การเป็นพ่อแม่ในยุคนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย เพราะว่าลูก ๆ ไม่ว่าจะ Gen Beta หรือ Gen Alpha ต่างเติบโตมาในโลกที่ไม่เหมือนกับยุคของเราเลย พ่อแม่จึงต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ และการปรับตัวที่มากขึ้น Krungsri The COACH ขอเป็นโค้ชเคียงข้างคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ที่จะช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการใช้ชีวิตหรือการเงิน เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข
ลักษณะของ Gen Alpha เป็นอย่างไร ?
เด็ก Gen Alpha คือกลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 - 2024 พวกเขาคือ Digital Native อย่างแท้จริงที่เติบโตมาพร้อมกับสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และอินเทอร์เน็ต ทำให้คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเป็นอย่างดี มีลักษณะนิสัยที่โดดเด่นคือการเรียนรู้ผ่านภาพและวิดีโอ (Visual Learner) ชอบความรวดเร็ว และสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน การสอนลูกเจนนี้ให้เข้าใจเรื่องการวางแผนการเงินจึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของบรรดาผู้ปกครอง
2 ปัจจัยสำคัญเลี้ยงลูกให้มีความมั่นคงทางการเงิน
ในยุคที่ทุกอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยสิ่งเร้า เด็ก ๆ Gen Alpha เติบโตมาในโลกที่จูงใจให้อยากได้ของทันทีมากกว่าการรอคอย การสอนลูกให้ใช้เงินเป็นจึงไม่ใช่แค่การบอกให้หยอดกระปุก แต่ต้องสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งจากภายใน ซึ่งประกอบด้วย 2 ปัจจัยสำคัญ ดังนี้
1. สร้างภูมิคุ้มกันทางใจ
ภูมิคุ้มกันทางใจ คือการสอนลูกให้รู้จักคุณค่า และความสุขที่แท้จริงจากภายใน ไม่ใช่จากวัตถุ หรือการยอมรับจากคนอื่น เป็นการสร้างรากฐานทางความคิดที่แข็งแกร่งให้ลูกเข้าใจว่า เงินเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสุขทั้งหมดของชีวิต และหากใช้เงินอย่างไร้เหตุผล ก็อาจจะนำมาสู่สาเหตุของความทุกข์ในอนาคตได้
2. สอนความรู้ทางการเงินให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย
การให้ความรู้ทางการเงินเปรียบเหมือนการฉีดวัคซีนป้องกันปัญหาการเงินในอนาคต พ่อแม่จึงควรเริ่มสอนลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยให้เหมาะสมตามวัย จะช่วยปลูกฝัง “นิสัยทางการเงินที่ดี” ให้กับลูกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่การรู้จักค่าของเงิน การออม ไปจนถึงการตัดสินใจใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ข้อดีของการเริ่มสอนเร็วคือช่วยให้ลูกลดความกังวลเรื่องเงินเมื่อเติบโตขึ้น ทำให้เงินไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นเครื่องมือที่ลูก ๆ สามารถบริหารจัดการเพื่อสร้างชีวิตที่มั่นคงได้ด้วยตัวเองนั่นเอง
วิธีสอนลูกให้ฉลาดเรื่องเงินในแต่ละวัย ปูรากฐานการเงินให้แน่นและมั่นคง
Krungsri The COACH ได้สรุปแนวทางการสอนเรื่องการวางแผนการเงินที่พ่อแม่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับลูกในแต่ละช่วงวัย เพื่อสร้างอนาคตทางการเงินที่สดใสให้แก่พวกเขา
วัยแรกเกิด - 5 ขวบ : เริ่มต้นสร้างความเข้าใจด้านการเงินแบบง่าย ๆ
ในวัยนี้แม้ลูกจะยังไม่เข้าใจเรื่องเงินที่ซับซ้อน แต่เป็นช่วงเวลาทองในการวางรากฐานผ่านพฤติกรรมของพ่อแม่ สิ่งสำคัญคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ลูกซึมซับแนวคิดเรื่องการออม และความมั่นคงตั้งแต่วันแรก พ่อแม่ควรทำให้การวางแผนการเงินเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัว เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกเห็น
- เปิดบัญชีเงินฝากในชื่อลูก : เพื่อเก็บเงินขวัญถุง และเป็นจุดเริ่มต้นของการออมระยะยาว
- สร้างหลักประกันด้านสุขภาพ : ทำประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินของครอบครัว
- วางแผนการศึกษาล่วงหน้า : เริ่มต้นเก็บเงินก้อนเพื่อการศึกษาผ่านประกันสะสมทรัพย์ หรือการลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสม
- สร้างกองทุนฉุกเฉินสำหรับครอบครัว : สำรองเงินไว้อย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่าย เพื่อความอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
Krungsri The COACH ขอแนะนำ : การวางรากฐานแรกให้มั่นคง เพื่ออนาคตของลูกรัก
ด้วย “
บัญชีเงินฝากประจำ” จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นบัญชีที่เหมาะสำหรับการออมเงินให้ลูก โดยพ่อแม่ สามารถเปิดบัญชีให้ลูกที่มีอายุไม่เกิน 19 ปี เพียงฝากเงินจำนวนเท่ากันทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 24 หรือ 36 เดือน บัญชีนี้จะมอบอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากประจำทั่วไป ช่วยให้เงินออมของลูกเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการปลูกฝังวินัย และสร้างความมั่นคงก้าวแรกให้ลูกรัก
วัยประถม (6 – 12 ปี) : เสริมสร้างนิสัยการเงิน และพัฒนาทักษะ
เด็กวัยนี้เริ่มเข้าใจโลกกว้าง และเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง พ่อแม่ควรสอดแทรกความรู้ทางการเงินผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เรื่องเงินกลายเป็นเรื่องสนุก และจับต้องได้ ไม่ใช่เรื่องเครียด สิ่งสำคัญคือการสอนให้ลูกเข้าใจว่า “เงิน” คือเครื่องมือที่เราจัดการได้ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในชีวิต แบ่งปันผู้อื่น และสร้างสิ่งดี ๆ ให้ชีวิต ตัวอย่างเช่น
- ให้ค่าขนมเป็นรายสัปดาห์ : เพื่อฝึกให้ลูกบริหารจัดการเงินด้วยตัวเองในระยะเวลาที่ยาวขึ้น
- สอนผ่านกระปุก 3 ช่อง : แบ่งเงินเป็นส่วน ๆ อย่างชัดเจน ได้แก่ “ออม” สำหรับเป้าหมายในอนาคต “ใช้” สำหรับสิ่งที่อยากได้ และ “แบ่งปัน” สำหรับการทำบุญหรือช่วยเหลือผู้อื่น
- พ่อแม่วางแผนค่าใช้จ่ายทางการศึกษา : เริ่มวางแผนค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย และคอร์สเสริมทักษะต่าง ๆ พร้อมเริ่มลงทุนในกองทุนรวมเพื่อให้เงินเติบโตทันค่าใช้จ่ายในอนาคต
วัยมัธยม (13 – 18 ปี) : เตรียมเงินก้อนใหญ่ และสร้างวินัยการเงินจริงจัง
ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายจุกจิกค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นค่าเสื้อผ้า ค่าเรียนพิเศษเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย และค่าใช้จ่ายเวลาที่ลูกต้องเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเมื่อลูก ๆ ของเราเจริญวัยมากขึ้น ทั้งนี้ในฐานะพ่อแม่จึงควรยกระดับการสอนลูกให้ใช้เงินเป็นอย่างจริงจังมากขึ้น ควบคู่ไปกับการวางแผนการลงทุนเพื่อเป้าหมายใหญ่ในอนาคต เป็นการพัฒนาทักษะการเงินของลูกไปพร้อม ๆ กับการสร้างความมั่นคงของครอบครัว
- สอนให้ลูกทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย : เพื่อให้เห็นภาพรวมการใช้เงินของตัวเอง และฝึกการวางแผนอย่างเป็นระบบ
- ตั้งเป้าหมายเงินก้อนให้ลูกตั้งตัวในอนาคต : คุณพ่อคุณแม่จะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และวางแผนการลงทุนย้อนหลังเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย
- เพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่าย : สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ แนะนำให้คุณพ่อแม่ลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หรือเงินฝากประจำ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 - 6 ปี ข้างหน้า อาจพิจารณาเพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้นได้ หรือกองทุนผสมได้ เนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลาที่ช่วยลดความผันผวนด้านราคา และเปิดโอกาสให้รับผลตอบแทนได้
วัยมหาวิทยาลัย (18 - 22 ปี) : ให้ลูกบริหารเงิน และเริ่มรู้จักการลงทุน
เมื่อลูกก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย พ่อแม่ควรเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้จัดการ” มาเป็น “โค้ช” โดยค่อย ๆ ปล่อยให้ลูกได้ลองบริหารเงินก้อนใหญ่ด้วยตัวเองภายใต้คำแนะนำของเรา พร้อมทั้งเปิดประตูสู่โลกการลงทุนให้พวกเขาได้เรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงนี้จะเป็นบทเรียนทางการเงินที่มีค่าที่สุด
- ให้ลูกบริหารงบประมาณรายเดือน/เทอม : โดยอาจทยอยให้เงินจากแผนการออมที่เตรียมไว้ เพื่อให้ลูกเห็นคุณค่า และที่มาของเงิน
- ส่งเสริมให้หารายได้เสริม : สนับสนุนให้ลูกทำงานพาร์ตไทม์ เพื่อเรียนรู้คุณค่าของเงินจากการลงแรงทำงานจริง
- สอนให้เริ่มลงทุนด้วยตัวเอง : แนะนำให้ลูกเปิดบัญชีกองทุนรวมสำหรับมือใหม่ หรือลงทุนในจำนวนเงินไม่มาก เพื่อให้คุ้นเคยกับความผันผวน และเรียนรู้จากการลงทุนจริง
Krungsri The COACH ขอแนะนำ : กองทุนที่เหมาะสำหรับเริ่มต้นสอนลูกให้ลงทุน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะสอนลูกให้เริ่มต้นลงทุน กองทุนเปิดกรุงศรีเวิลด์อิควิตี้อินเด็กซ์-สะสมมูลค่า ที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก หรือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้-สะสมมูลค่า ที่มีนโยบายลงทุนในแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและเลือกใช้ ทั้งสองกองทุนนี้เป็นทางเลือกที่ดี เหมาะสำหรับเป็นกองทุนแรกๆ ให้ลูกได้เริ่มสร้างพอร์ตการลงทุนของตัวเอง หรือคุณพ่อคุณแม่จะลงทุนเพื่อเป็นของขวัญให้ลูกก็ได้เช่นกัน
จะได้เห็นว่า มีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายสินทรัพย์มาก ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากประจำ ประกันสุขภาพ และกองทุนรวม หากพ่อแม่ท่านไหนไม่อยากจัดแผนการลงทุนเองให้ยุ่งยาก สามารถปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญจากทางธนาคารกรุงศรีได้เลย เราพร้อมให้คำแนะนำเคียงข้างพ่อแม่มือใหม่ทุกท่านอย่างเข้าใจ
สรุป
การสอนลูกให้ใช้เงินเป็นไม่ใช่แค่การให้ความรู้ แต่คือการมอบของขวัญล้ำค่าที่เป็นทักษะติดตัวไปตลอดชีวิต การเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ คือการสร้างเกราะป้องกัน และสร้างความมั่นคงให้ลูกสามารถเผชิญหน้ากับโลกอนาคตได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะมีรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ และสร้างชีวิตที่มีความสุขได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นคือเป้าหมายสูงสุดของคนเป็นพ่อแม่ทุกท่าน
หมายเหตุ : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
KFGBRAND-A, KF-WORLD-INDX-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
อ้างอิง