว Krungsri The COACH ขอแนะนำให้
ลงทุนผ่านกองทุนรวม เนื่องจากกองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพทำหน้าที่วิเคราะห์ คัดเลือกหุ้นของบริษัทหรือกิจการเพื่อเข้าลงทุน
นอกจากนี้ กองทุนรวมยังมีทางเลือกหลากหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ ไปจนถึงความเสี่ยงสูงอย่างหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ ยิ่งถ้าเราลงทุนในกองทุนรวม SSF, RMF หรือ Thai ESG เรายังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีจากเงินที่นำไปลงทุนอีกด้วย เรียกว่า ลงทุนผ่านกองทุนรวม ได้ทั้งความสะดวกสบาย มีมืออาชีพบริหารจัดการแล้วยังมีโอกาสได้ลดหย่อนภาษีอีกด้วย
หลักการเลือกลงทุนสร้างเงินล้านผ่านกองทุน
ทางเลือกในการลงทุนสำหรับการสร้างเงินล้านด้วยดอกเบี้ยทบต้น ควรเป็นกองทุนที่เข้าลักษณะที่จะทำให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้อย่างเต็มที่ คือ
1. เลือกกองทุนชนิดสะสมมูลค่า (ไม่จ่ายเงินปันผล)
หากกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลออกมา คงไม่สะดวกถ้าต้องคอยติดตามว่ามีการจ่ายเงินปันผลเมื่อไร ได้เงินเท่าไร และท้ายที่สุดเงินปันผลที่นำออกมาจะทำให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้ไม่เต็มที่
2. เลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้
หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ ผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนย่อมต่ำไปด้วย แต่ถ้าลงทุนเสี่ยงสูงเกินความเสี่ยงที่รับได้ อาจต้องเผชิญความผันผวนหรือการขาดทุนในระดับที่สูงเกินกว่าที่ตัวเองรับไหว
3. เลือกกองทุนที่เหมาะกับงบประมาณ
เลือกกองทุนที่จำนวนเงินลงทุนสำหรับการซื้อขั้นต่ำ ครั้งแรก และครั้งถัดไปไม่เกินงบประมาณของเรา
4. เลือกกองทุนที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูง
สำหรับการลงทุนระยะยาว ถ้ากองทุนลงทุนเหมือนกัน ควรจะเลือกกองทุนที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage fee) ถูกที่สุด
Krungsri The COACH ขอแนะนำ : กองทุนที่น่าสนใจ พร้อมรับประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น
หลังจากที่เรารู้จักวิธีการทำงานของดอกเบี้ยทบต้นไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสม เพื่อให้ดอกเบี้ยของเรางอกเงยทบต้นตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ โดย
Krungsri The COACH ขอยกตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจ จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในด้านการลงทุน ดังนี้
ตัวอย่างกองทุนเสี่ยงสูงที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสอิควิตี้อินเด็กซ์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า หรือกองทุน KFUSINDX-A
- นโยบายการลงทุน : เน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P500 โดยคาดหวังผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียม ใกล้เคียงกับดัชนี S&P500 มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 90%
- ระดับความเสี่ยง : 6
- ผลการดำเนินงาน : ผลตอบแทนในอดีตเฉลี่ยสูงถึงปีละ 12.25% (จากผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี)
- จำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อกองทุน : ครั้งแรก 500 บาท ครั้งถัดไป 500 บาท
- ค่าใช้จ่าย : ค่าธรรมเนียมตอนซื้อกองทุน 0.5% และค่าธรรมเนียมรายปี 1.0021%
- เหมาะกับใคร : กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดยกองทุนนี้เคยมีช่วงขาดทุนสูงสุด -32.81% หรือขาดทุนประมาณ 1 ใน 3 ของเงินลงทุน แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้ในเวลาประมาณเกือบ 5 เดือน (4 เดือน 28 วัน) (ที่มา : บลจ.กรุงศรี ข้อมูล ณ 31 พ.ค. 67)
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
เอกสารหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ หรือ Fund Fact Sheet
คำเตือน : ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เป็นเพียงข้อมูลประกอบ เพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาในบทความเท่านั้น
ตัวอย่างกองทุนเสี่ยงปานกลาง ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น และอื่น ๆ
กองทุนเปิดกรุงศรี The One Mean-สะสมมูลค่า หรือ กองทุน KF1MEAN-A
- นโยบายการลงทุน : กองทุนรวมผสม ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ
- ระดับความเสี่ยง : 5
- ผลการดำเนินงาน : เนื่องจากเป็นกองทุนที่เริ่มจัดตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาจึงยังไม่มีข้อมูลผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี แต่เมื่อพิจารณาจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ 50% หุ้น 50% ควรจะคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวได้ประมาณ 50% ของการลงทุนในหุ้น
- จำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อกองทุน : ครั้งแรก 500 บาท ครั้งถัดไป 500 บาท
- ค่าใช้จ่าย : ค่าธรรมเนียมตอนซื้อกองทุน 0.5% และค่าธรรมเนียมรายปี 1.2796%
- เหมาะกับใคร : กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
เอกสารหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ หรือ Fund Fact Sheet
คำเตือน : ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เป็นเพียงข้อมูลประกอบเพื่อช่วยให้เข้าใจเนื้อหาในบทความเท่านั้น
นอกจากทั้ง 2 กองทุนที่ยกตัวอย่างประกอบแล้ว ยังมี
กองทุนแนะนำประจำเดือนที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดนโยบายการลงทุน ข้อมูลผลตอบแทน และความเสี่ยงได้เลย
สรุปบทความ
ดอกเบี้ยทบต้น ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างอิสรภาพทางการเงิน ที่ช่วยให้เงินของเราเติบโตได้ด้วยตัวของมันเอง หัวใจหลักคือการเริ่มต้นลงทุนให้เร็วที่สุด ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และมีวินัยไม่ถอนผลตอบแทนออกมาใช้ เพื่อให้พลังแห่งการทบต้นทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมอย่างกองทุนรวมชนิดสะสมมูลค่า จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือมหัศจรรย์นี้ได้ง่ายขึ้น และเข้าใกล้เป้าหมายเงินล้านได้เร็วกว่าที่คิด
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
KF1MEAN-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนจึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้