วิธีรับมือเงินบาทแข็งค่า VS อ่อนค่า พร้อมพิชิตทุกความผันผวน

Posted On 17 ธันวาคม 2568
By Krungsri The COACH
หลายคนที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจคงคุ้นเคยกับความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ไม่ว่าจะเป็น
“เงินบาทแข็งค่า” หรือ
“เงินบาทอ่อนค่า” ซึ่งส่งผลกระทบต่อเรามากกว่าที่คิด ตั้งแต่ราคาสินค้านำเข้า ไปจนถึงมูลค่าพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนนี้ได้อย่างมั่นใจ Krungsri The COACH จะพาไปเจาะลึกถึงปัจจัยที่ขับเคลื่อนค่าเงินบาท พร้อมกลยุทธ์การปรับพอร์ตลงทุน เพื่อเปลี่ยนทุกความผันผวนให้กลายเป็นโอกาส
เข้าใจก่อน ! เงินบาทแข็งค่า VS เงินบาทอ่อนค่า คืออะไร ?
“เงินบาทแข็งค่า” ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจดีเสมอไป และ “เงินบาทอ่อนค่า” ก็ไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจแย่เสมอไป แต่เป็นการเปรียบเทียบมูลค่าของเงินบาทกับสกุลเงินอื่น โดยส่วนใหญ่มักจะเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)
- เงินบาทแข็งค่า : หมายถึง เงินบาทมีมูลค่าสูงขึ้น เราใช้เงินบาท น้อยลง เพื่อแลกเงินต่างประเทศได้เท่าเดิม เช่น จากเดิมต้องใช้เงิน 37 บาท แลกเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะเหลือเพียง 35 บาทก็สามารถแลกเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้
- เงินบาทอ่อนค่า : หมายถึง เงินบาทมีมูลค่าน้อยลง เราใช้เงินบาท มากขึ้น เพื่อแลกเงินต่างประเทศได้เท่าเดิม เช่น จากเดิม 37 บาทแลกเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เปลี่ยนเป็นต้องใช้เงิน 39 บาท แลกเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ค่าเงินบาทผันผวน
ค่าเงินก็เปรียบเสมือนสินค้าชนิดหนึ่ง ที่มีขึ้นมีลงตามแรงซื้อ (Demand) และแรงขาย (Supply) ในตลาด ซึ่งมีปัจจัยหลัก ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยไทย VS สหรัฐฯ
หากอัตราดอกเบี้ยของไทยสูงกว่าของสหรัฐฯ ก็จะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนธุรกิจในไทยมากขึ้น ความต้องการเงินบาทจึงสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะเงินบาทแข็งค่า ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ สูงมากกว่า เงินทุนก็จะไหลออกจากไทยไปลงทุนในสหรัฐฯ แทน ทำให้เกิดแรงเทขายเงินบาท และส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง
2. ดุลการค้าและการท่องเที่ยว
เมื่อประเทศไทยส่งออกสินค้าได้มาก หรือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในประเทศเยอะ ๆ จะทำให้มีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าประเทศจำนวนมาก ซึ่งเงินเหล่านี้จะต้องถูกแลกกลับมาเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่าย ทำให้ความต้องการเงินบาทสูงขึ้น และส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า
แต่หากเรานำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออก หรือคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศเยอะ เงินบาทก็จะถูกแลกออกไปเป็นสกุลเงินอื่น ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
3. ทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ทิศทางของค่าเงินบาทมักจะเคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่เสมอ หากมีข่าวที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ก็จะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ถ้าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงจากปัจจัยใดก็ตาม ก็จะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นแทน
4. ความเชื่อมั่นของนักลงทุน
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการเมืองภายในประเทศเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ หากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตดี และการเมืองมีเสถียรภาพ ก็จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติให้ไหลเข้ามา ทำให้ความต้องการเงินบาทสูงขึ้น และส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า ในทางตรงกันข้าม หากเกิดความไม่แน่นอน นักลงทุนอาจชะลอการลงทุน หรือย้ายเงินทุนออกไป ก็จะทำให้เงินบาทอ่อนค่านั่นเอง
เจาะลึกค่าเงินบาทส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนอย่างไร ?
สำหรับนักลงทุนแล้ว ความผันผวนของค่าเงินถือเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส การทำความเข้าใจผลกระทบต่อการลงทุน จะช่วยให้เราวางกลยุทธ์ลงทุนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
เงินบาทแข็งค่า : โอกาสที่นักลงทุนไทยต้องจับตามอง
ช่วงที่เงินบาทแข็งค่าถือเป็นจังหวะทองของนักลงทุนไทยที่วางแผนลงทุนในต่างประเทศ เพราะเงินบาทของเรามีมูลค่าสูงขึ้น ก็สามารถแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศเพื่อนำไปลงทุนต่อยอดได้มากขึ้น สถานการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับภาวะดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นนอกประเทศ การเข้าลงทุนในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าจึงเป็นการสร้างแต้มต่อ ทำให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเมื่อค่าเงินกลับมาอ่อนค่าในอนาคตนั่นเอง
เงินบาทอ่อนค่า : หุ้นส่งออกยิ้ม รับกำไรพอร์ตลงทุนต่างประเทศ
ในทางกลับกัน เมื่อเงินบาทอ่อนค่า กลุ่มที่ยิ้มรับประโยชน์เต็ม ๆ คือ “ธุรกิจส่งออก” เพราะเมื่อขายสินค้าเป็นเงินสกุลต่างประเทศ จะสามารถแลกกลับมาเป็นเงินบาทได้มากขึ้น ทำให้รายรับ และกำไรเพิ่มขึ้นโดยปริยาย หุ้นในกลุ่มส่งออกจึงมักได้รับอานิสงส์เชิงบวกในช่วงนี้
ในขณะเดียวกัน สำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว นี่คือช่วงเวลาของการรับ “กำไรสองเด้ง” คือทั้งกำไรจากการเติบโตของสินทรัพย์ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อแปลงผลตอบแทนกลับมาเป็นเงินบาท
Krungsri The COACH แนะนำ : กลยุทธ์จัดพอร์ตลงทุน พิชิตทุกความผันผวนค่าเงิน
เมื่อเข้าใจผลกระทบแล้ว ก็ถึงเวลาของการวางกลยุทธ์เพื่อเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาสกัน
กลยุทธ์ช่วงเงินบาทแข็งค่า : มองหาโอกาสนอกประเทศ ด้วยกองทุน KF-SINCOME-FX-A
เมื่อเงินบาทแข็งค่า การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นถือเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการคว้าโอกาสนี้ และสามารถรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ Krungsri The COACH ขอแนะนำกองทุนกรุงศรีโกลบอลสมาร์ทอินคัมเอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า (
KF-SINCOME-FX-A)
กองทุนนี้มีจุดเด่นตรงการบริหารแบบเชิงรุก โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกได้อย่างคล่องตัวให้ทันต่อสถานการณ์ตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงินตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อีกด้วย
- ระดับความเสี่ยง : 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่ต้องการใช้จังหวะเงินบาทแข็งค่าเป็นจุดเริ่มต้นในการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศ และสามารถรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากทั่วโลก
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า แต่ยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นโดยรวม Krungsri The COACH ขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกคือ การพักเงินใน
บัญชีเงินฝากประจำสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ระยะสั้น 3 หรือ 6 เดือน เพื่อรับผลตอบแทนที่แน่นอนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 4.1% ต่อปี ซึ่งเป็นอีกวิธีในการสร้างผลตอบแทนจากทิศทางค่าเงิน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กลยุทธ์ช่วงเงินบาทอ่อนค่า : วางแผนสร้างความมั่นคงระยะยาว ด้วยกองทุน KF-CSINCOME
ในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนรู้สึกกังวลกับความผันผวน ดังนั้นจึงควรสร้างความมั่นคงให้พอร์ตในระยะยาวด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศที่มีการ “ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน” โดย Krungsri The COACH ขอแนะนำกองทุนกรุงศรีโกลบอลคอลเล็คทีฟสมาร์ทอินคัม (KF-CSINCOME) ซึ่งบริหารจัดการโดยกองทุนหลักระดับโลกอย่าง PIMCO ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรับพอร์ตให้เข้ากับทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลก มีจุดเด่นตรงที่ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถโฟกัสกับการเติบโตของสินทรัพย์หลักได้อย่างสบายใจ ลดความกังวลจากความผันผวนของค่าเงินลง
- ระดับความเสี่ยง : 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว แต่ต้องการลดความเสี่ยง และความกังวลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ความผันผวนของค่าเงินบาทเป็นเรื่องปกติของกลไกตลาดที่นักลงทุนต้องเผชิญ แต่แทนที่จะมองว่าเป็นความเสี่ยง หากเรามีความเข้าใจในผลกระทบต่อสินทรัพย์แต่ละประเภท และรู้จักเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ก็สามารถเปลี่ยนความท้าทายนี้ให้เป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ และทำให้พอร์ตการลงทุนของเราเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน • กองทุน KF-SINCOME-FX-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการ
จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
หมายเหตุ: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุนให้กับ บลจ. กรุงศรี เท่านั้น
อ้างอิง